โตโยต้า ฉลองความสำเร็จ ผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน

ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย มร. ชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น / กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มร.ทัตสึโร่ ทาคามิ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น / กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในงาน “ฉลองความสำเร็จยอดการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าครบ 10 ล้านคัน” เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ณ โรงงานโตโยต้า สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2505 ภายใต้ปรัชญา “ส่งเสริมพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสังคมและประเทศที่โตโยต้าเข้าไปดำเนินธุรกิจ” ส่งผลให้ธุรกิจรถยนต์ของโตโยต้าเจริญก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ จวบจนปัจจุบันกว่า 56 ปี ภายใต้การลงทุนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากโรงงานผลิต 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานประกอบรถยนต์สำโรง จ.สมุทรปราการ โรงงานประกอบรถยนต์เกตเวย์ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และโรงงานประกอบรถยนต์บ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยความร่วมมือร่วมใจ และความทุ่มเทของพนักงานทุกคน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด นำมาสู่การบรรลุยอดการผลิตครบ 10 ล้านคัน และเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของโตโยต้า


การก้าวย่างสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงของโตโยต้าในประเทศไทย สามารถแบ่งออกเป็น 6 ยุคด้วยกัน

เริ่มจากยุคก่อร่างสร้างฐาน “ก้าวแรกแห่งการร่วมเดินเคียงข้างคนไทย” (ระหว่าง พ.ศ. 2505 – 2515) โดยก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกขึ้นที่ ต. สำโรงเหนือ เพื่อประกอบรถรุ่นแรก คือ โตโยต้า ไดน่า เจเค 170 และ โคโรน่า อาร์ที 40 ตามด้วย ไฮลักซ์ อาร์เอ็น 10 และ โคโรลล่า เคอี 20 ด้วยอัตราการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศถึงร้อยละ 25
ยุคที่ 2 คือ ยุคแห่งการพัฒนา “มุ่งมั่นบนเส้นทางแห่งการพัฒนาและเสริมสร้างความเชื่อมั่น” (ระหว่าง พ.ศ. 2516 – 2525) ด้วยการขยายกำลังการผลิต ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่ 2 ใน ต. สำโรงใต้ จ. สมุทรปราการ เป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีการประกอบโดยใช้สายพานการผลิตระบบแขนกลอัตโนมัติเชื่อมตัวถัง และระบบเคลือบสีป้องกันสนิม แคทไอออนอีดีพี เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยยอดการผลิตในประเทศครบ 100,000 คัน ในปี 2523
ยุคที่ 3 ยุคหน้าโตโยต้า “มุ่งหน้าสร้างความมั่นคง ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทย” (ระหว่าง พ.ศ. 2526 – 2535) ได้แสดงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ ด้วยการร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด เพื่อผลิตเครื่องยนต์สำหรับรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและส่งออกพร้อมแนะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว เป็นรายแรกของประเทศในรุ่น “โคโรลล่า เออี 92” ทำให้สามารถประกอบรถยนต์ได้ครบ 500,000 คัน ในปี 2535
ยุคที่ 4 ยุคประชายานยนต์ “สร้างสรรค์ยนตรกรรม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ” (ระหว่าง พ.ศ. 2536 – 2545) เปิดโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ เพื่อผลิตรถยนต์นั่ง โดยในปี 2539 สามารถผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคัน ด้วยกำลังการผลิตจาก 3 โรงงานหลัก รวมถึงแนะนำเครื่องยนต์ระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-I ครั้งแรกใน “โคโรลล่า อัลติส” และเปิดตัวรถ ”โตโยต้าโซลูน่า” รุ่นแรก ที่วิศวกรชาวไทย มีส่วนร่วมในการออกแบบและใช้ชิ้นส่วนประกอบภายในประเทศกว่าร้อยละ 70
ยุคที่ 5 ยุคเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม “ยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม บูรณาการความรับผิดชอบเพื่อสังคมไทย” (ระหว่าง พ.ศ. 2546 – 2555) โดยเป็นบริษัทแรกที่แนะนำระบบไฮบริดเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งได้รับการยกระดับให้เป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักของรถกระบะขนาด 1 ตัน ในกลุ่มบริษัทโตโยต้า ภายใต้โครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) เพื่อผลิตรถกระบะ “ไฮลักซ์” และรถเอนกประสงค์ “ฟอร์จูนเนอร์” และในปี 2550 ได้ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าบ้านโพธิ์ขึ้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการขยายตัว ในประเทศ และส่งออกกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้โตโยต้าสามาถผลิตรถยนต์ได้ครบ 5 ล้านคัน ในปี 2553 ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของการผลิตครบ 1 ล้านคันในอดีต
ยุคที่ 6 ยุคนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน “สร้างสรรค์นวัตกรรมการขับเคลื่อน “ที่ดียิ่งกว่า” เพื่อทุกคน” (ระหว่าง พ.ศ. 2556 – ปัจจุบัน) แนะนำ ยารีส เอทีพ (Yaris ATIV) อีโคคาร์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า รุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และ Toyota C-HR ที่มาพร้อมกับ 4 เทคโนโลยีใหม่มาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า ได้แก่ ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 สถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ (Toyota New Global Architecture หรือ TNGA) มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense หรือ TSS) และระบบที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว (Toyota T-Connect Telematics)

ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 56 ปี โตโยต้ามีความภาคภูมิใจที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุนร่วมกับภาครัฐในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐาน การผลิตและส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำหน้า ส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในประเทศให้สูงขึ้น จนก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 240,000 คน มีผู้ผลิตชิ้นส่วนลำดับแรก (first tier suppliers) 172 ราย และผู้แทนจำหน่ายฯ 155 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ
ปัจจัยที่มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในปัจจุบัน คือ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้ยึดมั่นอยู่ในคุณภาพสูงสุด ภายใต้ระบบการผลิตแบบโตโยต้า หรือ Toyota Production System (TPS) ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ปัจจุบันการผลิตของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มีกำลังการผลิต 750,000 คันต่อปี มีพนักงานกว่า 14,500 คน โดยยอดจำนวนการผลิต 10 ล้านคัน เกิดจากโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าทั้ง 3 แห่ง แบ่งออกเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 5.8 ล้านคัน และส่งออกจำนวน 4.2 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการส่งออกสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยกว่า 2,589,000 ล้านบาท*
(*ตั้งแต่ปี 2535 – เดือนพฤษภาคม ปี 2561)
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวแสดงความขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ “โตโยต้าตระหนักดีว่า ความสำเร็จในวันนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากปราศจากซึ่งการช่วยเหลือและสนับสนุนจากทุกท่าน โตโยต้าย่อมไม่สามารถเติบโตได้ดังเช่นทุกวันนี้ ผมขอขอบคุณลูกค้าของเราที่มอบความไว้วางใจให้กับโตโยต้าเสมอมา และแสดงความขอบคุณไปยังรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมและให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์มาโดยตลอด ที่สำคัญผมขอขอบคุณท่านผู้แทนจำหน่ายและผู้ผลิตชิ้นส่วนโตโยต้า รวมไปถึงผู้ถือหุ้น และพันธมิตรทางธุรกิจของเราสำหรับความร่วมมืออย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”


ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีต่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในโอกาสที่บริษัทได้ผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน และขอขอบคุณบริษัท โตโยต้า มอเตอร์คอปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความไว้วางใจประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สำคัญ ความสำเร็จของโตโยต้าครั้งนี้ เป็นผลมาจากการลงทุนในโครงการผลิตรถยนต์หลายโครงการที่สนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการผลิตรถ Pick-up การลงทุนรถยนต์ประหยัด Eco car เป็นผู้นำในการลงทุนผลิตรถยนต์ไฮบริด และแบตเตอรี่เป็นรายแรกด้วยมูลค่าการลงทุนเกือบ 20,000 ล้านบาท ตลอดจนถ่ายโอนความรู้และเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ และดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม แสดงถึงความมุ่งมั่นของโตโยต้าที่จะเติบโตเคียงคู่พร้อมสังคมไทย
บริษัทโตโยต้าจึงเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ภาคธุรกิจในการร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนตาม Thailand 4.0 Roadmap และผมขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สำหรับความสำเร็จในการผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน และขออำนวยพรให้บริษัทฯ มีความเจริญก้าวหน้าและมั่งคงพร้อมยืนหยัดสร้างสรรค์การพัฒนาอุตสาหกรรม ยานยนต์ของประเทศไทยให้ก้าวไกลเป็นผู้นำในระดับโลก”


นอกจากนี้ มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ ยังกล่าวถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทยและทิศทางในอนาคตว่า “โตโยต้ายังคงมุ่งมั่นสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการตอบสนองนโยบายของภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ในระดับโลก นอกจากนี้ยังส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของประเทศไทย ด้วยความร่วมมือกับบริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง มุ่งพัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยและการพัฒนาของวิศวกรไทยให้สูงขึ้น อีกทั้งยังสร้างสรรค์ยนตรกรรมแห่งการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (“Ever-better” Mobility) และจะเพิ่มการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และส่งเสริมการพัฒนาด้านบุคลากร เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างความสุขให้กับลูกค้าของเรา”

Toyota Celebrates Monumental Achievement Manufacturing Milestones of 10 Million Vehicles

In Thailand

            Dr. Uttama Savanayana, Minister of Industry; alongside with Mr. Shiro Sadoshima, Ambassador of Japan to Thailand; Mr. Michinobu Sugata, Managing Officer of Toyota Motor Corporation, Japan and President of Toyota Motor Thailand Co., Ltd. and Mr. Tatsuro Takami, Managing Officer of Toyota Motor Corporation, Japan and President of Toyota Daihatsu Engineering & Manufacturing Co., Ltd. joined to preside over the glorious moment of “The 10 Million of the great success in Thailand” on 11th  July 2018, at Toyota Samrong Plant, Samut Prakan Province.       

 

From the first step of deep commitment towards the successful milestone of 10 million vehicles

Established in 1962, Toyota Motor Thailand Co., Ltd. has been heavily committed to the inherited spirit of Toyota’s philosophy: “Be contributive to the development and wealth of the country by working together, regardless of position, in faithfully fulfilling your duties.” which has contributed to the company’s continuous advancement for over 56 years. Toyota has constantly emphasized the importance of substantial investments to foster steady business growth as seen in the successful establishment of three manufacturing plants, i.e. Samrong Manufacturing Plant in Samut Prakan Province, as well as Gateway Manufacturing Plant and Ban Pho Manufacturing Plant in Chachoengsao Province. With the wholehearted effort and strong determination of all Toyota colleagues to bring genuine satisfaction to each and every one of Toyota’s valued customers through best-in-class products and services, the company has now reached its remarkable manufacturing milestone of 10 million vehicles in Thailand. The achievement undoubtedly marks another impressive legend of Toyota’s success.

Toyota’s path of enduringly longstanding achievement in Thailand can be divided into six eras, starting with Establishment Era: “First Step of Togetherness with Thai People” (1962 – 1972). During this period, the first automobile assembly plant was established in Samrong Nua Sub-district to produce Toyota DYNA JK 170 and Corona RT 40, followed by Hilux RN 10 and Corolla KE 20, with the use of up to 25% local content.

The second era is Development Era: “Determination to Develop for Greater Trust” (1973 – 1982), during which the company continually strived to expand its automobile production capacity through the establishment of the second automobile assembly plant in Samrong Tai Sub-district, Samut Prakarn Province. Here, Thailand saw for the first time the pioneering assembly technologies through the use of Swing Arm Auto Loading and CATION E.D.P. (Electro Deposit Painting) in Toyota’s advanced vehicle production line. In addition, Toyota accomplished the production milestone of 100,000 vehicles in 1980.

The third era is Toyota’s New Era: “Pursuit of Growth as  Contributing to Thai Society” (1983 – 1992). Reaffirming its leadership in automotive innovation, Toyota launched a joint venture to establish Siam Toyota Manufacturing Co., Ltd. to produce engines in order to support domestic economic expansion and export. Furthermore, a 16-valve twin-cam engine was debuted in “Corolla AE 92” for the first time in Thailand, making it possible for Toyota to accomplish the vehicle production of 500,000 units in 1992.

The fourth era is Motorization Era: “Manufacturing Cars to Meet All Market Demands” (1993 – 2002). Toyota founded a new assembly plant at Gateway Industrial Estate to produce passenger cars. In 1996, Toyota vehicles assembled in Thailand reached 1,000,000 units from the production of its three major plants. Toyota also introduced “Corolla Altis” that came with VVT-i technology as well as launching the very first “Toyota Soluna” of which Thai engineers took part in the development and which 70% local content was used to produce.

          The fifth era is Environmental Innovation Era: “Eco-friendly Technology, Integrating Responsibility for Society” (2003 – 2012). Toyota is officially the first company that introduced full hybrid system which is the genuine eco-friendly technology to Thailand. Besides, Toyota Motor Thailand was among many other Toyota affiliates to be positioned as the key base of production and export of 1-ton pickups under IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) Project. This project also contributed to the production of “Hilux” pickups and Toyota’s flagship SUV “Fortuner”. In 2007, Toyota Ban Pho Plant was established in Chacheongsao Province to serve the increasing production capacity in order to help fulfill domestic demands as well as export to over 120 countries around the world. The aforementioned advancement eventually resulted in Toyota’s striking success in reaching as many as 5 million vehicle production in 2010 within only half of the time spent to accomplish 1 million units in the past.

The sixth era is Sustainable Innovation Era: “Creation of ‘Ever-better’ Mobility Innovation for All” (2013 – Present). Toyota has debuted Yaris ATIV as the eco-car that seamlessly fulfills the needs of young generations, along with Toyota C-HR that comes with four Toyota’s world-class technologies, including the fourth generation of Toyota hybrid, Toyota New Global Architecture (TNGA), Toyota Safety Sense (TSS), and Toyota T-Connect Telematics.

 

Toyota stands side by side with Thai people to promote sustainable economic development

Over 56 years of business operations in Thailand, Toyota is deeply proud to take part in driving the development of the industry, promoting profitable investments in firm collaboration with the government sector so as to make Thailand the major production and export hub in ASEAN, as well as enhancing advanced technology transfer while developing the potential and capacity of local human resources, all of which result in the employment of nearly 240,000 persons, with 172 first tier suppliers and a strong dealer network of 155 dealerships nationwide.

The key success factors behind Toyota’s current achievement lie in the fact that the company has been determined to continuously improve its product and foster its people to adhere to the ultimate quality under the world-acclaimed Toyota Production System (TPS). Nowadays, with as many as 14,500 employees, Toyota Motor Thailand achieves an annual production capacity of 750,000 units. The accumulated volume of 10 million vehicles comes from the production of three automobile assembly plants. A total of 5.8 million cars are for domestic sales, while the other 4.2 million cars are for export, generating the total export value of over 2,589,000 million baht to Thailand.*

(*From 1992 – May 2018)

          Mr. Michinobu Sugata expressed his sincere appreciation to everyone involved in this successful milestone, “At Toyota, we realize that, without assistance and support from all of you, we would not have been able to come this far. I always thank all of our customers who have been trusting us all the way. I would also like to thank the Thai government for their attention and support towards the automobile industry. A million thanks to our dealers, suppliers, shareholders, and business partners for your continued cooperation with full of enthusiasm.”

Dr. Uttama Savanayana, Minister of Industry said, “I would like to congratulate the great success of Toyota Motor Thailand Co., Ltd. on the occasion that the company has achieved the manufacturing milestone of 10 million vehicles, and thank you Toyota Motor Corporation, Japan to select Thailand as a major production hub. This great success was resulted from the investment in various automotive projects supporting by automotive industry policy of the government whether       it is 1-ton pick-up under IMV project, Eco car project and the leader in hybrid vehicle investment, Eco car is a leader in hybrid car production, and the first automaker investing in battery with value nearly 20,000 million baht, as well as the transfer of knowledge and technology into the country. With the contribution to Thai society, it reflects Toyota’s commitment to grow alongside Thai society.

 Admittedly, Toyota is an excellent role model of a private business organization that has constantly responded to the government policies, supported Thailand’s sustainable development policy and strategy under the Thailand Roadmap 4.0. Once again, I would like to congratulate Toyota Motor Thailand Co., Ltd. for its success in producing of 10 million vehicles and retains a remarkable competitive edge over other countries at the global level, and eventually drives Thai economy and society towards sustainable growth for always.”

Furthermore, Mr. Michinobu Sugata addressed about his complete confidence in Thailand and the company’s future direction, To accelerate the Thailand’s competitiveness enhancement, Toyota-Daihatsu Engineering and Manufacturing has been working for advancing Research and Development capabilities of Thai engineers. It has more than 400 Thai engineers, who have done the excellent jobs for new Yaris and Hilux exterior design changes, and also made a significant contribution to our 10 million production. Together with Toyota-Daihatsu Engineering and Manufacturing, Toyota Motor Thailand will shift the gear towards creating “Ever-better” mobility. We will continue to invest in our facilities and our people to deliver products and services that offer the happiness to our customers.”

Facebook Comments