เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดตัว SL-Class โฉมใหม่ ที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ตโรดสเตอร์
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวยนตรกรรมแห่งตำนานสปอร์ต โรดสเตอร์เจนเนอเรชั่นที่ 6 “The new SL-Class” รุ่น SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG Roadster หรูหราในสีพิเศษใหม่ล่าสุด cerrusite grey metallic SHAPE หรือเทาด้าน ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่ผสมผสานความสวยงามหรูหราแบบสปอร์ตคูเป้บวกกับดีกรีความร้อนแรงปราดเปรียวของโรดสเตอร์เข้าไว้ด้วยกัน และยังเต็มไปด้วยความสนุกเพลิดเพลินในการขับขี่ตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายใต้การออกแบบให้มีน้ำหนักเบาโดยใช้โครงสร้างแบบอะลูมิเนียมสอดคล้องกับสมญานาม “Super Light” พร้อมเพิ่มพลังในการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ BlueDIRECT อันทรงพลังและประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น
ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบันรถยนต์ทั่วโลกมีอยู่มากมายหลายล้านคัน แยกออกเป็นรุ่นต่างๆ ได้นับเป็นพันๆ รุ่น แต่มีเพียงไม่กี่รุ่นที่ถูกจัดให้เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL-Class เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยความมีสไตล์ หรูหรา มีระดับ ที่สามารถผสานเข้ากับความสปอร์ต ปราดเปรียว ได้อย่างลงตัว ซึ่ง The new SL-Class กำลังสานต่อตำนานความสำเร็จและการก้าวสู่โลกยานยนต์แห่งอนาคต โดยการใช้วัสดุอะลูมิเนียมมาทำเป็นโครงสร้างตัวถังรถเกือบทั้งคัน ทำให้มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ส่งผลทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างคล่องตัว ปราดเปรียว และนิ่มนวล รวมทั้งเผาผลาญเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นคุณลักษณะที่ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น และถือได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโรดสเตอร์ระดับพรีเมียม และเป็นยนตรกรรมที่ชวนหลงใหล มีระดับ เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด โดยตัวอักษร “SL” ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของโลกยานยนต์ซึ่งได้กลายเป็นชื่อที่มีความหมายสอดคล้องและอยู่คู่กับความสปอร์ต ความมีระดับ ความมีสไตล์ และความเป็นที่สุดในเรื่องความสะดวกสบายและความหรูหรา รวมถึงนวัตกรรมอันล้ำสมัย”
น้ำหนักเบาลงและแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวถังรถอะลูมิเนียมเทคโนโลยีขั้นสูง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่นใหม่ยึดถือความหมายของตัวอักษร “SL” อันเลื่องชื่อ ซึ่งย่อมาจาก “super, lightweight” ซึ่งการลดน้ำหนักของตัวรถเป็นคุณลักษณะการออกแบบที่เด่นชัด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำตัวถังรถที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งคันมาใช้กับรถที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีชิ้นส่วนเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่ใช้วัสดุชนิดอื่น นอกจากนั้นทีมผู้ออกแบบยังนำแมกนีเซียมซึ่งยิ่งมีน้ำหนักเบายิ่งขึ้นมาใช้เป็นชิ้นส่วนปิดด้านหลังถังน้ำมัน และเสา A-Pillar เป็นเหล็กกล้าที่มีความแกร่งสูง เพื่อประสิทธิภาพในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งน้ำหนักที่เบาลงหมายถึงความปราดเปรียวที่เพิ่มขึ้นและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ลดลง กล่าวคือ ความสนุกสนานในการขับขี่จะเพิ่มขึ้นแต่ภาระที่เกิดกับสิ่งแวดล้อมกลับลดน้อยลง โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่น SL 500 ใหม่ (1,785 กก.) มีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่นเดิมถึง 125 กิโลกรัม และ SL 350 ใหม่ (1,685 กก.) น้ำหนักตัวรถลดลงถึง 140 กิโลกรัม
ขับขี่อย่างรื่นรมย์ด้วยเครื่องยนต์ที่ประหยัดแต่ทรงพลัง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ SL 500 มอบความรื่นรมย์ในการขับขี่ ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ BlueDIRECT V8 เทอร์โบคู่ 4,663 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 320 กิโลวัตต์ (435 แรงม้า) ซึ่งให้ขุมพลังมากกว่ารุ่นก่อนถึง 12% มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงถึง 22% พร้อมแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจาก 530 นิวตัน-เมตร เป็น 700 นิวตัน-เมตร ซึ่งให้แรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง32% ในขณะที่ SL 350 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BlueDIRECT V6 3,498 ซีซีให้กำลังสูงสุด225 กิโลวัตต์ (306 แรงม้า) แรงบิดที่ 370 นิวตัน-เมตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 6.8-7.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 13.3 – 14.7 กิโลเมตรต่อลิตร ทำให้ประหยัดขึ้นกว่าเดิมถึง 30 % สำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในรุ่น SL 350 ที่ 5.9 วินาทีและ 4.6 วินาทีในรุ่น SL 500 โดยทั้งสองรุ่นถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้าแบบ 7 จังหวะ 7G-TRONIC PLUS ซึ่งให้สมรรถนะการขับขี่อย่างดีเยี่ยม พร้อมเพิ่มความประหยัดด้วยฟังก์ชั่น ECO Start/Stop ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ภายในงดงาม ทันสมัย ให้อารมณ์สไตล์สปอร์ต
ภายในของเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่นใหม่ได้รับการออกแบบโดยผสานเค้าโครงที่มาดมั่นมีสไตล์เข้ากับความหรูหรา ด้วยวัสดุชั้นเลิศที่เต็มไปด้วยความประณีตในทุกรายละเอียด ทำให้เห็นถึงการตกแต่งภายในที่มีสไตล์และบุคลิกอันโดดเด่นตามแบบฉบับของโรดสเตอร์
พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม โดยมีความยาวตัวรถที่ 4,617 ม.มเพิ่มขึ้น 50 ม.ม ความกว้างที่ 1,877 ม.ม กว้างขึ้น 57 ม.ม เส้นสายภายในที่ตกแต่งด้วยลายไม้เชื่อมยาวจากคอนโซลกลางไปถึงแผงหน้าปัดต่อเนื่องจนไปถึงประตู พร้อมด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่สามารถปรับได้ถึง 3 เฉดสี คือ สีขาว ส้มและแดง เพียงเลือกเปลี่ยนสีที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งช่วยเพิ่มสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ให้มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ความบันเทิงต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อให้ความเพลิดเพลินและความรื่นรมย์ในขณะขับขี่
ดีไซน์ที่ได้สัดส่วนสู่ความลงตัวอันแสนคลาสสิกในแบบฉบับของตระกูล SL
รูปลักษณ์ภายนอกของยนตรกรรม SL-Class รุ่นใหม่สะท้อนถึงความหรูหรา สง่างาม ทันสมัยในสไตล์สปอร์ต ที่ผสมผสานกับความคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของตระกูล SL เริ่มตั้งแต่กระโปรงหน้าที่ยาวรับกับห้องโดยสารซึ่งอยู่ในตำแหน่งค่อนไปทางด้านหลัง พร้อมเสริมความงดงามสมบูรณ์แบบด้วยส่วนท้ายของรถที่กว้างและดูทรงพลัง บวกกับเส้นสายที่บรรจงรับกับทรวดทรงด้านข้างที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ดูแข็งแกร่งทรงพลังแต่แฝงไว้ด้วยความสุขุม ต่อด้วยช่องระบายอากาศและครีบโครเมียมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถรุ่นนี้ สอดรับกับกระจังหน้าแบบรถสปอร์ตคลาสสิกในสไตล์ร่วมสมัย อีกทั้งเพิ่มความโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ส่วนชุดโคมไฟหน้าแบบไบซีนอน ที่ลาดเอียงดูปราดเปรียววางทอดยาวไปสู่ด้านข้าง ดูโดดเด่นซึ่งมาพร้อมกับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (Intelligent Light System – ILS) โดยมีฟังก์ชั่นการส่องสว่างถึง 5 แบบ เพื่อปรับให้เหมาะกับลักษณะการขับขี่ในสภาพอากาศแบบต่างๆ เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ที่สว่างชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมด้วยไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาที่เด่นสะดุดตา และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED นอกจากนั้นยังโดดเด่นด้วยระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ (HANDS-FREE ACCESS) เพียงยื่นปลายเท้าไปใต้กันชนหลัง และหลังคากระจกแบบ Panoramic Vario-roof เปิด-ปิดหลังคาโดยใช้เวลาเพียง 20 วินาที โดยมาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษ MAGIC SKY CONTROL ที่สามารถปรับระดับความเข้มของหลังคาเพียงปลายนิ้วสัมผัส เพื่อเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นโรดสเตอร์หรือคูเป้ได้ตามต้องการอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยนตรกรรม SL ใหม่นี้ยังเป็นเลิศด้วยคุณลักษณะการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (aerodynamics) จึงทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เท่ากับ 0.27 ในรุ่น SL 350 และ 0.29 ในรุ่น SL
เปิดตัวสองนวัตกรรมใหม่ MAGIC VISION CONTROL และ Front Bass ครั้งแรกของโลก
เมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่นใหม่สืบทอดความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ด้วยการนำเสนอ 2 นวัตกรรมใหม่ ได้แก่
• MAGIC VISION CONTROL ระบบการทำงานของใบปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพสูง โดยน้ำฉีดล้างกระจกจะถูกส่งออกมาจากก้านปัดน้ำฝนโดยตรง โดยมีการปัดในสองทิศทาง ทำให้ไม่มีการกระจายตัวของละอองน้ำที่จะมาบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ในขณะฉีดน้ำ และยังช่วยให้การทำความสะอาดกระจกบังลมหน้าสามารถทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
• ระบบเสียง Front Bass ซึ่งใช้พื้นที่ว่างในโครงสร้างอะลูมิเนียมของตัวรถด้านหน้าเป็นจุดติดตั้งลำโพงเสียงเบส ทำให้เกิดเสียงทุ้มที่สะอาดลุ่มลึกและชัดเจน ให้ความรู้สึกดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงและช่วยสร้างบรรยากาศเสียงแบบคอนเสิร์ตฮอลล์ได้แม้ในขณะที่เปิดหลังคา และยังช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับแผงประตูด้านข้างอีกด้วย
โรดสเตอร์ที่เพียบพร้อมไปด้วยที่สุดของระบบความปลอดภัย
ด้วยโครงสร้างตัวถังทำจากอะลูมิเนียมเนื้อแกร่งพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องผู้โดยสารจากการชน โดยโครงสร้างส่วนหน้าและส่วนท้ายสามารถยุบตัวเพื่อดูดซับแรงกระแทก และในกรณีรถพลิกคว่ำ โครงเหล็กที่เสา A-Pillar รวมไปถึงโครงคุ้มกันนิรภัยหรือโรลโอเวอร์บาร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังเบาะนั่งทั้งสองจุด จะช่วยปกป้องห้องโดยสาร นอกจากนั้นภายในยนตรกรรม SL ใหม่นี้ ยังได้รวมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ไว้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® ซึ่งมีเพียงแบรนด์เดียวในโลก และระบบช่วยเหลือต่างๆ อาทิ ระบบเข็มขัดนิรภัยแบบรั้งกลับอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมนิรภัยบริเวณศีรษะ พนักพิงศีรษะ NECK-PRO ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ระบบ ADAPTIVE BRAKE และระบบช่วยจอด Active Parking Assist เป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่นใหม่ โดยระบบจะใช้เซ็นเซอร์หาพื้นที่ช่องว่างที่จะเข้าจอด จากนั้นจะเข้าจอดให้เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ SL กลายเป็นโรดสเตอร์ที่เปี่ยมไปด้วยความปลอดภัยมากที่สุด ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงความมั่นใจและอุ่นใจตลอดทุกเส้นทาง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG Roadster มาพร้อมกับชุดแต่ง AMG Sports package อาทิ
• ชุดแต่ง AMG (กันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง)
• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงาน 12 จุด หุ้มด้วยหนัง Nappa อย่างดี
• แผงหน้าปัดลายธงตาหมากรุก
• เบาะนั่งตัดเย็บแนวตั้ง เดินขอบด้วยสี designo platinum white pearl (เฉพาะเบาะนั่งสีดำ)
• ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ และต่ำลงกว่าปกติ 10 มม.
• ดิสก์เบรกหน้า-หลังแบบมีช่องระบายความร้อน พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า
• ล้ออัลลอย AMG ลาย 5 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/35 R19 และยางหลัง 285/30 R19
• พรมรองพื้นสีดำพร้อมสัญลักษณ์ AMG
Mercedes-Benz SL 500 ราคาเปิดจำหน่ายที่ 14.49 ล้านบาท ส่วนตัว SL 300 ยังไม่กำหนดราคา
thunyaluk@caronline.net
ถ่ายภาพโดย วีรทศ ขาวสำอาง(โอ๊ค)