วอลโว่ กำไรครั้งแรก ในรอบ 6 ปี
ผลประกอบการของค่าย วอลโว่ คาร์ กรุ๊พ สามารถทำกำไรก้อนใหญ่ พร้อมผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจาก ซีเจียง กีลี่ โฮลดิ้ง Zhejiang Geely Holding ซื้อกิจการมาจาก ฟอร์ด มอเตอร์ ในปี 2553
ผลกำไรของวอลโว่ เพิ่มขึ้น 21% เป็นเงิน 820 ล้านเหรียญ ราว 24,600 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก ขณะที่ยอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 6.6% เป็น 6.8% จากความต้องการของรถซีดาน เอส90 และ เอ็กซ์ซี 60 ทำให้ยอดการขายเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์มา 4 ปีแล้ว
เงินรายได้ในรอบครึ่งปี วอลโว่ มีรายรับเพิ่มขึ้น 18% และยอดการจำหน่ายรถทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8% เป็น 277,641 คัน รวมทั้งผลประกอบการมาจากความนิยมของผู้บริโภค แม้ว่า วอลโว่ จะใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการพัฒนารถรุ่นใหม่ อย่าง เอ็กซ์ซี40 ซึ่งมีกำหนดวางตลาดปลายปีนี้ โดยขึ้นสายการผลิตจากโรงงานใน เซาท์ คาโรไลน่า อเมริกา ด้วยเทคโนโลยีในการผลิตแบบใหม่
ซีอีโอ วอลโว่ ฮาเก็น แซมวลสัน Hakan Samuelsson ให้สัมภาษณ์ออโตโมทีฟ นิวส์ ยุโรป เอาไว้ว่า “เราเติบโตขึ้นเร็วมากทั้งผลการดำเนินงานและผลกำไรจากการขายรถ ซึ่งนั่นน่าจะแสดงว่า เรากำลังก้าวไปสู่การขายรถยนต์ระดับพรีเมียม หรูหราในอนาคต” พร้อมกล่าวต่อว่า “เรากล้าพูดได้ว่ายอดการขายปีนี้ เราน่าจะขายได้สัก 800,000 คัน พร้อมผลกำไร 8%”
วอลโว่ ตั้งเป้าการขายทั่วโลกเอาไว้ 800,000 คัน ภายในปี 2563 หลังจากยอดการขายปีที่ผ่านมา ทำสถิติได้ 534,332 คัน รวมทั้งต้องการเป้าหมายผลกำไรที่ 8% เช่นกัน
ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยอดการขายในยุโรป และ จีน เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยในยุโรป วอลโว่ จำหน่ายได้เพิ่มขึ้น 7.4% ด้วยยอด 160,836 คัน ส่วนในประเทศจีน เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 28% ด้วยจำนวน 51,914 คัน แม้ว่ายอดการจำหน่ายในอเมริกาจะลดลงไปเหลือ 7% ด้วยจำนวน 34,102 คัน
วอลโว่ยังคงคาดหวังยอดการขายในอเมริกาในปีนี้ พร้อมทั้งระบุว่าเหตุที่ยอดขายในอเมริกาตกต่ำ ก็เพราะปัญหาเรื่องด้านการขนส่งช่วงครึ่งแรกของปี และคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลัง จะสามารถแก้ปัญหาได้ลุล่วงด้วยดี