ล้างหัวฉีด

Brand: TOYOTA Model: Corolla
Year: 1993 Miles: 100001 – More
From: ไชยศ บุญวงษ์

: ae101

เนื่องจากที่ได้เคยเรียนถามอาจารย์ เรื่องรถกินน้ำมันมาก 7 กิโล/ลิตร ได้รับคำแนะนำว่า หัวฉีดอาจตัน หรือท่อแคตฯอาจตัน
จึงได้ลองซื้อน้ำยาล้างหัวฉีด(ราคาเกือบ 500 บาท)มาลองล้างดู ผลคือรู้สึกถึงอัตราเร่งดีขึ้น แต่ยังกินน้ำมันเท่าเดิม ที่อาจารย์แนะนำว่า ถ้าท่อแคตฯตันอาจต้องตัดออก เลยตัดออกครั้งหนึ่งแล้วครับ ปรากฏว่าเหม็นควันรถเข้ามาในห้องโดยสาร จึงเอามาใส่ใหม่ อยากเรียนถามอาจารย์ว่า ควรจะทำอย่างไรต่อดีครับ เคยลองโทรถามที่ศูนย์ฯ toyota เขาบอกว่าต้องลองนำมาตรวจเช็คระบบเกียร์และวัดแรงอัดกระบอกสูบดู เพื่อหาสาเหตุ
อาจารย์ช่วยกรุณาแนะนำด้วยครับ (หมดไปหลายสตางค์แล้วครับกับการแก้ปัญหานี้)ขอบคุณครับ


อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของคุณ ผมไม่ทราบว่า ใช้ในเมือง หรือนอกเมืองที่ความเร็วเท่าไร แต่ก็ดูว่า มากเกินไปสักหน่อย หากเป็นในเมือง ก็น่าจะได้พอสำหรับสถานที่ที่การจราจรติดขัดมากมาก
คือการบอกว่า กินน้ำมันมากไปหรือไม่ ต้องดูสภาพการจราจร และการขับขี่ เป็นส่วนสำคัญ จากนั้น ก็ดูลมยาง ดูเบรกว่าติดหรือไม่ และดูด้วยว่า ศูนย์ล้อหน้าและหลังถูกต้องหรือไม่
หากไม่ได้ดูพวกนี้เสียก่อน ก็อาจจะหลงทางไปได้ง่ายง่าย ผมคิดว่า ผมคงไม่ได้บอกชัดเจนว่าหัวฉีดอาจจะตัน เพราะคุณก็คงไม่ได้บอกว่า ขับรถที่ไหน ผมเลยต้องเดาเอามากกว่านะครับ ลองอ่านดูดีดี อาจจะบอกเพราะไม่รู้จะบอกว่าอะไรดีก็ได้
การล้างหัวฉีด ด้วยน้ำยาใส่ในถังเชื้อเพลิงนั้น ไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไรนัก ไม่ว่าน้ำยานั้น จะราคาสูงระดับไหน
การล้างหัวฉีด ผมบอกให้ล้างด้วยเครื่องมือล้าง หรือถอดหัวฉีดออกมาล้าง
แต่ก่อนจะลงความเห็นว่า หัวฉีดหรือไม่ในกรณีกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากอย่างของคุณนี่ ผมต้องทราบก่อนว่า ควันดำหรือไม่ ติดเครื่องยนต์ยากเมื่อใช้จนเครื่องร้อน และดับเครื่องไว้สักห้านาทีสิบนาทีหรือไม่ ซึ่ง ผมมั่นใจว่า คุณไม่ได้ให้รายละเอียดผมพอที่จะวิเคราะห์ได้ ดูจากที่ให้รายละเอียดในนี้ก็ได้ ผมจึงเชื่อเช่นนั้น ว่าผมให้ความเห็นไป เพราะคุณไม่ให้รายละเอียดเพียงพอ น่าจะเป็นความเห็นที่ให้เพราะจนปัญญามากถึงมากที่สุด
การตอบปัญหาด้วยจดหมาย ทำได้ยากครับ หากไม่ได้ข้อมูลของรถเพียงพอ และไม่ได้อาการอะไรมาช่วยให้วิเคราะห์ได้เลย
ขอให้ระลึกถึงข้อนี้ด้วย อย่าให้ข้อมูลส่งส่งไป เพราะผมจะวิเคราะห์ให้คุณไม่ได้
หากจะให้ข้อมูลเท่านี้ ผมว่าคุณเอารถไปรับการตรวจเช็กจากศูนย์บริการดีกว่าครับ
และระวังด้วย จะโดนหนัก หากเข้าศูนย์ผิด-ธเนศร์

Facebook Comments