มาสด้าสานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข”เพื่อสร้างสรรค์โลก เพื่อผู้คน และสังคมที่ยั่งยืน
– มาสด้าประกาศเดินหน้าสานต่อกิจกรรมด้าน CSR ตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง Sustainable Zoom-Zoom 2030 อันเป็นวิสัยทัศน์ที่ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงมาสด้าทั่วโลกและมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นการเดินหน้าตามแนวทาง Sustainable Development Goals- SDGs หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีทั้งหมด 17 เป้าหมาย และสะท้อนถึง 3 เสาหลักของมิติความยั่งยืน อันได้แก่ ด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงกับพันธกิจของมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น นั่นคือ เพื่อสร้างสรรค์โลกของเราให้ยังคงความสวยงาม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป
มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่มาสด้าเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน อันเป็นพันธกิจหลักเช่นเดียวกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และมาสด้าทั่วโลก เราจึงมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน ผ่านการให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ของผู้คน พร้อมกับให้ความสำคัญในการช่วยรักษาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จากการผลิต ตามหลักการ Well-to-Wheel ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำของแหล่งกำเนิดพลังงาน ตั้งแต่การขุดเจาะ การผลิต การขนส่งเชื้อเพลิง ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อโลกของเรา เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี และเพื่อให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้ริเริ่มจัดกิจกรรมด้าน CSR นี้มาตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตโควิด-19 โดยจัดกิจกรรมขึ้นภายใต้โครงการ “มาสด้า ปันสุข” โดยความร่วมมือกับผู้จำหน่ายมาสด้าในท้องถิ่น ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ขาดแคลน ซึ่งจัดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 9 จังหวัด รวมถึงมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ผ่านสภากาชาดไทย มอบรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์และศูนย์ฉีดวัคซีน เพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคดังกล่าว
ทั้งนี้มาสด้าพร้อมเดินหน้าส่งมอบสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคมไทย เพื่อส่งต่อความยั่งยืนของทั้งผู้คนในสังคม พัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน โครงการ “มาสด้า ปันสุข” ถือกำเนิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยและมีความปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน เพื่อเป็นการตอบแทนประเทศและประชาชนคนไทยที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในแบรนด์รถยนต์มาสด้ามาอย่างยาวนานกว่า 73 ปี ซึ่งมาสด้าเชื่อว่ากิจกรรมภายใต้โครงการฯ นี้ จะสามารถให้การช่วยเหลือผู้คน และส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563 มาสด้าได้เดินหน้าให้การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ซึ่งเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุน และส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างยั่งยืน โดยเราได้เดินหน้าส่งมอบความสุขไปยังประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เพื่อให้กำลังใจและให้ทุกคนลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้งภายหลังจากที่เกิดการระบาดของโควิด-19 โดยมาสด้าได้เดินหน้าเต็มรูปแบบจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อให้การช่วยเหลือผู้คนหลากหลายกลุ่มอาชีพ อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบอาชีพในแต่ละชุมชน และเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน โดยร่วมมือกับผู้จำหน่ายและสื่อมวลชนในการส่งต่อการแบ่งปัน ซึ่งได้จัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
สำหรับโครงการฯ ในปี 2566 มาสด้าต้องการที่จะขยายการแบ่งปันไปยังผู้คนหลากหลายกลุ่มและหลากหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้คนในแต่ละชุมชน โดยเฉพาะลูกค้ามาสด้า ได้มีส่วนร่วมมากขึ้นเพื่อส่งต่อการแบ่งปันไปด้วยกัน จึงเดินหน้าสานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ปีที่ 4 ขึ้น โดยประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายมาสด้า ลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมออกเดินทางไปเรียนรู้วิถีการผลิตวิชาชีพแบบชุมชน ส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันกับเด็กนักเรียน พร้อมร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
“มาสด้าขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข และเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ควบคู่กับการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาโลกให้ยังคงสวยงามสำหรับผู้คนในเจเนอเรชั่นถัดไป ตามพันธกิจ เพื่อโลก เพื่อผู้คน และเพื่อสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป” นายธีร์ กล่าวเสริม