มาสด้ารับยอดขายโตต่อเนื่อง ชูสกายแอคทีฟ เทคโนโลยีไร้คู่แข่ง
วันนี้ 18 กรกฎาคม 2557 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยกลยุทธ์และทิศทางการตลาดของมาสด้าในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมงัดไม้เด็ดในการต่อยอดการขายรถในช่วงครึ่งปีหลัง มาสด้ายังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นพิเศษเสริมทัพในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่ส่งเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ในรถอเนกประสงค์เอสยูวี Mazda CX-5 และรถสปอร์ตคอมแพ็ค ออล-นิว Mazda3 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ยอดการจำหน่ายรถยนต์ของมาสด้าเป็นไปตามความคาดหมาย
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มาสด้าดำเนินนโยบายการตลาดในเชิงรุกทั้งด้านการขาย และบริการหลังการขาย ซึ่งมาสด้าได้ขยายหน่วยงานต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายฝ่าย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและรองรับการเติบโตในอนาคต จากการประเมินสภาวะการตลาดรถยนต์ไทยในช่วงที่ผ่านมาได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และกำลังจะทะยานขึ้น โดยตลาดเก๋งของมาสด้าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า3 ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ จากการประเมินตั้งแต่ต้นปีเราคิดว่าตลาดรถเก๋งขนาดกลางยังมีแนวโน้มและทิศทางที่เป็นบวก และยอดขายรถเก๋งของเราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะมาสด้า3 เรามียอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 3,618 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 11% และคาดว่าเดือนกรกฎาคมนี้จะมียอดเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยคัน เนื่องจากเดือนนี้มีรถเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ในส่วนของรถอเนกประสงค์เอสยูวี Mazda CX-5 ยอดการจำหน่ายก็เป็นไปในทางที่ดีเช่นกัน ปัจจุบันนี้เรามียอดขายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 2,970 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 29% หากนับรวมตั้งแต่เปิดตัว มีจำนวนทั้งสิ้น 4,269 คัน ส่วนยอดขายรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร อยู่ที่ 7,109 คัน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่ายอดการจำหน่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีรถปิกอัพรายใหม่ๆ เปิดตัวเข้าสู่ตลาด
การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จำหน่ายเป็นสิ่งสำคัญ มาสด้าเตรียมปรับนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดในแต่ละภูมิภาค ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเน้นการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า รวมทั้งการเสริมศักยภาพผู้จำหน่ายให้มีความแข็งแกร่งและสามารถยืดหยุ่นได้ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยเฉพาะดีลเลอร์ตามต่างจังหวัดที่ต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ ด้วยการส่งทีมงานมืออาชีพด้านการบริหารธุรกิจเพื่อเป็นที่ปรึกษาในเรื่องของการขายและการตลาด รวมทั้งการวางแผนในระยะยาวเพื่อสร้างผลกำไรจากการให้บริการหลังการขาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้จำหน่ายสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง
นโยบายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจมาสด้า “เนื่องจากดีลเลอร์ คือ ผู้ที่ใกล้ชิด พบปะ พูดคุย และสื่อสารกับลูกค้ามากที่สุด ฉะนั้นการสื่อสารระหว่างบริษัทฯ กับผู้จำหน่าย รวมถึงการมอบนโยบายต่างๆ ต้องมีความชัดเจนและสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ครั้งแรกที่มาสด้าเข้ามาดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2541 เรามีผู้จำหน่ายไม่ถึง 50 แห่ง ปัจจุบันมาสด้ามีมากกว่า 152 แห่งทั่วประเทศ มาสด้าตั้งเป้าหมายขยายผู้จำหน่ายเพิ่มเป็น 160 แห่ง ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ปัจจุบันมาสด้ามีผู้จำหน่ายในกรุงเทพ 39 แห่ง ตั้งเป้าจะขยายเพิ่มอีก 4 แห่ง รวมเป็น 43 แห่ง และต่างจังหวัดจากเดิมมีอยู่ 113 แห่ง ขยายเพิ่มอีก 4 แห่ง เป็น 117 แห่ง ในครึ่งปีหลังจะเพิ่มทั้งหมดอีก 8 แห่ง รวมเป็นทั้งหมด 160 แห่ง และต้องเป็นโชว์รูมที่ได้มาตรฐานภายใต้คอนเซ็ปต์ของมาสด้า MCI (Mazda Corporate Identity) เหนือสิ่งอื่นใดผู้จำหน่ายมาสด้าต้องมีกำไรและอยู่ได้ การทำธุรกิจร่วมกับมาสด้าเราจะเติบโตไปพร้อมๆ กัน เพื่อนำเอารถยนต์ที่ดีที่สุดมาให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของด้วยความภาคภูมิใจ” สุรีทิพย์ กล่าวเพิ่มเติม
นางสาวสุรีทิพย์ ผู้ดูแลโดยตรงต่อการดำเนินงานด้านการตลาดของมาสด้า ในประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีแรกเราโฟกัสไปกับการนำมาสด้า3 ใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ซึ่งเป็นรุ่นที่สองเข้าสู่ตลาด พร้อมกับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นส่งผลให้วันนี้มาสด้า3 กลายเป็นรถยนต์นั่งที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ และในช่วงเวลา 5 เดือนกว่าจากนี้ไป มาสด้าพร้อมรุกเต็มที่ เราคาดว่าตลาดจะกลับมาดีขึ้นอย่างมาก เห็นได้จากเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนยอดขายเริ่มดีขึ้น หลังจากที่รักษาระดับมาหลายเดือนนับจากนี้ไปกิจกรรมการตลาดและภาวการณ์แข่งขันน่าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการชะลอตัวที่สะสมมาหลายเดือน และลูกค้าก็กำลังรอดูทิศทางที่ชัดเจน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาเป็นระลอกๆ รวมทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ช่วงครึ่งหลังปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถยนต์หลายรุ่น รวมถึงรุ่นพิเศษต่างๆ อาทิ มาสด้า บีที-50 ที่จะเสริมรุ่นพิเศษเข้ามาทำตลาดเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมแตกต่างไม่เหมือนใคร
การผลักดัน เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ให้เป็นที่ประจักษ์และประสบผลสำเร็จในทุกตลาด คือ เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจของมาสด้าในอนาคต การคิดค้นนวัตกรรมใหม่คือหัวใจสำคัญของมาสด้า เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในทำงานได้อย่างเหมาะสมให้ผลลัพธ์สูงสุดและงานวิศวกรรมที่ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในรถมาสด้าใหม่ทุกรุ่น และเป็นยานยนต์สีเขียวที่มีราคาไม่แพง เทคโนโลยีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามาสด้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มาสด้านำมาผลิตกับรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งคัน ที่สำคัญลูกค้าสามารถรับรู้และสัมผัสถึงประสิทธิภาพของตัวรถจนเกิดการบอกต่อปากต่อปากทำให้ความร้อนแรงของมาสด้าแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
วิสัยทัศน์ที่มาสด้ามุ่งมั่นในการสร้างยนตรกรรมที่ให้ความตื่นเต้นเร้าใจอยู่เสมอด้วยรากฐานของความรู้สึก ซูม-ซูม ที่มีความหมายถึงยนตรกรรมที่ดึงดูดและเชื้อเชิญให้ผู้คนอยากจะทดลองขับ ให้ความรู้สึกสนุกสนานทุกครั้งในขณะขับขี่ ทำให้คุณประทับใจและต้องการขับขี่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อการบรรลุเป้าหมาย มาสด้ากำหนดแนวคิดการพัฒนาที่มีมาจากความคิดริเริ่มอย่างเป็นเหตุเป็นผลในทุกๆ ส่วนของเทคโนโลยีหลักที่สำคัญ รวมถึงเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง โครงสร้างตัวถัง แชสซี และ การวางแผนการนำเอาอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ามาใช้ในอนาคตในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มาสด้าเรียกแนวทางการพัฒนาดังกล่าวว่ากลยุทธ์ Building Blockภายใต้รูปลักษณ์จากธีมการออกแบบใหม่ล่าสุด KODO Design โคโดะ ดีไซน์ Soul of Motion หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว คือหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของมาสด้า
thunyaluk@caronline.net