มาสด้า ดันประเทศไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางกระจายอะไหล่ ในภูมิภาคอาเซียนพร้อมส่งออกไปทั่วโลก ผู้ใช้รถสบายใจได้

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558, มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดศูนย์กลางกระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่บนถนนบางนา-ตราด พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับการบริการหลังขาย
การลงทุนของมาสด้าในประเทศไทยเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2538 ในการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กับพันธมิตร ภายใต้ชื่อ บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อทำการผลิตรถกระบะเพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายกว่า 140 ประเทศ ซึ่งโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ประเทศไทย และมีพนักงานกว่า 9,000 คน มีกำลังการผลิต 270,000 คันต่อปี

_MG_8778
ล่าสุดนั้นทาง มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับโรงงานผลิตรถยนต์ ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ส่งความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนอีกกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ All-New Mazda2 ซึ่งเป็นรถยนต์ภายใต้โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ซึ่งรถยนต์ All-New Mazda2 นี้นับเป็นรยนต์ ที่ทันสมัยที่สุดในรถระดับเดียวกัน มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน และเครื่องยนต์คลีนดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูง ส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน
นอกจากนี้มาสด้ายังทุ่มเม็ดเงินก้อนโต เพื่อก่อตั้ง บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย Mazda Powertrain Manufacturing Thailand ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการผลิตชุดเกียร์ออโตเมติก SKYACTIV-DRIVE โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 400,000 ยูนิตต่อปี เพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตรถยนต์ ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย และส่งออกสู่ตลาดโลก นับเป็นครั้งแรกที่มาสด้าได้ทำการผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาด

_MG_8748
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลายสิบปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยมีการขับเคลื่อนที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุด จากการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการลงทุนจากทางภาครัฐ ที่สำคัญภาคเอกชนก็มีทั้งศักยภาพและความพร้อมด้านการผลิตชิ้นส่วนและการผลิตยานยนต์ ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนประกอบ อะไหล่ยานยนต์ เติบโตจนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกและเศรษฐกิจในประเทศไทย
นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า ในธุรกิจยานยนต์นั้น การที่ลูกค้าได้รับอะไหล่ที่ถูกต้องในเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินคุณค่าของแบรนด์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพสูงสักเพียงใด หากบริการอะไหล่ไม่เข้มแข็งแล้ว แบรนด์เองก็ไม่สามารถจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของลูกค้าได้ ในอดีตที่ผ่านมานั้น มาสด้าได้ทำการบริหารด้านอะไหล่ผ่านทางคู่ค้าธุรกิจในภูมิภาคนี้ ดังนั้น โครงสร้างการบริการของเราจึงยังเป็นรองคู่แข่งอยู่มาก
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ของมาสด้านี้จะช่วยส่งเสริมให้มาสด้าสามารถให้บริการงานอะไหล่ได้ด้วยคุณภาพด้านการบริการสูงสุด เนื่องจากสามารถทำการควบคุมการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อันประกอบด้วย ประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่นๆ นี้มีศักยภาพสูงยิ่งในการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือตลาดที่สำคัญที่สุดของมาสด้าในการขยายธุรกิจให้เติบโต มาสด้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้จะมีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า เนื่องจากศูนย์ฯแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานบริการในระดับภูมิภาค
ดังนั้น มาสด้าจึงถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนมหาศาล พร้อมทั้งส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนอกเหนือจาก ประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน และล่าสุดประเทศเม็กซิโก
นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา มาสด้าได้มุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อลูกค้าชาวไทย ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมาสด้ามียอดการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย จำนวน 320,000 คัน (2548 – 2558) ดังนั้นมาสด้าจึงให้ความสำคัญอย่างมากต่อการบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับคุณภาพของการบริการให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เนื่องจากมีรถยนต์มาสด้าที่วิ่งอยู่บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นการบริหารจัดการเกี่ยวกับอะไหล่ที่มีคุณภาพ รวมถึงความรวดเร็วในการส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การที่มาสด้าได้พันธมิตรอย่างกลุ่มยูเซ็นซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่ง หรือ ระบบโลจิสติกส์ จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้มาสด้าสามารถจัดส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายได้ถูกต้องรวดเร็วในทุกพื้นที่
สำหรับศูนย์การกระจายอะไหล่ของมาสด้าก่อสร้างขึ้นด้วยซึ่งการร่วมมือกันกับพันธมิตรระหว่าง บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท ยูเซ็น โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่คือ Mazda Logistics & Yusen (Asia) Co., Ltd. (บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ แอนด์ ยูเซ็น (เอเชีย) จำกัด) มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 22,281 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็น พื้นที่ส่วนที่เป็นสินค้าหลักประมาณ 14,636 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าย่อยอีกประมาณ 7,645 ตารางเมตร มีจำนวนอะไหล่หมุนเวียนเข้า-ออกทั้งสิ้นประมาณ 53,500 รายการ มูลค่าสินค้าหมุนเวียนในโกดังประมาณ 360 ล้านบาท
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้มีซัพพลายเออร์ส่งชิ้นส่วนเข้ามาประมาณ 260 ราย เพื่อทำแพ็คเกจจิ้ง แล้วส่งออกไปยังศูนย์บริการมาสด้าทั้ง 125 แห่งทั่วประเทศไทย โดยในส่วนของกรุงเทพฯ จะมีรถจัดส่งจำนวน 6 คัน จัดส่งวันละ 2 เที่ยวต่อวัน ส่วนต่างจังหวัด 1 เที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ศูนย์กระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่นี้ยังทำการส่งออกอะไหล่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน และทั่วโลกอีกกว่า 100 ประเทศ โดยอะไหล่ที่สำคัญหลักๆ ประกอบด้วย อะไหล่ของรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 และมาสด้า2

IMG_1839

Mazda to position Thailand as parts distribution hub for ASEAN and global exports

Bangkok, May 12, 2015 – Mazda Motor Corporation and Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd. opened the new parts distribution center at Bangna district in Thailand in order to dramatically improve its after sales service in the growing Asia Pacific region.

Mazda’s has long invested in Thailand since establishment of the AutoAlliance Thailand (AAT) plant in 1995, which is a joint venture production factory for pickup trucks and passenger cars for Thai domestic sales and export to over 140 countries. The AAT plant is located at the Eastern Seaboard Industrial Estate in Rayong province and has a workforce of approx. 9,000 people. The plant has an annual production capacity of approx. 270,000 units.

Recently, Mazda and AAT displayed their strong commitment in the Thai automotive industry by investing an additional Bt10 billion to start production of the all new Mazda2 under the Thai government’s Eco Car Phase 2 program. The Mazda2 is one of the most innovative products in its segment, and features full range of the state-of-the-art SKYACTIV technology, available with both high-performance diesel and gasoline power plants. This has made Thailand the largest production center for Mazda in the ASEAN region.

Furthermore, Mazda has established Mazda Powertrain Manufacturing (Thailand) Co. Ltd. in Chon Buri province to produce 400,000 sets of SKYACTIV transmission per year for Thai domestic and export markets. This is the first time that Mazda is producing transmissions using SKYACTIV technology outside of Japan, in preparation for the expected sales growth in the region.

Mr. Hidesuke Takesue, President of Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd., said the Thai automobile industry has experienced strong growth during the past several decades. “In the ASEAN region, Thailand is considered as the biggest automobile production base due to years of government support and investment promotion. More importantly, the private sector has excellent capability in producing high-quality parts and auto assembly. This has helped the Thai auto industry to grow to the level it is today, and play an important role in driving the country’s economy and exports,” he said.

Mr. Takesue said that in the automobile business, an important factor in determining brand value is how fast the customers receive the spare parts they need. “In other words, no matter how high quality the product is, if the service is not strong then the brand would be unable to enjoy a good image in the eyes of the customer.,” he said. “In the past, Mazda’s parts management in this region was handled by our business partner, and we lagged behind the rivals.”

“The new parts distribution center will help us to dramatically improve our parts management, since we can fully control all the operation on our own. The Asia-Pacific market, which includes Thailand and other ASEAN countries that all have high potential in economic growth, is undeniably the largest market for Mazda to grow our business, and we believe that the new parts distribution center will significantly contribute to increased customer satisfaction as the regional operation center,” Mr. Takesue said.

Mazda is a company that has made huge investments in Thailand, and had made the Kingdom one of its major production hubs in the world in addition to Japan, China and Mexico.

Mr. Takesue added that during the past 10 years, Mazda has been offering vehicles with high technology for Thai consumers, and this resulted in great success for Mazda. From 2005 to 2015 Mazda had sold a total of 320,000 vehicles in Thailand, and Mazda has given tremendous importance to after sales service quality due to the growing car population.

“High-quality parts management, as well as speedy parts delivery to customers, is very important. So by having logistics expert Yusen Group as our partner, we are able to swiftly deliver parts to dealerships in every area,” he said.

The Mazda parts distribution center, is a joint venture between Mazda Logistics Co., Ltd. and Yusen Logistics (Thailand) Co. Ltd, and is officially names Mazda Logistics & Yusen (Asia) Co., Ltd. The facility has a total warehouse space of 22,281sqm, with a main warehouse (14,636sqm) and a sub warehouse (7,645sqm). Approximately 53,000 different parts are in stock with a total value of Bt360 million.

The new parts distribution center also has approximately 260 suppliers and the parts are packaged for delivery to 125 Mazda service centers nationwide. For Bangkok, there are six trucks running two deliveries per day while upcountry markets get one delivery per day. In addition, the new center also exports parts to overseas markets including ASEAN and 100 countries around the world. Among the major parts being shipped out are for the BT-50 pickup and Mazda2 subcompact.

Facebook Comments