ผู้หญิงขับรถ ลองขับ First Drive Honda Civic 1.5 RS Turbo และ 1.8 EL

หลังจาก Honda Civic Generation ที่ 10 เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2559 ด้วยยอดจองจนถึงวันที่เขียนบทความนี้ประมาณ 8,000 คัน ส่งมอบไปแล้ว 3,000 กว่าคัน ถือว่าเป็นยอดขายที่สูงนะคะในช่วงนี้

DSC_4733

All-new Civic_1.8 EL_Front All-new Civic_TURBO RS_Front Grille

และก็ถึงเวลาที่ทางดิฉันได้มีโอกาสไปร่วมทริปลองรถกันในครั้งนี้ โดยเส้นทางที่ใช้ในการทดสอบทั้งไปและกลับเส้นทางเดียวกัน จากภูเก็ต-พังงา-กระบี่ ระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร โดยสลับคนขับสองคนกับรถสองรุ่นคือ
Honda Civic 1.5 RS Turbo และ 1.8 EL โดยทั้งสองรุ่นน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนถึง 22 กิโลกรัม

ก็มารู้จักเครื่องยนต์ของทั้งสองรุ่นกันก่อนนะคะ

IMG_4420
Civic 1.8 ลิตร เครื่องยนต์แบบ SOHC –i VTEC เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี่เอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด141 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที และรองรับพลังานทางเลือก E85

DSC_2767All-new Civic_TURBO RS_Rear
Civic 1.5 ลิตร เครื่องยนต์แบบ DOHC VTEC TURBO ใหม่ ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี่เอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที โดยใช้เทคโนโลยี่หัวฉีดไดเรคท์อินเจคชั่นฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง พร้อมการออกแบบท่อไอดีแบบตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้รวดเร็วและมีปริมาณมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาใหม้

 

ภายนอก

ความแตกต่างระหว่าง 1.5 RS Turbo และ 1.8 EL

All-new Civic_TURBO RS_Front Grille All-new Civic_1.8 EL_Side (1)
รุ่น 1.8 EL  ไฟส่องสว่างเวลาขับขี่กลางวัน ไฟท้าย ระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ ไฟตัดหมอกคู่หน้า เป็นไฟแบบโปรเจคเตอร์

ส่วน 1.5 RS Turbo เป็นไฟแบบ LED

All-new Civic_1.8EL_Rear DSC_2794
รุ่น 1.8 EL ท่อไอเสียแบบเดี่ยว

ส่วนรุ่น 1.5 RS Turbo ท่อไอเสียแบบคู่
1.5 RS Turbo มีกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต สปอยเลอร์หลังแบบ Wing พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

DSC_2749

All-new Civic_1.8 EL_Side (1)

All-new Civic_TURBO RS_Side (1)
1.8 EL ล้อขนาด 16 นิ้ว

ส่วน 1.5 RS Turbo ล้อขนาด 17 นิ้ว

 

ภายใน

ความแตกต่างระหว่าง 1.5 RS Turbo และ 1.8 EL

All-new Civic_1.8 E_Interior (Beige) All-new Civic_1.8 E_Interior (Black)
รุ่น 1.8 EL ภายในสีเบจ/สีดำ ขึ้นอยู่กับสีภายนอก

รุ่น 1.5 RS Turbo ภายใน สีดำ

DSC_2958

All-new Civic_Console

รุ่น 1.8 EL ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

รุ่น 1.5 RS Turbo ระบบปรับอากาศแบบปรับอุณหภูมิอิสระแยก ซ้าย-ขวา

All-new Civic_TURBO_Interior (Black)

รุ่น 1.8 EL เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าข้างคนขับปรับมือ

รุ่น 1.5 RS Turbo เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าข้างคนขับปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

DSC_2794

All-new Civic_Multi Function Steering Wheel

รุ่น 1.5 RS Turbo สปอยเลอร์หลังแบบ Wing พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
รุ่น 1.5 RS Turbo มี ระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
รุ่น 1.5 RS Turbo มีแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต

การขับขี่บนท้องถนน

IMG_4302

 

คันแรกที่ขับคือ 1.5 RS Turbo   นั่งไปด้วยกัน 3 คน โดยดิฉันเป็นผู้โดยสารไปก่อน ที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า ปรับได้ 4 ทิศทาง แต่ปรับขึ้นลงไม่ได้ นั่งแล้วจะรู้สึกตัวดิฉันนั่งต่ำไปหน่อย เพราะเป็นคนตัวเล็กค่ะ แต่ที่นั่งนั่งกระชับ สบายค่ะ พนักพิงหลังก็รับกับแผ่นหลังดี เพราะรถออกมาเป็นแนวสปอร์ตมากขึ้น
DSC_2944

ภายในกว้างค่ะ ระยะห่างระหว่างคนขับกับคนนั่งห่างกันพอควร เพราะมีคอนโซลค่อนข้างใหญ่กั้นระหว่างกลาง เพราะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นและตัวถังที่กว้างขึ้น ยังคุยกันเล่นๆกับทีมที่ไปด้วยกันว่า ถ้าคนที่เป็นแฟนกันใหม่ๆอาจจะรู้สึกว่านั่งห่างกันไปหน่อยนะ แถมยังมีที่กั้นตรงกลางอีกด้วย แค่ขำขำนะคะอย่าซีเรียส

DSC_2672จอหน้าแบบจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิงพร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย( Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น)และรองรับการสั่งงานด้วยเสียง SIRI ลำโพง 8 ตัว ฟังเพลงกันสนุกสนานเลยค่ะ มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์ รองรับการใช้งาน

All-new Civic_One Push Ignition Start
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนตัวคนขับ เมื่อได้เป็นผู้ขับตัว 1.5 RS Turbo ก็สตาร์ทเครื่องยนต์แบบกดปุ่มต้องเหยียบเบรกก่อนถึงจะสตาร์ทรถติดเพื่อความปลอดภัย เก้าอี้ที่นั่งด้านคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง ก็ดีค่ะสามารถปรับได้ตามต้องการไม่ว่าใกล้ไกลสูงหรือต่ำ วัสดุเบาะเป็นหนังแท้และหนังสังเคราะห์

DSC_2944
พวงมาลัยขนาดกะทัดรัดหุ้มหนัง ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและรับและวางสายโทรศัพท์ สามารถเปลี่ยนข้อมูลและค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย โดยดูข้อมูลจากหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่
และมีระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
เมื่อปรับทุกอย่างเข้าที่ ก็ออกเดินทางกันต่อเลยค่ะ จากพังงาไปกระบี่ ช่วงนี้ถนนก็ยังคดเคี้ยว ซึ่งต้องยอมรับว่ารถเกาะถนนดี หนึบหนับเลยค่ะ เพราะรูปร่างรถที่ลู่ลมมากขึ้น ยางสัมผัสถนนมากขึ้นเพราะเป็นล้อขนาด 17 นิ้ว ยาง215/52 R17

DSC_5001 DSC_5069
และเมือวิ่งทางตรงที่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง พวงมาลัยก็ยังนิ่ง การทรงตัวดี เกียร์นุ่มนวลมากรับกับความเร็ว
และจะเจอถนนที่เป็นสองเลนค่อนข้างเยอะทำให้ต้องแซงหลายครั้ง อัตราเร่งแซงดีค่ะ เหยียบปุ๊บความเร็วมาทันทีเพราะเทอร์โบมาตั้งแต่รอบต่ำๆแล้วและมาอย่างต่อเนื่องด้วยซีคะ เพราะแซงเสร็จถ้าข้างหน้ามีรถอยู่ต้องเหยียบเบรกชะลอความเร็วเลยค่ะเพราะความแรงของรถจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวก็ตั้ง 173 แรงม้าเทอร์โบเชียวนะ
เมื่อเปลี่ยนเลนจะมีกล้องและเห็นจากกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยมองเห็นบนหน้าจอ 7 นิ้วค่ะ
เมือเจอถนนที่ขรุขระหรือลาดยางแบบหินเยอะๆ ก็จะได้ยินเสียงเข้ามาบ้างตามสภาพถนน แต่ระบบช่วงล่างซับแรงสะเทือนได้ดีค่ะ ไม่นิ่มและแข็งเกินไป เพราะช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบใหม่ โดยเป็นครั้งแรกที่นำบูชยางแบบไฮดรอลิกมาใช้ทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งปกติใช้กับรถยนต์รุ่นใหญ่เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ และช่วยลดแรงสะเทือน และใช้เหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งหน้าและหลัง ทำให้รู้สึกได้ในการขับขี่ว่าดีกว่าซีวิคตัวเดิม
ส่วนเรื่องเบรกก็มั่นใจได้ค่ะ เพียงแต่อาจจะต้องเหยียบลึกไปนิดนีง แป๊บเดียวก็ชินค่ะ

DSC_5001 IMG_4420

หลังจากนั้นก็แวะรับประทานอาหาร แล้วก็เปลี่ยนมาขับ ตัว 1.8 EL ไม่มีเทอร์โบ 141 แรงม้า

ก่อนจะขึ้นรถเห็นรถจอดตากแดดอยู่ก็รออะไรละคะ กดเปิดแอร์ก่อนเข้าไปในรถได้เลย ( 1.5 RS Turbo ก็มีระบบนี้)ด้วยกุญแจรีโมท โดยรถจะต้องอยู่ที่เกียร์ P เท่านั้น เครื่องยนต์จึงจะสตาร์ทติด โดยที่ประตูรถจะยังล็อคอยู่ และเมื่อกุญแจรีโมทพร้อมผู้ขับขี่อยู่ภายในรถ ทำการเหยียบเบรกค้างไว้ พร้อมกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ รถถึงจะออกตัวได้
ปรับที่นั่งด้านคนขับให้เข้าที่ สามารถปรับได้ 8 ระดับด้วยไฟฟ้า ส่วนด้านผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยมือ

รุ่นนี้ไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และไม่มีเนวิเกเตอร์
การขับขี่อัตราเร่งแซงถือว่าดีถ้าไม่ไปเปรียบเทียบกับตัวเทอร์โบ การเกาะถนนเมื่อเข้าโค้งก็เกาะดีค่ะถึงแม้ว่าน้ำหนักรถคันนี้จะเบากว่าตัว RS Turbo ถึง 75 กิโลกรัม

 

ความปลอดภัยที่ให้มาในรถทั้ง Civic 1.8 EL และ 1.5 RS Turbo

All-new Civic_Selct Knob All-new Civic_Auto Brake Hold & Electronic Parking Brake

All-new Civic_Multi-angle Rearview Camera (1)

กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ระบบเบรกมือไฟฟ้า(อยู่ตรงคอนโซลกลาง) ระบบเบรกHold (เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อให้อัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรก) มีสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เวลาเบรกกะทันหัน
ถุงลมคู่หน้า (มีทุกรุ่น) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าและม่านถุงลมด้านข้าง ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย(รุ่น RS Turbo)
นอกจากนั้นยังมีระบบ ป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน กุญแจแบบ Immobilizerพร้อมระบบสัญญาณกันขโมย มีจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก

DSC_5082 DSC_5115

ฮอนด้าซีวิคใหม่ มีให้เลือก 4 รุ่น  ด้วยราคา

รุ่น Turbo RS      ราคา 1,199,000     บาท
รุ่น Turbo           ราคา 1,099,000      บาท
รุ่น 1.8 EL          ราคา    959,000       บาท
รุ่น 1.8 E            ราคา    869,000       บาท

DSC_2767

คนที่ชอบรถที่เร้าใจ แรง ออกตัวปรูดปร๊าด ราคาไม่ใช่ปัญหา ก็ควรเลือกตัวนี้ 1.5 RS Turbo
ส่วนท่านที่คิดว่าแรงม้าไม่ต้องมากนัก ไม่ต้องปรู๊ดปร๊าดมากนัก นุ่มนวล ขับสบายๆ รูปร่างภายนอก ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ราคาก็ถูกว่าตัว 1.5 RS Turbo ก็ควรจะเลือกคันนี้1.8 EL
น้ำมัน 1.8
ส่วนการกินน้ำมันไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักถ้าวิ่งในความเร็วใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างที่ ตัว 1.8 สามารถเติม E 85 ได้ค่ะ

 

 

แล้วพบกันใหม่นะคะDSC_4894

me

ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
Facebook Comments