บีเอ็มดับเบิลยู เพิ่มกำลังการผลิตชุดแบตเตอรี่ เป็นสองเท่า
ค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตชุดแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ขึ้นเป็นสองเท่า ของกำลังการผลิตเดิม เพื่อเป็นการเตรียมการผลิตรถไฮบริด-ไฟฟ้า ใหม่ อีก 2 รุ่น ในโรงงานที่ เซาท์ คาโรไลน่า
รถยนต์รุ่นใหม่ของ บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น เอ็กซ์5 เอ็กซ์ไดร๊ฟ 45 อี X5 xDrive 45e จะมาในแบบของรถ เอสยูวี ไฮบริด-ไฟฟ้า โดยจะเริ่มสายการผลิตในวันที่ 1 สิงหาคม นี้ และจะตามมาด้วย ไฮบริด-ไฟฟ้า รุ่น เอ็กซ์3 เอ็กซ์ไดร๊ฟ 30 อี X3 xDrive 30e ในเดือนธันวาคม นี้เช่นกัน
การเพิ่มรถยนต์ที่เกี่วข้องกับ ไฟฟ้า รุ่นใหม่นี้ เป็นไปนามคำมั่นสัญญาของบีเอ็มดับเบิลยู ที่จะแนะนำรถที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า 25 รุ่นใหม่ รวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า ล้วนๆ 13 รุ่น ออกสู่ตลาดให้ได้ภายในปี 2566
แผนงานของบีเอ็มดับเบิลยูในสหรัฐอเมริกา ชิ้นใหม่นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายสงครามทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้มีการผลิตรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ในอเมริกา รวมทั้งเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยเข้มงวดด้านมาตรฐานความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพิ่มมากขึ้น ทำให้บรรดาค่ายรถยนต์ต่างพากันต้องปรับเปลี่ยนแผนการผลิตกันอย่างวุ่นวาย
ขณะที่ค่ายผู้ผฃิตรถยนต์รายใหญ่ อย่าง โฟล์คสวาเก้น และ เจเนอรัล มอเตอร์ กำลังวุ่นวายกับการเพิ่มสายการผลิต ให้มีรถที่ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ค่ายบีเอ็มดับเบิลยู เลือกที่จะผลิตรถยนต์ไฮบริด-ไฟฟ้า ที่ผู้บริโภค สามารถใช้กำลังงานจากชุดแบตเตอรี่ ขับเคลื่อนเดินทางได้ในเวลาปกติ และสามารถใช้กำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน เมื่อกำลังไฟฟ้า ไม่พอเพียง ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกได้มาก
เอ็กซ์ 5 เอ็กซ์ไดร๊ฟ 45 อี สามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้ 80 กม. ส่วนรุ่นเล็ก เอ็กซ์3 เอ็กซ์ไดร๊ฟ 30 อี เดินทางได้ 50 กม. โดยรถทั้งสองรุ่นเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ที่ขายดีสำหรับตลาดอเมริกา บีเอ็มดับเบิลยู เชื่อว่า หากพัฒนาเป็น ไฮบริด-ไฟฟ้า แล้ว ผู้บริโภคน่าจะยังยอมรับได้เช่นกัน
การเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงาน เซาท์ คาโรไลน่า บีเอ็มดับเบิลยู ลงทุนได้ 10 ล้านเหรียญ พร้อมทั้งฝึกสอนพนักงาน 225 คน สำหรับการผลิตชุดแบตเตอรี่