บีเอ็ม จะผลิตร่วมกับ โตโยต้า
ค่ายบีเอ็มดับบลิว ซึ่งจับมือกับ ค่ายโตโยต้า ในการพัฒนารถสปอร์ต ที่จะใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน สรุปว่าจะใช้โรงงานประกอบของ แมกน่า สไตย์ Magna Steyr เป็นโรงงานประกอบร่วมกัน โดยค่ายบีเอ็ม จะเป็นเจเนอเรชั่นต่อจาก แซ่ด 4 Z4 ในชื่อ แซ่ด 5 Z5 และโตโยต้า จะเป็นเจเนอเรชั่นที่ต่อจาก ซูปร้า Supra
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ไคลน์ ไซตุง Kleine Zeitung รายงานข่าวว่า โรงงานซึ่งจะประกอบรถสปอร์ตทั้งสองยี่ห้อแห่งนี้ อยู่ใน กราซ, ออสเตรีย Graz, Austria โดยจะเริ่มสายการผลิตในปี 2561 ด้วยกำลังการผลิต 60,000 คัน/ปี
ค่ายบีเอ็ม ใช้โรงงานแมกน่า สไตย์ ในการผลิต มินิ เพซแมน และ คันทรี่แมน แต่รุ่นเพซแมน กำลังจะเลิกสายการผลิต และจะย้ายการผลิตรุ่น คันทรี่แมน ไปยังโรงงาน เน็ดคาร์ ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตรุ่น มินิ แฮทช์แบ็ค อยู่แล้ว
โฆษกของโรงงานแมกน่า สไตย์ ระบุว่า บริษัท ยังไม่ได้รับคำยืนยันเป็นทางการ ว่าบีเอ็มดับเบิลยู จะผลิตรถรุ่นใด แทนที่สายการประกอบ มินิ เพซแมน และ คันทรี่แมน ขณะที่โฆษกของบีเอ็มดับเบิลยู และ โตโยต้า ยุโรป ต่างก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีดังกล่าว
รถรุ่น บีเอ็มดับเบิลยู แซ่ด4 ออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 โดยผู้บริหารบีเอ็ม กล่าวเมื่อต้นปีนี้ว่า ยังไม่มีการตัดสินใจสำหรับรถรุ่นต่อไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นการศึกษาความเป็นไปได้เสียก่อน แม้ว่ายอดการขายของรถสปอร์ต 2 ที่นั่งจะลดลงอย่างมากถึง 47% แต่ บีเอ็ม ก็ยังคาดหวังว่า ความร่วมมือกับ โตโยต้า ในการพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่นี้ น่าจะช่วยพยุงยอดการขายขึ้นมาได้บ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่ในจำนวนที่มากพอ แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์
โรงงานแมกน่า สไตย์ เป็นส่วนหนึ่งของ แมกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคนาดา ขึ้นชื่อว่าสามารถผลิตรถที่แตกต่างจากสายการผลิตปกติ จำนวนการผลิตน้อย สำหรับตลาดโดยเฉพาะ ได้อย่างมีคุณภาพ อาทิ เอสยูวี เมอร์เซเดส จี คลาส หรือเอสยูวีของ จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อในปีหน้า ส่วนคูเป้ เปอโยต์ อาร์ซีแซ่ด ที่กำลังผลิตอยู่ก็จะหยุดการผลิตสิ้นปีนี้ โดยในปีที่แล้ว โรงงานกราซ ผลิตได้ 103,904 คัน และกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงสายการผลิต ที่จะแล้วเสร็จในปีหน้า อันจะทำให้สามารถทำยอดการผลิตได้ปีละ 200,000 คัน ในปี 2561