น้ำในหม้อพักไม่ยอมไหลกลับหม้อใหญ่

Brand: MAZDA Model: Lantis
Year: 1997 Miles: 100001 – ขึ้นไป
From: barefoot 9x

ปกติเวลาเครื่องร้อนแรงดันเพิ่มก็จะดันน้ำมาที่หม้อพักจากเดิมที่เติมไว้ตรงขีด เพิ่มขึ้นมาซักประมาณ 1 นิ้ว ไม่เคยล้นออก พอเครื่องเย็นแรงดันในหม้อน้ำลดลงก็จะดูดจากหม้อพักกลับไปเป็นปกติ แล้วอยู่ดีๆ เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนเครื่องร้อนก็ดันมาหม้อพักในระดับเดิมไม่ได้ล้นออก แต่พอเช้าเปิดกระโปรงดู (อ้าว…. ทำไมยังอยู่ที่เดิมฟระ) มันไม่ยอมดูดกลับไปน่ะครับ คิดว่าเป็นที่วาล์วที่ฝาหม้อน้ำ ก็เลยไปหาซื้อมาเปลี่ยน รถตาตี่ เดิมเป็น 16 PSI ซึ่งเทียบแล้วมันก็เท่ากับที่ไปหาซื้อเป็น 1.1 bar มา พอเปลี่ยนไปสองวันแรกมันก็กลับมาเป็นปกติ เราก็คิดว่า o.k ใช่แล้วสาเหตุคือฝาหม้อน้ำ แต่นี่ผ่านมาวันที่สี่ เปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ร่วม 4 ชม. เครื่องก็เย็นแล้ว แต่มันไม่ยอมกลับอีกแล้ว พอลองบิดเปิดฝาหม้อน้ำดูนิดนึง (ยังไม่่ดึงฝาออกจากหม้อ) กลับกลายเป็นว่ายังมีแรงดันน้ำอยู่ ทะลักออกมาบางส่วน และดันไปที่หม้อพักเพิ่มขึ้นอีก ก็เลยปิดไว้อย่างเดิม วันนี้ก็ใช้ขับไปทำงานตามปกติ น้ำที่ดันไปหม้อพักก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นอีก ตอนเย็นเปิดดูมันก็ไม่ลดลงด้วย ความร้อนก็ยังอยู่ในระดับปกติ

อาการอย่างงี้มันจะเป็นที่อะไรครับ ฝาหม้อน้ำห่วย, หม้อน้ำตัน (เพิ่งตีทองแดงมาได้สามเดือนเองนะ), วาล์วน้ำตาย, ปั๊มน้ำขี้เกียจทำงาน รึว่าจะร้ายแรงขนาดประเก็นฝาสูลรั่ว, ฝาสูบโก่ง (รถก็ไม่เคยฮีทจนน็อคนะครับ)
… หรือจะเป็นไปได้มั๊ยว่าปากหม้อทองแดงที่ทำมาไม่ค่อยดี พอแรงดัน ดันปริงที่ฝาขึ้นแล้วค้าง พอความดันลดแล้วสปริงไม่ดันลงมา น้ำเลยไม่ยอมไหลกลับ ….

*** แต่ที่แปลกใจมากๆ ก็คือทำไมจอดทิ้งไว้ทั้งคืนจนเครื่องเย็นสนิท เปิดฝาหม้อน้ำก็ยังมีแรงดันน้ำออกมาอีกน่ะครับ

ต้องขอโทษด้วยนะครับถ้าร่ายมายาวเกินไป จะสรุปสั้นๆ ก็กลัวจะไม่เห็นภาพ
Update ระหว่างรอคำตอบ ลองเช็ควาล์วน้ำด้วยวิธีของอาจารย์แล้วครับ คงไม่ใช่วาล์วน้ำตาย หรือเปิดตลอด เพราะเริ่มอุ่นเครื่องฝาครอบวาล์วร้อน ท่อน้ำบนยังเย็น จนกระทั่งอุณภูมิได้ระดับวาล์วน้ำเปิด ท่อน้ำบนเริ่มร้อนตาม
..เฮ้อ อย่างงี้ก็ไม่ใช่วาล์วน้ำซิครับ แล้วมันจะเป็นที่อะไรได้อีกครับ ปั๊มน้ำเปลี่ยนมาอายุปีครึ่ง ประมาณ 50,000 km. รถ astina ตาตี่ `97 ติดแก๊สหัวฉีดด้วยครับ

update อึกครั้ง ไปทำคอหม้อน้ำมาใหม่ ใช้มา 4 วัน 400 กม. น้ำยังดันไปหม้อพักเล็กน้อย แต่ฟองอากาศนี่ปุดๆ มาได้ทุกวันไม่หมดซักที ท่าทางจะไม่ใช่ไล่อากาศไม่ดีแล้ว สงสัยว่าประเก็นฝาสูบจะมีปัญหา หรือจะร้ายแรงถึงฝาโก่งครับ มีทางไหนเช็คให้ชัวร์ว่าเป็นที่ประเก็นฝาสูบ หรือฝาสูบโก่งมั๊ยครับ หรืออาการแค่นี้ก็ชัวร์แล้ว ต้องเปิดฝาสูบสถานเดียว

ปล.ถ้าต้องเปิดฝาสูบจริงๆ มีอะไรที่ควรทำควบคู่ไปด้วยมั๊ยครับ และระหว่างเปิดมาซ่อม กับยกเครื่องใหม่พร้อมเกียร์ไปเลยจะดีกว่ามั๊ยครับ เนื่องจากตอนนี้รถวิ่งมา 250,000 กม.แล้ว เกียร์ออโต้อาการไม่ค่อยดี ซีลทอล์คก็มีน้ำมันซึม เฮ้อ… เริ่มเหนื่อยกับการซ่อมรถ (ก็เข้าใจว่าตามอายุ)

Update ตอนนี้ไปเช็คมา 2 อู่ ศูนย์บริการ และอู่นอกที่เป็นช่างทำ Mazda ให้ความเห็นเหมือนกันคือมันคงมีโก่งเล็กน้อย หรืออาจจะเป็นที่ประเก็น จะให้เค้าเช็คกำลังอัดกระบอกสูบดู เค้าบอกว่าเป็นน้อยๆ อย่างงี้เช็คก็ไม่ได้บอกอะไรที่ชัดเจนหรอก ถ้ารั่วมันก็ยังน้อย เพราะเครื่องก็ยังเดินได้ค่อนข้างเรียบอยู่ ถ้าเปิดมาก็ควรจะเช็คโก่ง หรือปาดหน้าฝาสูบนิดหน่อย เพราะบางทีมันโก่งน้อยเอาไม่บรรทัดทาบอาจจะมองไม่ออก และแนะนำให้บดวาล์ว พร้อมเปลี่ยนยางรองตีนวาล์วด้วย (พอเรียกซีลวาล์ว ร้านอะไหล่เค้าว่า เรียกให้มันง่ายๆหน่อย) มันหนักอิตรงยางซีลวาล์วนี่แหละครับ 16 ตัว ของแท้ วรจักรตัวละ 245 บาท ก็ร่วม 4000 บาท ประเก็น เกือบ 2000 บาท + ค่าแรงค่าปาดและบดวาล์ว รวมก็ราวๆ 10000 บาท (ยางซีลวาล์วเทียบตัวละไม่กี่สิบช่างบอกว่าไม่แนะนำเพราะบางทีมันเอาไม่อยู่ควันไหลมาหลายคันแล้ว) ตอนนี้ความคิดค่อนไปทางทีว่าจะปาดฝาสูบ เพื่อใช้ต่อไปก่อนอย่างน้อยอีกซัก 2 ปี ค่อยคิดเรื่องวางเครื่องใหม่ อาจารย์มีความเห็นยังไงมั้งครับ กับการปาดฝาสูบ น่าทำมั๊ย จะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาไม่จบรึป่าว อีกใจอยากเปลี่ยนฝาสูบเซียงกงไปเลย น่าจะดีกว่ารึป่าวครับ (แต่ตอนนี้เช็คของแล้ว เค้าว่าฝาอย่างเดียวหายากหน่อย) ถ้าเปลี่ยนฝา ต้องบดวาล์ว เปลี่ยนยางรองที่มากับฝาด้วยมั๊ยครับ
… ผมควรปาดฝาไปเลย หรือว่าใช้ไปเรื่อยๆ รอหาฝาสูบได้ค่อยเปลี่ยนฝาเอาดีกว่ากันครับอาจารย์
บางทีผมก็ว่าผมคิดมากและเครียดมากเกินเหตุรึป่าว รถก็ยังวิ่งได้ 140 อยู่ทุกวัน อัตราเร่งก็ยัง o.k. ความร้อนก็อยู่ระดับปกติ น้ำก็ไม่ล้นออก (แต่มันไม่ไหลกลับกล้วจะแห้งไม่รู้ตัว) ผมใช้รถวันละ 100 กม. กลับบ้านดึกๆ ก็เลยว่ามันจะน็อคเอากลางทางละแย่เลย ทำให้ไม่อยากปล่อยไว้ให้หนักกว่านี้ หรือ ผมควรจะใช้มันไปเรื่อยๆ จนไม่ไหวละครับ … ผิดมั๊ยเนี่ย ที่เช็ครถแทบทุกวัน ผิดปกตินิดหน่อยเป็นต้องคิดแล้ว


เอาอย่างนี้ครับ ผมอ่านตอน Update พบว่า มีฟองอากาศผุดขึ้นมาในคอหม้อน้ำ ก็แสดงชัดชัดแล้วว่า ประเก็นฝาสูบรั่วตรงไหนสักที่หนึ่ง และอาจจะเป็นได้ที่ฝาสูบโก่ง หรือเสื้อสูบโก่งเอาด้วยซ้ำ แต่อาการทั้งสองอย่างนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้โดยรถไม่ได้มีอาการเครื่องยนต์ร้อนจัด

เอาละ เอาเป็นว่าประเก็นแตกก็แล้วกัน คิดในแง่ดีไว้ก่อน และเป็นไปได้เสียด้วย แต่ช่างที่ลงมือซ่อมให้มักจะไม่ยอมเชื่อ เพราะอยากได้เงินมากกว่าแค่นี้ก็เป็นได้ หรือ อยากให้ซ่อมให้ดีไปเลย ตามนิสัยช่างทั่วไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมสักหน่อย ก็เป็นได้อีก

ตอนแรก ผมก็สงสัยคอหม้อน้ำนะ ว่าอาจจะปิดไม่ดี ทำให้น้ำออกไปแล้วกลับเปิดดูดอากาศเข้ามา เอาอย่างนี้ดีกว่า เช็กอีกทีครับ คอหม้อน้ำ อย่าลืมเช็กฟองอากาศด้วยนะ เช็กตอนเช้าทุกเช้าเลยก็ดี ตอนติดเครื่องยนต์ใหม่ใหม่นะครับ เปิดฝาหม้อน้ำดูเลย ว่ามีฟองน้ำขึ้นไหม ถ้ามี ก็ประเก็นแตกค่อนไปทางข้างจะแน่นอนเสียแล้ว

ค่าซ่อมค่าอะไรนี่ ลองคิดดูครับ อย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสามหมื่นบาทไปกี่มากน้อย
ลองเปรียบเทียบกับการใช้รถไปอีกสองปีอย่างที่คุณบอก เทียบว่า ถ้าขายรถไปในทันที แล้วเปลี่ยนใหม่ คุณจะต้องลงทุนอีกกี่ตังค์ ผมว่า ไม่ต่ำกว่าสองแสนสามแสน อะไรคุ้มกว่ากัน คุณเองก็บอกได้ ขนาดค่าซ่อมประเก็นรวมแล้วหมื่นบาท คุณยังลังเลเลยนี่นา จะลงทุนขนาดสองสามแสน ไม่คิดแล้วคิดอีกเชียวหรือ หรือเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

อะไหล่นั้น ลองพิจารณาดูถึงอะไหล่แท้ ที่อยู่กับรถมาสองแสนห้าหมื่นกิโลเมตร และสิบกว่าปีเข้านี่แล้ว ลองเปรียบเทียบกับของเทียม ที่คุณจ่ายครั้งแรกถูกกว่า แต่เมื่อจะต้องจ่ายครั้งที่สอง ที่ช่างบอกว่าควันไหลเพราะใช้ยางตีนวาล์วเทียมนะ จะต้องจ่ายทั้งอะไหล่ และค่าแรงอีกที รวมไปถึงค่าประเก็นฝาสูบด้วย และยังอาจจะต้องมีน๊อตฝาสูบที่ยืดแล้วอีกด้วยนะครับ ลองพิจารณาดูก็แล้วกัน ว่าอะไรมันคุ้มค่ากว่ากัน

ผมก็ได้แต่ชี้ทางให้คุณคิดนั่นแหละ แต่ไม่คิดแทนคุณหรอกครับ เป็นมารยาทของผมอยู่แล้ว-ธเนศร์

Facebook Comments