ทดสอบ ทดลองขับ Mitsubishi Triton Mega Cab ใหม่ “เปลี่ยนทุกความเชื่อ” กับเส้นทาง กรุงเทพฯ – กาญจนบุรี (ไทรโยค)

800_0137

หลังจากที่ได้ทดลองขับ Triton Double Cab Plus/4WD กันไปเมื่อช่วงหลังการเปิดตัวมาวันนี้ มิตซูบิชิ ได้ปล่อยTriton รุ่นย่อยอย่าง Single Cab 4WDMega CabMega cab PlusDouble CabDouble Cab Plus มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกันครับในครั้งนี้โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-ไทรโยค เป็นเส้นทางในการทดสอบขับกัน

800_0147

 

เรามาเริ่มต้นงานครั้งนี้เข้าที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อฟังข้อมูลของตัวรถและเส้นทางที่เราจะใช้กันในครั้งนี้   เมื่อฟังเสร็จเราก็เริ่มออกเดินทางกันซึ่งรถที่ได้ขับคันแรกนั้นคือรุ่น Mega Cab Plus เกียร์ธรรมดา ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.4 Mivec Clean Diesel รุ่นใหม่ การเดินทางออกจากสำนักงานใหญ่ สัมผัสแรกนั้นคือ คลัทช์ แบบเดิมที่คุ้นเคยจากเมื่อครั้งก่อที่ไม่หนักมาก จึงไม่ทำให้เมื่อยล้าในการขับขี่ เดินทางด้วยความเร็วใช้งานทั่วไปอยู่ระหว่าง 100-120 กม./ชม. รอบการทำงานอยู่ที่ 1,600-2,000 ต่อนาที เมื่อเดินทางเข้ากาญจนบุรี จะพบกับเส้นทางที่มีทางขึ้นเขาและทางโค้งมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงขึ้นเขารถนั้นสามารถตอบสนองได้ดีแม้จะอยู่ในรอบเต่ำก็ไม่ต้องพะวงเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ต่ำกำลังยังเหลือ และช่วงอัตราเร่งแซงสามารถเติมคันเร่งแบบต่อเนื่องได้ทันที ซึ่งเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 4D56 Diesel Turbo Intercooler ให้สมรรถนะสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที

 

800_0314

สำหรับรุ่น Mega Cab นั้นมาพร้อม Cab แบบเปิดได้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออก และการขนของ รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารแบบ 2 ชั้น ด้วยโครงสร้างแบบ Rise Body ด้วยโครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า Super Frame ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงสูงที่หนาถึง 2 ชั้น ไร้รอยต่อตลอดความยาวจึงช่วยป้องกันการโค้งงอและการบิดตัวเพิ่มขึ้นทำให้สามารถตอบสนองทุกสภาวะเส้นทางและรองรับน้ำหนักการบรรทุกได้เป็นอย่างดี มาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครันช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจตลอดการขับขี่

 

 

800_0290

ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยสีทูโทนสปอร์ตหรูและห้องโดยสารที่เงียบด้วยเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนตลอดการเดินทาง นั่งสบายและระบบความบันเทิงครบครันทั้งหน้าจอมัลติฟังก์ชั่น, วิทยุ, เครื่องเล่น MP3, กล้องมองหลัง, ระบบนำทางและระบบปรับอากาศอัตโนมัติและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีกมากมาย

800_0298

 

จากนั้นสลับมาขับในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ อัตราเร่งเป็นรองในรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่บ้าง ช่วงเร่งแซงต้องมีการเผื่อระยะแซงอยู่บ้างครับ ถ้าแลกกับความสบายที่ไม่ต้องมาเหยียบคลัทช์เปลี่ยนเกียร์กันบ่อยๆก็ถือว่าทดแทนกันได้ครับ

800_0294

 

จากนั้นตามมาด้วยรุ่น Single Cab 4×4 มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS ทุกรุ่น สะดวกสบายในการขับขี่ด้วยกระจกปรับไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเล่นวิทยุ, ซีดี, MP3, ช่อง AUX รวมทั้งการออกแบบให้กระบะท้ายมีพื้นที่ใหญ่พร้อมผนังกระบะ 2 ชั้น ขอบกระบะหนาพิเศษ ซุ้มล้อขนาดเล็กเพิ่มพื้นที่การบรรทุกมากขึ้น คล่องตัวในทุกการขับขี่ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.7 เมตร(ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ) และ 5.9 เมตร (ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ขุมพลังในรุ่น Single cab (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 4D56 Diesel Turbo Intercooler ให้สมรรถนะสูงสุด 128 แรงม้า ส่วนรุ่น Single Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร VG Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

NIK_0206

ทางด้านช่วงล่างของในรุ่น Mega Cab Plus ทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ เซ็ทช่วงล่างออกมาในสไตล์เดียวกันคือนุ่มนวล เพราะได้รับการออกแบบใหม่ ไม่แข็งกระด้างให้ความมั่นใจตลอดการขับขี่ ซึ่งในตอนแรกที่รับรถ คิดว่าช่วงล่างน่าจะกระด้างมากกว่ารุ่น Double Cab Plus ที่เคยขับมาก่อนหน้านี้ พอมาได้ขับจริง ช่วงล่างต่างกันไม่มากนัก ซับแรงกระแทกได้ดี บึกบึน หนึบและแน่น

NIK_0261

จากการทดลองขับ Triton ใหม่ กว่า 200 กิโลเมตร ถือว่า Mega Cab Plus สอบผ่านและประทับใจในการขับขี่เพราะให้การตอบสนองที่ดีกับการใช้งานทุกประเภทไม่ว่าคุณจะใช้งานเพื่อการบรรทุกหรือใช้ในครอบครัวก็ตาม ทั้งช่วงล่างที่เฟิร์ม ไม่มีอาการโคลง หรือโยนตัวเวลาเปลี่ยนเลน ทางด้านเครื่องยต์ที่เปลี่ยนมาเป็นขุมพลังใหม่ 2.4 ลิตร บล็อกใหม่ถือว่าเป็นจุดเด่นเลยของตลาดรถกระบะในขณะนี้    หากใครสนใจก็แวะเวียนไปเยี่อมชมได้ที่โชว์รูมใกล้บ้านท่านเลยครับ

800_0255

##########################################################

 

Facebook Comments