ทดลองขับ Toyota PRIUS : น้องใหม่จากสายการประกอบภายในประเทศ



พูดถึง โตโยต้า พรีอุส เป็นรถที่ผมอยากขับมาตั้งนานแล้วครับ เห็นมานานพอสมควรแล้วในต่างประเทศ และหลายต่อหลายท่านก็เคยได้ทดลองขับกันมาบ้างแล้ว ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย ประเทศไทยเป็นประเทศที่สาม รองจาก ญี่ปุ่น และก็จีน ครับ ที่ได้สิทธิ์ในการนำรถรุ่นนี้มาประกอบขายในบ้านเราครับ



คราวนี้เป็นตาผมบ้างแหละครับที่จะได้ทดลองขับเจ้า โตโยต้า พรีอุส เจนเนอเรชั่นที่ 3 นี้กัน ถึงแม้จะไม่ได้ไปทดลองขับที่ญี่ปุ่นเหมือนคนอื่นเค้า แต่อย่างน้อยผมก็ได้ขึ้นเครื่องบินไปทดลองขับกับเค้าเหมือนกันนะครับ ฮ่าฮ่า โดยจุดหมายก็ไม่ใกล้ ไม่ไกลครับ เชียงรายแค่นี้เอง ที่บอกว่าไม่ไกล ก็เพราะนั่งเครื่องบิน โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG134 แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงครับ แต่ถ้าหากจะขับรถมานี่ก็ไกลเอาเรื่องเลยครับ

จากสนามบินสุวรรณภูมิ บินตรงมาสู่สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงรายเลยครับ สะดวกมาก แต่เนื่องจากมาถึงช่วงบ่ายแล้ว วันนี้ก็ยังคงไม่ได้ทดลองขับอะไร แต่ถึงจะบ่ายแก่ๆแต่ก็ยังพอมีเวลาช้อปปิ้ง ชาวคณะก็เลยออกเดินทางสู่ประเทศเพื่อนบ้านทันที



หลังจากทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย กันเป็นที่เรียบร้อย ก็เดินทางข้ามแดนสู่ แขวงท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศพม่ากันเลยทีเดียว เป็นที่รู้กันอยู่แล้วครับว่าที่นี่ มีของขายมากมาย ใครอยากซื้ออะไรก็เชิญตามสบายเลยครับ ผมแนะนำนะครับว่าต้องต่อราคาของกันหนักๆหน่อยนะครับ เช่น ถ้าเค้าบอกมาว่า 1,200 บาท ก็ต่อไปเลยครับ 300 บาท โดยมากจะบอกว่าไม่ได้ ก็ให้ยืนยันเสียงแข็งหน่อย ถ้าไม่ให้ก็เดินหนีไปเลยครับ เดี๋ยวคนขายก็เรียกเรากลับมาเองแหละครับ หรืออย่างมากก็จะซื้อได้ในราคาไม่เกิน 500บาท บอกตามตรงเลยครับ ซื้อของที่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากที่อื่นหรอกครับ แต่ความมันในการต่อของนี่สุดๆเลยครับ มีโอกาสคงได้กลับมาเยี่ยมที่นี่อีกครั้งเป็นแน่



หลังจากซื้อของกันที่ด่านแม่สายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปเข้าที่พักกันแล้วครับ สำหรับที่พักในทริปนี่ก็จะเป็นที่ ภูใจใส เมาท์เท่น รีสอร์ทแอนด์สปาครับ เป็นรีสอร์ทที่ตั้งตัวอยู่บนไหลเขา ทำให้เห็นวิวหุบเขาได้อย่างสวยงาม ห้องพักสร้างจากไม้ไผ่ เป็นธรรมชาติ ดูความอบอุ่น เรียบง่ายดีครับ แต่ที่ผมไม่ชอบ ก็คือไม่มีทีวีอะครับ ผมยิ่งเป็นคนติดทีวีอยู่ด้วย นอนแทบไม่หลับเลยครับ



แต่ก็แปลกนะครับ พอไม่มีอะไรทำในช่วงเวลากลางคืน หัวถึงหมอนก็หลับได้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะอากาศดีๆของที่นี่ด้วย เลยทำให้หลับสบายเอามากๆครับ แถมได้ตื่นเช้าเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าที่ 19 องศาในช่วงเจ็ดโมงเช้ามาฝากกันด้วยครับ



กิจกรรมสำหรับวันนี้ เริ่มต้นกันด้วยการฟังบรรยายสรุปข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับ โตโยต้า พรีอุส ที่มหาวิทยาลัย แม่ฟ้าหลวง

โตโยต้า พรีอุส ที่เข้าสู่สายการประกอบในประเทศไทยนี้เป็น เจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้วครับหลังจาก ผลิตและจัดจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 1997 โดยทั้งสองเจนเนอเรชั่น สร้างชื่อให้กับโตโยต้าได้ไม่น้อย ในฐานะที่เป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของโลก รถยนต์ไฮบริด หากจะอธิบายอย่างง่ายๆ ก็คือรถยนต์ที่ใช้ขุมพลังแบบลูกผสม ในที่นี้ก็จะเป็น เครื่องยนต์แบบปกติที่เราใช้ บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในการช่วยส่งกำลัง เพื่อที่จะทำให้รถยนต์สามารถเคลื่อนที่ไปได้



เครื่องยนต์ ก็ใช้น้ำมันเบนซินตามปกติ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าก็ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน แล้วไฟฟ้ามาจากไหนกันหล่ะ ก็มาจากเครื่องยนต์นั่นแหละครับ แต่มาได้อย่างไรเดี๋ยวค่อยมาว่ากัน



มาถึงช่วงที่จะต้องทดลองขับกันแล้วครับ แต่ก่อนอื่นก็ต้องเข้ามาทำความคุ้นเคยกับภายในกันซะก่อน ภายในก็อย่างในภาพเลยครับ ดูจะแปลกตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย หน้าจอแสดงผล หรือแม้กระทั้งคันเกียร์ที่เปลี่ยนจากแบบเดิมๆมาเป็นแบบ Joystick เหมือนที่เราใช้เล่นเกมส์กันนั่นแหละครับ



พร้อมออกเดินทางแล้วครับ ก่อนอื่นก็ต้องเหยียบเบรก แล้วก็กดที่ปุ่ม Power ที่ด้านซ้ายด้านหลังพวงมาลัยก่อนนะครับ แต่ไม่ต้องตกใจที่ไม่ได้ยินเสียงสตาร์ทของเครื่องยนต์นะครับ ขอแค่ให้ขึ้นคำว่า Ready ที่จอด้านหน้าแค่นี้รถก็พร้อมที่จะไปแล้วครับ จากนั้นก็แค่ผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง D เบาๆแล้วเหยียบคันเร่ง รถก็จะเคลื่อนตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าไปอย่างเงียบๆครับ

แต่ก่อนที่จะไปทดลองขับกัน ผมขออธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับโหมดที่จะใช้ในการขับขี่ก่อนนะครับ เพราะที่เห็นจะต้องอธิบาย ก็เพราะมันจะแตกต่างจากรถโดยทั่วไป ที่จะใส่เกียร์ D แล้วก็เหยียบๆคันเร่งไป หรือแม้แต่ โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด ก็ไม่มีโหมดมาให้เลือกอย่างพรีอุสนี้



โหมดที่ให้มามีทั้งหมด 4 โหมดด้วยกันครับ ได้แก่

PWR Mode หรือ Power Mode หากขึ้นโชว์ที่หน้าจอก็หมายความว่า คุณจะอยู่ในโหมดที่ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะทำงานอย่างเต็มที่ และเต็มกำลัง เพื่อตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นหมายความว่า โหมดนี้จะกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากที่สุดนั่นเอง

ECO Mode โหมดนี้ก็จะเป็นโหมดที่ระบบ จะเลือกใช้กำลังในการขับเคลื่อน ทั้งจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยจะคำนึงถึงการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าให้มากที่สุด

EV Mode โหมดนี้ เป็นโหมดที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อน โดยที่หากจะใช้โหมดนี้ พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่ จะต้องเกินสี่ขีด จากบนหน้าจดแสดงผล ถึงจะใช้โหมดนี้ได้ และระบบนี้จะยกเลิกตัวเองก็ต่อเมื่อ พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือน้อย และเมื่อใช้ความเร็วที่สูงมากเกินกว่า 40 กม./ชม. แต่ถ้าหากเลี้ยงคันเร่งดีๆ ก็สามารถวิ่งได้ถึงประมาณ 60-70 กม./ชม.ได้ครับ


ส่วนถ้าหน้าจอไม่ได้แสดงสถานะอะไรเลยตามที่กล่าวมา ก็แสดงว่าในตอนนั้น ระบบจะอยู่ในแบบ Normal Mode หรือโหมดปกติครับ ก็คือระบบจะทำงานเหมือน PWR Mode แต่จะไม่เน้นเรื่องอัตราเร่งมากมายอะไรนัก และก็จะไม่ได้ประหยัดเท่า ECO Mode ด้วยครับ

ซึ่งโหมดต่างๆที่กล่าวมานี้เราต้องเลือกที่จะกดหรือจะไม่กดเองนะครับ เพื่อให้รถตอบสนองในแบบที่เราต้องการให้ได้มากที่สุด



ช่วงแรกนี้ ผมรับหน้าที่เป็นคนขับครับ โดยใช้เส้นทางจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มุ่งหน้าขึ้นดอยตุงกันครับ เส้นทางที่ใช้ในช่วงแรกๆ ก็จะเป็นถนน 4 เลนส์มีเกาะกลาง ช่วงนี้ขับกันได้อย่างสบายๆครับ และใช้ความเร็วกันได้ค่อนข้างมาก ซึ่งโหมดที่ใช้อยู่ตอนนี้ ก็จะเป็น Normal Mode ครับ


ต่อกันด้วยช่วงที่จะต้องขับขึ้นเขากัน ช่วงนี้ผมก็ยังคงที่จะใช้ Normal Mode ครับเพราะอยากรู้ว่าจะขึ้นเขาไหวมั้ย ผลที่ออกมาก็เหมือนรถทั่วๆไปนั่นแหละครับ ขึ้นได้สบายๆ ช่วงนี้โค้งขึ้นเขาค่อนข้างมาก แถมยังใช้ความเร็วกันด้วย ผู้โดยสารในขบวนบางท่าน ถึงกับต้องคายของเก่ากันเลยทีเดียว ยอมรับครับว่าช่วงนี้ขับสนุกจริงๆครับ ช่วงล่างของ พรีอุสตอบสนองในการเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการที่ทำให้คนขับหวาดเสียวเลยครับ สามารถขับได้อย่างสบายๆ ถึงแม้เส้นทางที่ใช้จะดูน่ากลัวก็ตาม

ขึ้นไปถึงดอยตุง พักรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องเดินทางกันต่อ ซึ่งผมก็ยังคงรับหน้าที่เป็นคนขับต่อ และได้ลองเปลี่ยนไปใช้ PWR Mode หรือ Power Mode หลังจากที่เปลี่ยนโหมด อัตราเร่งรวมถึงการออกตัวดีกว่า Normal Mode ครับแต่ก็ไม่ได้เห็นชัดอะไรมากนักนะครับ



ส่วนเส้นทางในช่วงนี้จนไปถึงดอยช้างมูบ น่ากลัวจริงๆครับ เพราะเป็นทางขึ้นเขาที่แคบกว่าเดิม และคดเคี้ยวกว่าเดิมอีกครับ แต่ก็ยังคงใช้ความเร็วที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการขับแบบปกติ ดีนะที่มีรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ในการขับรถมากกว่าผม คอยแนะนำเรื่องการเข้าโค้งให้ ไม่อย่างนั้นหากเป็นคนธรรมดา ก็คงมีหลุดโค้งกันบ้างนั่นแหละครับ



พักรถพักคนบนดอยช้างมูบเสร็จ ก็ถึงเวลาที่ผมต้องเปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ดูอะไรภายในรถมากนัก ก็เพราะเส้นทางในช่วงนี้เป็นช่วงลงเขา แคบๆ บางช่วง รถแถบจะสวนกันไม่ได้ แถม ยังมีโค้งหักศอก พับไปพับมาอีกไม่รู้กี่โค้งต่อกี่โค้ง กว่าจะถึง อ.แม่สาย ระยะทางรวมกว่า 30 กม. เล่นเอาผมออกอาการเลยทีเดียวครับ

สิ่งที่ผมสังเกตได้ในตอนนั้น ก็คงจะเป็นการทำงานของระบบต่างๆของ ไฮบริด ที่เวลารถลงเขา มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถ ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวปั่นไฟไปเก็บเข้าแบตเตอรี่แล้วครับ เมื่อเราถอนคันเร่ง หรือเหยียบเบรก ระบบไฮบริด ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อถึงแม่สาย แบตเตอรี่เกือบทุกคันนี่เรียกได้ว่าเต็มแล้วเต็มอีกเลยครับ



หลังจากแวะปั้มปล่อยของเสียและคายของเก่ากันเป็นที่เรียบร้อยสำหรับบางคน ก็ถึงช่วงที่จะได้ลองระบบในโหมด EV Mode กันซะที ไหนๆก็แบตเต็มกันแล้ว อย่างที่กล่าวในตอนต้น EV Mode จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อน และอย่างที่บอก คือจะใช้ความเร็วที่ไม่ได้สูงมากนัก ที่ๆลองกัน ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 50กม./ชม.เท่านั้นครับ ส่วนระยะทางที่ได้ก็ประมาณ 2-3 กม.เห็นจะได้ครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างด้วยนะครับ ไม่ใช่ทุกคันจะทำได้แบบนี้



เมื่อกลับมาถึงมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นการสิ้นสุดทริปทดลองขับในครั้งนี้ ผมก็ได้นั่งเล่นอยู่ในรถซักพัก เพราะยังไม่อยากจากเจ้า พรีอุส นี้ไป อาจจะเป็นเพราะการออกแบบภายในที่ดูจะทันสมัย และแตกต่างจากรถโดยทั่วไปอย่างมาก ถึงแม้อุปกรณ์ต่างๆยังคงมีเหมือนเดิมก็เถอะ บวกกันหน้าจอแสดงผลที่ดูจะเป็นสามมิติ ซ้อนกันไปซ้อนกันมาด้วยแล้ว ดูออกจะอนาคตเป็นอย่างมากเลยครับ อันนี้ชอบครับชอบ



แต่ที่เห็นจะต้องติกันหน่อย ก็คงจะเป็นเรื่องเสียงภายในห้องโดยสารนั้นแหละครับ เสียงเครื่องยนต์เข้ามาภายในห้องโดยสารค่อนข้างมากเวลาใช้ความเร็วสูงมากกว่า 130กม./ชม. จริงอยู่ครับที่เป็นเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี. เมื่อใช้ความเร็วสูงก็อาจจะต้องมีเสียงดังเข้ามาบ้าง แต่ผมว่ามันน่าจะเงียบได้มากกว่านี้นะครับ ส่วนอีกเสียงที่หาตั้งนานกว่าจะเจอ ก็คือเสียงพัดลมระบายอากาศของแบตเตอรี่นั่นแหละครับ ลักษณะก็จะคล้ายๆกับพัดลมหลังเคสคอมพิวเตอร์นั่นแหละครับ ผมว่าถ้าลดเสียงทั้งสองเสียงนี้ได้นะ ภายในห้องโดยสารจะเงียบขึ้นมากเลยครับ



โดยรวม โตโยต้า พรีอุส เป็นรถที่น่าใช้พอสมควรครับ ด้วยเทคโนโลยีที่ได้มา และราคาที่น่าคบ คือที่ 1,260,000 บาทสำหรับตัวท๊อป แต่ที่ว่าพอสมควรนั้นไม่ใช่ว่ารถเค้าจะไม่ดีนะครับ รถเค้าดีครับ แต่เราต่างหากจะต้องพิจารณาตัวเราเองด้วยว่าใช้รถแบบไหน ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่ซื้อรถไฮบริด มาแล้วก็เอามาวิ่งต่างจังหวัด โดยใช้ความเร็วสูงตลอด ระบบนี้ก็ไม่มีความหมายหรอกครับ ถึงแม้จะช่วยประหยัดน้ำมันได้บ้าง แต่ผมว่ามันไม่คุ้มกับการที่จะต้องเสียเงินซื้อ รถเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี. ในราคาล้านกว่าบาทหรอกครับ จะซื้อรถอะไร คิดถึงประโยชน์ใช้สอยด้วยนะครับ รถยังไงก็เป็นยานพาหนะครับ โปรดอย่าได้มองว่าเป็นเครื่องประดับบารมีใครเลยครับ

**************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net

ภาพบางส่วนจาก โตโยต้า

Facebook Comments