ตะลุยเขาค้อไปกับ Hyundai H-1 by: Premsak


เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้นทางฮุนไดได้จัดทริปแบบคาราวาน3วัน2คืนขึ้นโดยใช้รถทุกรุ่นที่มีอยู่ของฮุนไดอันได้แก่ H-1 ทูซอน โซนาต้า พร้อมกับผู้สื่อข่าวกว่า30ชีวิตไปที่อำเภอเขาค้อจังหวัดเพชรบูรณ์นัดหมายกันตอนเช้าที่โชว์รูมฮุนไดแยกรัชโยธินเมื่อมากันครบแล้วก็มีบรีฟกันสั้นๆพอเป็นพิธีแล้วแยกย้ายกันขึ้นรถโดยผมนั้นได้รับมอบกุญแจของ H-1 มา เอาอีกแล้วทริปนี้สงสัยต้องกลายเป็นคนขับตลอดทริปแน่เลยฮ่าฮ่า


เมื่อก้าวขึ้นมาบนรถนั้นปรับตำแหน่งเบาะให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งเบาะคนขับนั้นแม้ไม่ใช่เบาะไฟฟ้าแต่ก็สามารถปรับตำแหน่งต่างๆด้วยระบบมือซึ่งก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากนักพวงมาลัยนั้นปรับสูงต่ำได้แต่ตัวปรับนั้นออกจะแข็งไปเล็กน้อยต้องมีออกแรงกันบ้าง


ช่วงแรกนั้นออกจากโชว์รูมนั้นคันผมเป็นคันสุดไม่ได้ตามขบวนไปเพราะรอผู้สื่อข่าวอีกคนที่ยังเดินทางมาไม่ถึง เมื่อครบแล้วผมก็ต้องรีบขับตามขบวนไปให้ทัน เมื่อขึ้นโทลเวย์ได้ก็จัดการหวดรถทันทีเครื่องยนต์ของเจ้าH-1นี้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 2,497 ซีซี 4สูบแถวเรีบง DOHC 16 วาล์วมาพร้อมกับเทอร์โบแบบแปรผันที่พ่วงอินเตอร์คูลเลอร์พละกำลังนั้นเริ่มมาตั้งแต่ช่วง2000-2500รอบให้แรงบิดอยู่ที่392นิวตัน/เมตร แรงม้าสูงสุดอยู่ที่175แรงม้าที่3800รอบ ต้องลองขับท่านผู้อ่านการตอบสนองของรถนั้นทำได้ดีทีเดียว และหากอยากขับแบบสบายๆไม่ต้องเครียดกับการควบคุมรถนั้นแนะนำว่าควรใช้ความเร็วไม่เกิน140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถ้าเลยจากนี้คนขับจะเริ่มเครียดในการขับ


เราใช้เส้นบายพาสวิ่งเลี่ยงเมืองสระบุรีไปเพชรบูรณ์เส้นอำเภอชัยบาดาลไปจนถึงร้านไก่ย่างบัวตองแถวๆสามแยกเข้าอำเภอวิเชียรบุรีรับประทานอาหารเที่ยงในช่วงเกือบจะบ่ายเสร็จกันแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่อำเภอเขาค้อระหว่างทางคณะเราก็แวะสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งสู่ที่พักกันคือเข้าค้อไฮแลนด์รีสอร์ท ในช่วงนี้หลายท่านอาจจะยังสงสัยว่าเล่าเรื่องอะไรอยู่ยังไม่เห็นพูดถึงเรื่องอื่นเลย ก็จะยังไงดี ไฮไลท์สำคัญนั้นมันอยู่ในวันที่สองนี่ครับเล่าตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เส้นทางมันธรรมดาๆไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรเท่าไรเลยคอยอ่านในช่วงต่อไปดีกว่า


หลังจากเราเข้าไปยังที่พักแล้วพักผ่อนกันเล็กน้อยแถมมีงานเลี้ยงกันเล็กน้อยในค่ำคืนนั้น หลังจากนั้นก็แยกย้ายเข้าพักผ่อนนัดหมายกันสายๆช่วงเก้าโมงเช้าเพื่อจะไปทำภาระกิจต่อ จุดหมายของเราในวันนี้ก็ขึ้นเขาค้อครับออกจากที่พักเราไปแวะเก็บรูปกันที่ร้านกาแฟที่จัดไว้อย่างสวยงามวิวสวยด้วยคือร้าน Route 12 Coffee อยู่เส้นถ.พิษณุโลก – หล่มสัก แวะถ่ายรูปกันเล็กน้อยแล้วก็เริ่มเดินทางกันต่อเพื่อขึ้นไปยังภูหินร่องกล้า ระหว่างทางนั้นฝนก็ตกมาโดยตลอดทำให้ต้องระมัดระวังกันมากหน่อยต้องบอกว่าเจ้า H-1นี่ไม่มีอิดออดเลยสั่งยังไงก็สามารถทำได้ในการขึ้นเขาหรือเข้าโค้ง ถือว่าการควบคุมรถทำได้อย่างสบายๆกันเลยแม้ว่ารถนั้นจะมีขนาดใหญ่ก็ตาม เราขับรถผ่านโค้งกันมากมายจนมาถึงลานหินแตกแวะลงไปถ่ายรูปกันจากนั้นฝนก็ยังตกอยู่แบบพรำๆไปเรื่อย หลายคนอยากเดินไปยังลานหินปุ่มต่อส่วนผมขอตัวไม่ไปเพราะเคยเดินไปดูมาแล้วเมื่อสองปีที่แล้วแอบหนีไปนั่งดูหนังบนรถต่อดีกว่าแล้วก็อยากไปลองนั่งบนเบาะแบบวีไอพีที่ด้านหลังรถ เมื่อลองไปนั่งแล้วขอบอกว่าเหมือนนั่งอยู่โซฟาที่บ้านเลยสบายดีจริงๆบนรถ H-1นั้นมีจอดีวีดีติดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แล้วยังมีจอมอนิเตอร์ในตอนหลังด้วยแบบที่เป็นความบันเทิงเคลื่อนที่ได้เลย เมื่อคณะอีกส่วนหนึงกลับมาเราก็เดินทางไปหล่มสักโดยเส้นทางในช่วงลงเขานั้นทั้งชันทั้งแคบแถมโค้งเยอะอีกด้วย ขับไปขับมาต้องมีจอดพักกันกลางทางอีกเพราะว่าบางส่วนนั้นเมารถ


ช่วงนั้นเวลาประมาณเที่ยงนิดหน่อยอากาศบริเวณนั้นบวกกับฝนแล้วก็ความชื้นที่มีอยู่ทำให้เกิดหมอกลงจัดมากแบบที่เห็นทางข้างหน้าไม่เกิน20เมตรน่ากลัวกันทีเดียวผ่านพ้นจากมากเป็นอีกช่วงที่ต้องเร่งความเร็วกันมากขึ้นเพื่อทำเวลาให้ทันขึ้นเขาค้อไม่จะมืดค่ำซะก่อน ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กินกันรถนำขบวนซึ่งเป็นรถ suv รุ่นทูซอลแถมยังเป็นตัวขับสี่อีกก็เลยใช้ความเร็วมากขึ้นต่อด้วยโซนาต้าอีกสองคันแล้วค่อยมาเป็นรถที่ผมขับจะขับไงล่ะครับท่านถึงก็ต้องมีระยะห่างกันบ้างยิ่งเป็นทางลงเขาแล้วยังเป็นโค้งแล้วไม่โค้งธรรมดาเป็นโค้งต่อเนื่องที่ค่อนข้างลึกแถมด้วยโค้งหักศอก ไม่ไหวครับมีถอนคันเร่งบ้างช่วงนี้รถเลยได้แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์รวมกับเกียร์อัตโนมัติแบบห้าจังหวะที่มาพร้อมโหมด +,- ก็ไม่ได้ใช้กันละครับ ถนนก็ลื่นพอสมควรระบบเบรกดิสก์สี่ล้อนั้นไว้ใจได้แล้วผมก็ไม่เบรถแบบกะทันหันจน ABS ทำงาน แล้วเราก็ลงมาจากภูหินร่องกล้ากันมาถึงหล่มเก่าเกือบบ่ายสองเข้าไปแล้วแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ร้านขนมจีนบุญมี


หลังจากรับประทานขนมจีนกันแล้วเราก็ไปแวะเติมน้ำมันกันก่อนที่เราจะมุ่งหน้าสู่เขาค้อเส้นทางที่ขึ้นเขาค้อนั้นเป็นอีกเส้นทางที่ขับสนุกใช้ได้เลย การเรียกพละกำลังของเครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีในแบบของเขาแต่ถ้าไม่ทันใจแนะนำว่าเปลี่ยนเกียร์เองเล่นเกียร์เองก็สนุกไปอีกแบบเราใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงฐานยิงสนับสนุนอิทธิที่นี่จะมีทั้งเฮลิคอปเตอร์ รถหุ้มเกราะรวมไปถึงเครื่องลูกระเบิดที่ผ่านการใช้งานแล้วปลดระวางมาจัดตั้งแสดงให้เราได้ดูกันเป็นอนุสรณ์ซึ่งแต่ละอันนั้นก็จะมีการเล่าเรื่องราวความเป็นมา สนใจก็แวะไปดูได้จะมีพี่ๆทหารให้การต้อนรับแล้วอธิบายเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังกัน ออกจากฐานยิงสนับสนุนแล้วเราไปยังจุดหมายปลายทางในวันนี้นั่นคืออนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อเพื่อระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตการรบกับคอมมิวนิสต์ที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว เสร็จแล้วก็มุ่งหน้ากลับโรงแรมที่พัก


เช้าวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันเสาร์นั้นช่วงเช้าก็ยังคงรับหน้าที่เป็นสารถีต่อไปอีกจนถึงช่วงบ่ายๆหลังจากแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันผมจึงย้ายมานั่งในตำแหน่งผู้โดยสารบ้างครับ ไม่ใช่อะไรเพราะต้องเตรียมตัวจัดรายการทาง A.M.1269ในช่วงสี่โมงถึงห้าโมงเย็นนั้นเอง ทำให้ได้ซึมซับจับอาการของช่วงล่าง จัดว่าไม่กระด้างหรือแข็งจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้ถึงกับนิ่มเกินไปด้วย ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อมแขนยึดห้าจุดพร้อมล้อขนาด 215/70R16 ซึ่งแก้มยางขนาดใหญ่นั้นมีส่วนช่วยลดการสะเทือนได้เป็นอย่างดีและแล้วคณะของเราก็กลับมาถึงกรุงเทพเมืองฟ้าอมรอย่างปลอดภัย หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่ารถใหญ่อย่างนี้เวลาถอยนั้นจะมีปัญหารึเปล่าบอกเลยว่าไม่ครับเพราะเขามีกล้องถอยจอดติดตั้งมาให้ด้วย ห่วงอย่างเดียวคนที่มีรถหลายคันแล้วลืมไปว่าขับเจ้า H-1 อยู่เวลาเข้าตามตึกระวังหลังคาหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน


ยิ่งนั่งก็ยิ่งสบายครับแถมมีคนขับให้นั่งจัดรายการเสร็จก็นั่งดูหนังกันต่อสบายดีจริงๆ สงสัยอยู่ว่าทำไมผมไม่ยอมมาเป็นผู้โดยสารมัวแต่ไปขับอยู่ได้
########################################################
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ สารฑูล สักการเวช

Facebook Comments