ผ่านวันแห่งความรักมาไม่กี่วันชีพจรก็ลงเท้ากันอีกสำหรับชีวิตของผม ซึ่งไม่ค่อยจะได้อยู่กับที่เท่าไรไปโน่นมานี่อยู่บ่อยๆแต่ก็ยังดีครับสำหรับช่วงนี้เวลาจะเดินทางทีเดี๋ยวนี้มันแตกต่างจากเมื่อก่อนทั้งในเรื่องการเตรียมตัวต่างๆการจัดกระเป๋าเดินทาง อย่างล่าสุดที่ไปญี่ปุ่นก็จัดกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่องไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองเรียกได้จับยัดเลยเพราะการวางแผนผิดพลาดไปหน่อยไม่ดีครับไม่ดี เราควรจะเตรียมตัวก่อนการเดินทาง ยิ่งต่างประเทศแล้วผมว่าอย่างน้อยสองวันก่อนเดินทาง ส่วนในประเทศนี่ตามสะดวกของผมส่วนมากจะไปแล้วค่อยจัดครับ
มาคราวนี้ได้รับเชิญจากทางบริษัทไทยยานยนต์ให้ไปร่วมทดสอบรถยนต์โฟล์ค นิวซีรอคโค( The new Scirocco ) แบบไปสายบ่ายกลับพร้อมพูดคุยกับผู้บริหาร มีหรืองานนี้จะพลาด โทรศัพท์ไปยืนยันกับทางพีอาร์ที่น่ารักพี่ยุแห่งพีอาร์เน็ตเวิร์คว่าไปกันสองคนพ่วงคุณโอผู้จัดรายการร่วมซึ่งรับหน้าที่การถ่ายภาพด้วยในครั้งนี้ นัดหมายกันเก้าโมงเช้าที่โรงแรมวีโฮเต็ลตรงสะพานหัวช้าง เมื่อไปถึงก็รอเวลากันเล็กน้อยมีการแนะนำผู้บริหาร ฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติและข้อมูลทั่วไปของตัวรถ ได้เวลาก็ลงมารวมตัวถ่ายรูปกันด้านล่าง
รถมีทั้งหมดห้าคัน สองรุ่นย่อย โดยผมกับคุณโอได้เป็นตัวท็อปขึ้นรถปุ๊บก็จัดการเรื่องต่างๆ อันได้แก่การปรับตำแหน่งที่นั่งต่างๆกระจกมองข้าง มองหลัง คาดเข็มขัด รวมถึงดูปุ่มอุปกรณ์ควบคุมส่วนต่างๆภายในตัวรถ ระบบปรับอากาศแบบแยกฝั่ง ความรู้สึกเมื่อเข้าไปนั่งช่วงแรกนั้นเหมือนอึดอัดนิดหน่อย พอนั่งไปซักพักเริ่มคุ้นเคยก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ล้อหมุนออกจากโรงแรมกลับรถได้สะพานหัวช้างไปขึ้นด่วนยมราช การจราจรค่อนข้างติดขัดระหว่างวิ่งอยู่บนถนนเพชรบุรี เผลอกดคันเร่งแรงไปหน่อยก็มีอาการแฉลบนิดนึงอาจเป็นเพราะถนนลื่นหรือรถแรงก็ไม่ทราบ ฮ่าฮ่า แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาพอขึ้นทางด่วนความคับคั่งก็บรรเทาลง เรามุ่งหน้าวงแหวนฝั่งไหนก็ไม่รู้แอบมัวงงแต่ไม่หลงทิศแฮะ เพราะไปทางบางปะอินพ้นด่านพระรามเก้าเท่านั้นแหละครับท่านผู้อ่านเราก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น เครื่องยนต์ขนาด 1,984 ซีซี 200 แรงม้าก็แสดงพละกำลังออกมาแม้จะไม่ถึงขนาดหลังติดเบาะ แรงบิดเริ่มมาตั้งแต่ 1,700 รอบไปจนถึง 5,000 รอบ ได้280นิวตัน/เมตร
ช่วงล่างนั้นสามารถปรับได้สามแบบนั้นคือ โหมดปกติ สปอร์ต (Sport) และแบบนุ่มนวล (Comfort) ก็เลือกกันไปว่าชอบแบบไหน โดยมีปุ่มกดอยู่บริเวณคันเกียร์ ส่วนระบบส่งกำลังนั้นเป็นแบบ 6 จังหวะ Direct Shift การเปลี่ยนเกียร์นั้นสามารถเลือกได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือ จะเปลี่ยนเกียร์เองแบบโหมด + , – หรือเปลี่ยนจากบริเวณพวงมาลัยด้วย Paddle Shift ก็ไม่ว่ากัน
การขับขี่นั้นช่วงล่างทำหน้าที่ได้ซับแรงกระเทือนได้ดี แม้ว่าจะใช้ยางขนาด 235/45 R18ก็ตาม พวงมาลัยนั้นคมแม่นยำ แต่การควบคุมในช่วงความเร็วสูงนั้นลำบากนิดนึง ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึปล่าว ส่วนเสียงเครื่องนั้นถ้าอยากเร้าใจต้องเปิดกระจกขับกันถึงจะได้เสียงเครื่องแบบรุ่น GTI เพราะรุ่นนี้ไม่ได้ต่อเสียงท่อเข้ามาในห้องโดยสาร เสียดายว่าหลังคาซันรูฟนั้นเปิดออกไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อระบายอากาศ รถคันนี้ให้ความคล่องตัวสูงมีหลายครั้งที่ขับแบบมุดไปมุดมาก็ทำได้อย่างสบาย
ทัศนวิสัยนั้นด้านหน้ามองได้อย่างชัดเจน ส่วนกระจกมองหลังนั้นมุมมองไม่ค่อยจะดีเท่าไร ความเร็วสูงสุดที่เคลมไว้นั้นทำได้อยู่ที่ 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบเบรกนั้นมั่นใจได้เอาม้าทั้งฝูงอยู่ แม้ว่าจะกดคันเร่งกันแบบไม่ยั้งและเบรกกันอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ขับไปขับมาไม่เท่าไรก็มาถึงจุดหมายที่จะต้องเปลี่ยนตัวผู้ขับขี่นั้นคือศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศศป.)สรุปว่าผมใช้เวลาขับเพียงแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมงในการขับ หลังจากนั้นก็มาเป็นหน้าที่ของคุณโอในการรับไม้ต่อไป เลยมีเวลามาสำรวจส่วนต่างๆภายในรถ มาชมรูปกันเลยดีกว่าครับ
อีกสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเมื่อไรหรือระยะเท่าไร
ระบบช่วยจอดในตัวท็อปเท่านั้น
เบาะหลังแบบพับได้
เอาเป็นว่าคงเล่าคร่าวๆได้พอสนุกเนี้ยละครับ ที่เหลือนั้นคงต้องไปลองเอา แต่สำหรับผมต้องบอกว่าผิดคาดไปหน่อยสำหรับรถคันนี้ กลายเป็นว่าทั้งผมและคุณโอกลับไปชอบลูกพี่ลูกน้องของซีรอคโค นั้นคือเจ้ากอล์ฟ GTi มากกว่า ซึ่งให้อารมณ์ดิบกว่าในการขับขี่ ส่วนคันนี้ออกจะเป็นแนวผู้ดี๊ผู้ดีหรือจะเรียกว่าเจ้าสุภาพบุรุษเพลย์บอยก็ไม่ว่ากัน ความจริงตัวรถนี่มีอะไรที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เสียดายเพียงแต่ได้อยู่กับรถน้อยไปหน่อยแต่ถ้ามีเวลามากกว่านี้หรือได้รับโอกาสรับรถมาทดสอบแบบคนเดียวคงมีอะไรมาเล่าให้ได้อ่านกันอีกยาวๆ ส่วนใครมีอะไรสงสัยนะครับเชิญถามด้านล่างได้เลยหรือจะตั้งเอาไว้ที่เว็บบอร์ดก็ได้ครับ
******************************************
เรื่อง เปรมศักดิ์ เพียรพานิชย์
premsak@caronline.net
ภาพ สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…