Test drive HONDA FREED By:Thunyaluk Seniwongs
รถนอกหรือพี่ ไม่เคยเห็น? จะได้ยินคำถามนี้หลายครั้งที่ขับรถคันนี้ออกต่างจังหวัด อาจจะเป็เพราะลักษณะท้ายตัดของรถ หากมีคนถามก็แสดงว่ารถเป็นที่น่าสนใจ ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ ก็เหมือนผู้หญิงหรือผู้ชายนั่นแหละ สวยหรือไม่สวยถ้ามีคนมองแสดงว่าคุณมีจุดเด่น ใช่มั้ยคะ
ได้รับรถคันนี้มาก่อนวันคริสต์มาส สองสามวัน และในช่วงนั้นใกล้เทศกาลปีใหม่ ก็มีรายการ”มองมุมใหม่” ของทางทีวีไทยมาถ่ายทำการเตรียมรถก่อนเดินทาง โดย มีคุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องนี้ รถคันนี้ก็เลยได้เข้าฉากกับเขาเลยทีเดียว ออกอากาศไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2552 เวลา 21.00 น.
ได้นั่งรถคันนี้ครั้งแรกก็ก่อนเปิดตัวรถ ตอนนั้นคุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยาขับ ช่วงนั้นมีการคาดสติ๊กเกอร์ ปิดโลโก้ของรถ ทั้งข้างหน้า และข้างหลัง ได้เอามาทายปัญหาบน webboard ค่ะ ว่ารถอะไรเอ่ย มีผู้ตอบถูกแต่ยังไม่ยอมส่งชื่อที่อยู่ไปให้ ก็ยังเก็บของรางวัลให้อยู่ค่ะ
ครั้งนี้ก็เลยเป็นครั้งที่สองที่ได้สัมผัสรถคันนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้ขับ ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบนุ่งกระโปรง และไม่นิยมนุ่งกระโปรงยาว เพราะเป็นคนไม่สูง ก็เลยจะบอกผู้หญิงที่ชอบนุ่งกระโปรงสั้นว่า ผู้หญิงที่นุ่งกระโปรงสั้นก็ก้าวขึ้นรถและลงจากรถสะดวกค่ะ ไม่โป๊ ไม่ต้องเอามือปิด ปิดอะไรคงไม่ต้องอธิบายนะคะ เพราะว่าเขาทำให้พื้นรถเตี้ยๆสูงจากพื้นไม่มาก คนสูงอายุก็ก้าวขึ้นรถสะดวก เพราะไม่ต้องยกขาสูง เพราะผู้สูงอายุโดยปกติขาแข้งจะแข็งก้าวขึ้นลงที่สูงจะไม่ค่อยสะดวก พูดถึงทั่วๆไปนะคะ ฉันกับคุณธเนศร์ไม่เกี่ยวค่ะในเรื่องผู้สูงอายุ
เมื่อก้าวขึ้นไปนั่งครั้งแรก นั่งแล้วรู้สึกตัวตรงและสูงดี ทั้งๆฉันก็มีรถฟอร์ดเอสเคปอยู่คันหนึ่ง แต่การนั่งขับต่างกันเลย เพราะที่นั่งฟอร์ดปรับยังไงก็นั่งตัวไม่ตรงเหมือน Honda Freed ด้านหน้าของรถคันนี้สั้น ท่านที่ไม่คุ้นกับรถหน้าสั้นตอนขึ้นไปขับใหม่ๆจะรู้สึกแปลกๆเพราะมองไม่เห็นหน้ารถ จะรู้สึกตัวเองโดดเด่นมาก แต่สักพักก็จะคุ้น ด้านคนขับมีพนักเท้าแขนด้วย ช่วยให้พักแขนได้และผ่อนคลายเวลาขับรถไกลๆ
หลายๆท่านก็ตั้งแง่ไว้ก่อนว่าเครื่องยนต์แบบเดียวกับ Jazz จะวิ่งไหวหรือเพราะตัวรถใหญ่กว่า Jazz ถ้าคิดแบบนี้ก่อนแล้ว ท่านจะเกิดการจับผิดรถขึ้น เมื่อท่านอยากลองรถคันนี้ ตัวฉันขับรถคันนี้โดยไม่ได้คิดจะเปรียบเทียบกับรถคันอื่น ไม่ใช่ว่าเก่งหรือจะทำตัวเป็นกลางนะคะ แค่ต้องการความรู้สึกที่มีต่อรถคันนี้แค่นั้นเอง ลักษณะตัวรถแบบนี้ อยากจะขับเร็วไปถึงไหน 160 ก็น่าจะพอแล้วนะ เครื่องยนต์ i-vtec 1.5 ลิตร แรงบิดสูงสุด 14.9 กก-ม (146 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,800 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 118 แรงม้า (87 กิโลวัตต์ )ที่ 6,600 รอบต่อนาที การขับเคลื่อน การออกตัวก็ดีทีเดียว ไม่ได้อืดเลย ความเร็ว 120 ถึง140 ขับไปได้สบายๆ เกียร์แบบอัตโนมัติ 5 สปีด ระบบเบรกก็ดีแบบรถรุ่นใหม่ คือหยุดได้ทันใจดี ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรก เบรกหลังเป็น ดรัมเบรก เบรกมือแบบบังคับที่เท้า อันนี้ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ มีที่ว่างระหว่างคนขับและคนนั่งข้าง เมื่อต้องเร่งแซงก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อนนะคะ อย่าแซงในที่คับขัน แค่นั้นก็ไม่มีปัญหา แล้ว ขนาดล้อรถ 15 นิ้ว คันที่ขับเป็นตัวท็อปรุ่น E Navi Sport มีเนวิเกเตอร์แต่เราก็แค่เปิดไว้ ไม่ได้ใช้ในการนำทาง เพราะไปในเส้นทางที่คุ้นเคย
เราขับรถคันนี้โดยออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางไปพัทยา เดี๋ยวนี้การเดินทางไปพัทยาสะดวกสบายมากไม่ว่าจะไปทางด้านถนนลอยฟ้า บางนา-ชลบุรี หรือ ทางมอเตอร์เวย์ รถไม่มากเท่ากับการเดินทางจากกรุงเทพฯไปทางปากช่อง
ช่วงล่างของ FREED นิ่มนวลพอสมควร ความคล่องตัวในการขับดีทีเดียว ทัศนวิสัย มองได้ชัดเจนดีในทุกมุมมองถ้าปรับกระจกให้ดี กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวในตัว เก๋ไก๋ดีทีเดียว ด้านหลังมีที่ปัดน้ำฝนด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ใช้เพราะฝนไม่ตก
การเกาะถนนของรถตอนเข้าโค้งมั่นคงดีทีเดียว เกาะตามโค้งไปเลย ถึงพัทยาก็แวะซื้อของที่ฟู้ดแลนด์ตามปกติ สัมภาระคราวนี้ไม่มากมายอะไรนัก แต่ก็ได้พับที่นั่งแถวที่ 3 ขึ้น แล้วแขวนไว้ด้านข้างทั้งสองข้างเลยมีเนื้อที่มากมาย เปิดท้ายขายของได้เลย เพราะกว้างทีเดียว และถ้ามีขวดน้ำหรือวัสดุที่กลิ้งไปมาได้ก็ควรจะเก็บไว้ในถุงหรือในกล่องให้เรียบร้อย เพราะหากทิ้งไว้ที่พื้นมีโอกาสที่จะไหลมาด้านคนขับได้เมื่อเบรกแรงๆ หากไปติดที่ใต้เบรกคนขับจะทำอย่างไร
ในช่วงเย็นได้ขับรถไปรับประทานอาหารกันที่ร้านประภาคารซึ่งอยู่ตรงเชิงเขาพระตำหนัก อยู่ใกล้ๆด้านแหลมบาลีไฮ นั่งกันไปทั้งหมดหกคน ผู้ใหญ่ห้าคน เด็กหนึ่งคน ก็เลยได้นั่งกันเต็มทุกที่นั่ง เท่าทีมองดูก็ไม่ได้คับแคบอะไร เพราะมีที่ว่างช่วงแถวกลาง แถวหลังสุดคือแถวที่สามจะมีหลานชายอายุสี่ขวบนั่งอยู่กับพี่เลี้ยง ถามหลานชายว่า” นั่งสบายมั้ย หลานชายตอบว่า สบายครับ ถามว่าชอบมั้ย ก็ตอบว่าชอบครับ “
ปกติหลานชายจะมีเก้าอี้ส่วนตัวของเขา แต่คราวนี้ไม่ได้ถอดจากรถของเขามา
ขากลับจากร้านอาหารก็ได้ขับกลับโดยขึ้นทางเขาพระตำหนัก เพื่อเดินทางกลับหาดจอมเทียน เขาพระตำหนักก็สูงพอสมควร รถก็มีกำลังไต่ขึ้นเขาอย่างสบาย โดยกดคันเร่งอย่างที่เคยใช้ตามปกติ ไม่ต้องออกแรงแต่อย่างไร
จะลงจากรถก็เปิดให้ผู้โดยสารด้านหลังโดยกดที่ปุ่มด้านขวาใกล้ๆกับพวงมาลัย หรือกดจากกุญแจรีโมทก็ได้ เปิดที่ละด้านก็สะดวกหรือจะเปิดพร้อมกันทั้งสองบานก็ได้ ประตูเป็นแบบสไลด์อัตโนมัติ เปิดกว้างสุด 600 มม. เวลาไปจอดรถในช่องจอดก็ไม่ต้องห่วงเวลาจะเปิดเพื่อเข้าออกรถว่าจะไปกระแทกคันข้างๆหรือไม่ แต่ก็ยังต้องห่วงว่าคันข้างๆจะเปิดประตูกระแทกเราหรือไม่ ก็อย่าไปจอดในที่แคบเกินไป ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เวลาจะขึ้นลงรถก็สามารถที่ต่างคนต่างขึ้นได้เลย โดยไม่ต้องเข้าแถว
สาวๆที่สัมภาระเยอะ มีที่กว้างขวงแลยล่ะ ที่แขวนเสื้อผ้าก็แขวนไว้แถวหลังสุดที่แขวนเก้าอี้นั่นหละคะ หรือพับเก้าอี้แล้วก็ยังไปเกี่ยวที่ข้างๆได้อีกนะคะ แต่อาจจะหล่นนะคะ ต้องเกี่ยวให้ดีค่ะ
มีรถคันเดียวมีเงินพอประมาณเพราะ ราคาเขาเริ่มต้นที่ 894,500 บาท ถึง 1,074,500 บาท คันนี้ก็น่าสนใจ ใช้งานได้เอนกประสงค์จริงๆเลย แถมยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย การกินน้ำมันอยู่ที่ 9.1 ลิตรที่ 100 กม.หรือ 11 กม./ลิตร โดยวัดจากค่าเฉลี่ยจากมาตรวัดในตัวรถ ความเร็วที่ใช้จะอยู่ที่ 100,120 , 140 , 150 และ160 กม./ ชม. ในบางครั้งค่ะ น้ำมันที่เติมคือ แก๊สโซฮอล E 20
ข้อมูลการทดสอบที่เป็นตัวเลข คุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา จะนำมาเพิ่มเติมให้ท่านทราบค่ะ เหมือนใน บทความ เรื่อง Mazda 2 อีกครั้ง ในช่องแสดงความคิดเห็น คอยติดตามอ่านนะคะ