เมื่อเร็วนี้ได้มีโอกาสไปขับรถ Honda HRVซึ่งเป็นรถที่พัฒนามาจากบนพื้นฐานของรถสปอร์ตอเนกประสงค์ SUV แต่ที่เพิ่มเข้าไปอีกก็คือความสปอร์ตปราดเปรียวแบบสปอร์ตคูเป้ ก็แบบรถเก๋ง 2 ประตู และเพิ่มการใช้งานแบบอเนกประสงค์ในสไตล์แบบรถมินิแวนเข้าไปอีก เพื่อจะให้เป็นรถครอสโอเวอร์แบบระดับพรีเมี่ยม
Honda HRV เปิดตัวที่ญี่ปุ่นในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2013 ด้วยชื่อ Vezelและเปิดขายในปลายปีนั้นเลยที่ญี่ปุ่น
ส่วนที่เมืองไทยเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014ที่ผ่านมานั่นเอง และเมื่อกลางๆที่ผ่านมา ก็ถึงคิวจัดทริปให้ทดลองขับรถคันนี้ค่ะ
Honda HRV ทริปนี้ทางฮอนด้าจัดขึ้นเป็นทริปสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ไปด้วยกัน 10 คน เป็นทริปที่สนุกสนานขับกันอย่างสบายๆ เป็นครั้งแรกที่ได้ไปขับรถทดสอบโดยไปเฉพาะผู้หญิงล้วนๆ เป็นทริปที่ขับไปเที่ยวไป ถ่ายรูปไปด้วย เพราะจริงๆแล้วผู้หญิงเดี๋ยวนี้ขับรถกันเยอะมาก และที่สำคัญคือมีกำลังซื้อค่ะ
เส้นทางที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้ก็คือจากคีรีมายา กอล์ฟแอนด์สปาเขาใหญ่ ไปยังฟลอร่าพาร์ค ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะขับไปทางเขาแผงม้าและวังน้ำเขียว ถนนค่อนข้างคดเคี้ยวขึ้นเขาลงเขา
ระยะทางไปกลับประมาณ 230 กิโลเมตร ถนนแบบ 2 เลน ช่วงนั้นอากาศเย็นสบายค่อนข้างหนาว
ก่อนจะขับรถก็ได้มีการแนะนำให้รู้จักกับรถที่เราจะต้องไปขับกันซะก่อน จะได้ขับสนุกยิ่งขึ้น
ฮอนด้าเฮชอาร์วี มีทั้งหมด 3 รุ่น EL ตัวท็อปสุด รองลงมาก็คือE และ S
และไปขับในครั้งนี้จะเป็น รุ่น EL ค่ะที่เป็นตัวท็อป รายละเอียดที่พูดจะพูดถึงจะเป็น Honda HRV รุ่น EL ส่วนรุ่นที่รองลงมาจะมีแตกต่างกันบ้างในส่วนของอุปกรณ์เพิ่มเติมและราคา
ก่อนจะขึ้นขับจริงทางวิศวกรของฮอนด้าก็ได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake )เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของ HRV ทุกรุ่น ใช้ง่าย เพียงดึงสวิทช์ที่คอนโซลกลางขึ้นเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และระบบจะคลายเบรกอัตโนมัติ เมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่คนขับคาดเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น
อีกระบบก็คือ Automatic Brake Hold เป็นระบบที่ช่วยป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ เมื่อกดปุ่มให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกโดยอัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติ เมื่อเหยียบคันเร่ง ซึ่งระบบนี้จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยหากต้องเหยียบเบรกเป็นเวลานานในช่วงรถติด และช่วยให้รถไม่ไหลเมื่อขึ้นที่ลาดชัน เหมาะมากกับผู้หญิง และผู้ที่ยังมือใหม่ และผู้ขี้เกียจเหยียบเบรก
การออกแบบรูปลักษณ์ ภายนอก โฉบเฉี่ยวจากเส้นโค้งจากหน้ารถไปท้ายรถ เป็นรถที่ไม่เตี้ยและสูงจนเกินไป ถ้าเปรียบเทียบกับผู้หญิงก็ต้องบอกว่ารูปร่างขนาดกะทัดรัด เส้นสายโค้งเว้าดูดีเลยล่ะไฟหน้าส่องสว่างสำหรับขับขี่ในตอนกลางวันแบบ Led
ก้าวขึ้นลงสะดวก ไม่ต่ำและสูงจนเกินไป ผู้หญิงนุ่งกระโปรงสั้นก้าวขึ้นลงรถไม่ต้องระวังมาก ค่อนข้างปลอดภัยค่ะ
และจากการที่ต้องการให้รู้สึกขับรถในสไตล์สปอร์ตคูเป้(รถแบบ 2 ประตู) ที่เปิดประตูด้านหลังจึงได้รับการออกแบบกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับกระจกรถยนต์ เพราะอยู่เฉียงๆไปด้านหลัง ตอนแรกเดินไปที่รถต้องมองสำรวจดูว่าที่เปิดอยู่ตรงไหน
หลังคาซันรูฟแบบพาโนราม่า เปิดได้กว้างมากใช้ระบบเปิดปิดแบบ One-Touch เพียงแค่สัมผัสก็เปิดแล้ว
หน้าหนาวเปิดรับลมหนาวได้เลย
ล้อขนาด 17 นิ้ว ยาง 215 x55 R 17 ล้อลายแปลกตาดี เหมือนดอกไม้( เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ)
เครื่องยนต์ของ Honda HRV ขนาด 1,800 ซีซี SOHC I VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด โดยมี Paddle Shift ที่มาพร้อม 2 โหมดการทำงาน
แบบ D และ SแบบS จะให้การขับขี่แบบสปอร์ต คือสนุกกว่าแบบ D
มาถึงภายในของรถคันนี้ หน้าปัดแบบเรืองแสงปรับเปลี่ยนได้ 7 สี เวลาขับรถมองหน้าปัดจะมองคล้ายๆภาพ 3 มิติ มองได้ลึกลงไป
มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่
สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ สวิทช์รับและวางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย ปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนพวงมาลัย
ไฟอ่านหนังสือหน้า-หลังแบบ LED
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส แผงแอร์ด้านผู้โดยสารเป็นแผงแบบยาวแปลกตาดีสามารถปิดได้ที่ละช่องหรือปิดหมดเมื่อรู้สึกว่าหนาว
รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone ช่องเชื่อมต่อ USB ช่องเชื่อมต่อ HDMI จำนวน 6 ลำโพง
ระบบเครื่องวิทยุ ซีดี MP 3 แบบ 1 แผ่น พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
คอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น
หลังจากรับฟังข้อมูลแล้วก็ถึงเวลาต้องขับรถคันนี้แล้ว โดยขับกันคันละสองคน ดิฉันเป็นคนขับในช่วงขาไป
เมื่อก้าวขึ้นสู่ห้องโดยสารก็รู้สึกถึงความกว้างขวางของห้องโดยสาร แม้จะมีคอนโซลกั้นอยู่ระหว่างคนขับกับคนนั่งข้าง เมื่อขึ้นนั่งก็ปรับที่นั่งด้านคนขับที่ปรับด้วยมือ สูงต่ำได้ ก็รู้สึกว่าปรับง่าย ที่นั่งกระชับนั่งสบาย เป็นหนังแท้และวัสดุหนังสังเคาะห์ รถไม่เตี้ยหรือสูงจนเกินไปถ้าเปรียบเทียบกับรถ SUV คันใหญ่ และรถเก๋งทั่วไป ความสูงของรถและขนาดจะอยู่กึ่งกลางกำลังพอดี
ภายในรถเป็นสีดำค่ะ วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบโครเมี่ยมและ Piano Black
ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีค่ะ มองไปที่กระจกหลังเห็นได้ชัดเจน เพราะพนักที่พิงศีรษะของเบาะหลังสามารถปรับขึ้นลงได้ กระจกข้างปรับไฟฟ้า สตาร์ทรถแบบปุ่มสตาร์ทต้องเหยียบเบรกก่อนถึงจะสตาร์ทติด
พวงมาลัยให้ความกระชับมือ ให้ความหนักแน่นไม่เบาจนเกินไป ออกจากโรงแรมคีรีมายาก็เลี้ยวขวาไปทางถนนที่มุ่งหน้าสู่วังน้ำเขียวเพื่อไปยังฟลอร่าพาร์ค ถนนเป็นแบบ 2 เลนขึ้นเขาลงเขาค่อนข้างคดเคี้ยว ก็ได้เห็นถึงการยึดเกาะถนนที่ดีเวลาเข้าทางโค้ง ช่วงล่างไม่ได้นิ่มนวลเหมือนจะแข็งๆแต่ก็ไม่กระด้างให้ความรู้สึกหนึบหนับดี เป็นคนที่ชอบช่วงล่างของรถลักษณะแบบนี้อยู่แล้ว
อัตราเร่งแซงก็ต้องใช้บ่อยเพราะเป็นถนนแบบสองเลนบางช่วงรถก็เยอะ ก็ต้องเหยียบลงไปเพื่อแซงแต่ก็ไม่เหนื่อยเพราะไม่ต้องลุ้นการทำงานของเกียร์ CVT เป็นไปอย่างต่อเนื่องตอบสนองทันที่ที่เหยียบคันเร่ง เสียงเครื่องยนต์เวลาเร่งแซงจะได้ยินเสียงค่อนข้างชัดเจนเข้ามาในห้องโดยสาร แต่ก็มันดีนะ
แต่ถ้าวิ่งตามปกติในห้องโดยสารเก็บเสียงได้ค่อนข้างดี
ที่นั่งด้านหลังก็กว้าง มีจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็กด้วยค่ะ
ขับตามกันเป็นขบวนก็สนุกดี ได้มองท้ายรถคันข้างหน้า ซึ่งใต้ท้องรถมีแผ่นปิดเรียบร้อยเพื่อดูดซับเสียง
มีอยู่ช่วงหนึ่งมีสุนัขวิ่งตัดรถคันหน้า ซึ่งคันข้างหน้าก็ได้เหยียบเบรกค่อนข้างหนัก ก็จะเห็นไฟฉุกเฉินกระพริบเตือนที่ท้ายรถ เพื่อให้คนข้างหลังระวังด้วย เบรกดีค่ะ
มองหน้าปัดเห็นหน้าจอเปลี่ยนสีไปมาเพราะปรับได้ 7 สี ซึ่งสีก็สลับกันไปมา ก็เพลินดีนะ แต่อย่ามองแต่หน้าจออย่างเดียวนะ
ที่เก็บสัมภาระหลังค่อนข้างใหญ่ จุ565 ลิตร เก็บถุงกอล์ฟขนาดปกติได้ 3 ใบ เบาะด้านหลังปรับได้ 3 แบบคือพับเบาะด้านหลังทั้ง2 ด้านเพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้น พับเบาะด้านหลังให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของทรงสูง พับเบาะด้านหลังและด้านหน้าด้านคนนั่ง เพื่อขยายวางของในแนวยาวได้ พวกชอบขนของซื้อของเยอะๆน่าจะชอบนะ
ส่วนระบบความปลอดภัยในรถก็ไม่ได้น้อยหน้า มีระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบAuto Brake Hold ที่ได้พูดไปเมื่อ
ถุงลมด้านคนขับ ถุงลมด้านผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง (เฉพาะรุ่น EL )
ระบบป้องกันล้อล็อค ระบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยคุบคุมการบังคับเลี้ยวที่พวงมาลัย ระบบช่วยการออกตัวเมื่ออยู่ที่ลาดชัน กุญแจImmobilizer พร้อมระบบกันขโมย
และเวลาถอยหลังก็มีกล้องมองหลังเวลาถอยด้วยนะคะ สำหรับตัวเองแล้วทั้งที่รถที่ใช้ก็มีกล้องมองหลังนะคะ
แต่ก็ยังต้องมองกระจกหลังและหันไปมองด้านหลังเวลาถอยเหมือนเช่นเดิม ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆเป็นแบบนี้หรือเปล่า
วันรุ่งขึ้นเดินทางกลับกรุงเทพ ซึ่งจะเป็นทางตรงค่อนข้างเยอะ วิ่งด้วยความเร็วค่อนข้างสูง กินน้ำมันอยู่ที่ 13.5 กิโลเมตร/ลิตร
ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็แวะไปชม JIM THOMSON FARM ซึ่งอยู่ที่ เชิงเขาพญาปราบ ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนเนื้อที่ 600 ไร่ ให้เข้าชมปีละ 1 เดือน ปี2557 เริ่มเปิดระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม – 10 มกราคม 2558 โดยการเที่ยวรอบฟาร์มสามารถขึ้นรถนำทัวร์ โดยมีไกด์ประจำรถ โดยมีจุดรับส่งทั่วฟาร์ม ไปที่นี่ติดใจข้าวเม่า ชอบมากค่ะ
เสร็จจากเยี่ยมชมฟาร์มก็เดินทางกลับกรุงเทพฯด้วย Honda HRV นี่ละคะ ขับกันยาวเลย การกินน้ำมันประหยัดกว่าวิ่งบนเขาเยอะทั้งที่วิ่งด้วยความเร็วๆกว่ามาก
ช่วงบนเขาการกินน้ำมันอยู่ที่ 12.1 กิโลเมตรต่อลิตร ในช่วงเส้นทางที่ขึ้นเขาลงเขาและต้องเร่งแซงบ่อยครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 80-120 กม./ชม. โดยการเติมน้ำมัน E 20 แต่จากฟาร์มที่ปักธงชัยเข้ากรุงเทพฯ ใช้ความเร็วมากกว่าเพราะมีทางตรงเยอะกลับกินน้ำมันน้อยกว่ากินน้ำมันอยู่ที่ 13.5 กิโลเมตร/ลิตร ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวเลขที่ทางฮอนด้าบอกไว้คือ 15 กิโลเมตร/ลิตร
รถคันนี้สามารถเติมน้ำมัน E 85 ได้ด้วย
ถังน้ำมันจุ 50 ลิตร
ฮอนด้า เอชอาร์วี มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น S ราคา 890,000 บาท รุ่น E ราคา 975,000 บาท
และรุ่น EL ราคา 1,045,000 บาท และได้ทราบข่าวมาว่าตัวท็อปกลับเป็นตัวที่ขายดีกว่าตัวอื่น
ก็เป็นรถ Crossover อีกรุ่นหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของนะคะ
หากสนใจอย่ารอช้าไปขอทดลองขับได้เลยที่โชว์รูมที่มีรถให้ทดลองขับค่ะ
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…