Categories: รถใหม่

Review :Test Drive : NISSAN PULSAR 1.8 :นิสสัน พัลซาร์ 1.8


ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้ขับรถที่ยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ครั้งนี้มีโอกาสได้รับเทียบเชิญให้ไปลองขับรถรุ่นใหม่ของทางนิสสันนั้นคือ นิสสันพัลซาร์ เราไปขับกันด้วยระยะทางกว่า 360 กิโลเมตรในการเดินทางในครั้งนี้
นิสสัน พัลซาร์ นั้นได้นำออกมาให้เรายลโฉมกันครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โปร์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยจอดไว้อยู่บนเวทีไม่สามารถเดินเข้าไปชมภายในได้ ให้มองเพียงแต่รูปโฉมภายนอกเท่านั้นถือเป็นการสร้างกระแสและวัดเสียงของผู้บริโภคว่ามีความคิดเห็นยังไงก่อนที่จะเปิดตัว


ก่อนการทดลองตามธรรมเนียมครับเข้าฟังบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์และเส้นทางที่จะใช้กันในครั้งนี้ว่า ตัวรถนั้นมีอะไรบ้างและจะวิ่งไปเส้นทางไหน สำหรับวันนี้เมื่อฟังข้อมูลต่างๆเรียบร้อยแล้วเราเดินลงไปยังรถที่ทางทีมงานเตรียมเอาไว้ให้ซึ่งทริปนี้มีรถทั้งหมด 7 คัน คือรุ่น 1.8 V ตัวท็อปทั้งหมด มิติตัวรถนั้นมีขนาดยาว 4,295 มม. ความกว้าง 1,760 มม.ความสูง 1,520 มม.แถมล้อขนาด 17นิ้วมาให้ด้วย


ผมได้รถหมายเลข 4 คันสีแดงพร้อมกับผู้ร่วมเดินทางอีกหนึ่งท่านนั้นคือคุณศรัณรัฐ เปรมศรี จากรายการ speedx หรือพี่เฟียตของน้องๆนักข่าว เมื่อเดินมาถึงที่รถก็เดินสำรวจยลโฉมกันซะหน่อย การออกแบบนั้นดูแล้วสวยใช้ได้ การออกแบบภายนอกที่ดูสปอร์ตปราดเปรียว โดยเฉพาะเส้นด้านข้างตัวรถ หรือ Waist Line ที่แรงบันดาลใจมาจากรถสปอร์ตหรูอย่างนิสสัน 370Z


ก้าวเท้าเข้ามาในรถซึ่งภายในนั้นตกแต่งไว้ด้วยโทนสีดำไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซล เบาะนั่ง เรียกว่าเกือบทั้งหมด จะมีบางส่วนบริเวณคันเกียร์ เครื่องเสียง และช่องแอร์ ที่จะใช้เป็นสีเงินตัดกันอยู่เพื่อไม่ให้มันดูมืดเกินไป


ผมรับหน้าที่ไม้แรกนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ปรับเบาะให้เข้าที่เข้าทางตรวจเช็คตำแหน่งต่างๆให้เรียบร้อยคาดเข็มขัดพร้อมกับเปิดไฟหน้าตามเสียงที่ได้ยินมาจากวิทยุสื่อสารที่อยู่ในรถ แล้วเราก็ออกเดินทาง จุดหมายแรกของเรานั้นอยู่ปั้มเชลล์ตรงข้ามสนามพีระ การจราจรช่วงที่ออกมาก่อนจะเข้ามอเตอร์เวย์นั้นรถแน่นติดขัดอยู่เล็กน้อย แต่ก็สามารถแทรกตัวและเข้าสู่มอเตอร์เวย์ได้แบบไม่ลำบากเมื่อเข้าสู่มอเตอร์เวย์แล้วเราก็ขับตามกันเป็นขบวนโดยมีรถทีมงานขับนำอยู่


นิสสัน พัลซาร์นั้นใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรระบบหัวฉีดคู่ พร้อมระบบ Twin C-VTC ในรหัส MRA8DEให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์แปรผันแบบ XTRONIC CVT เท่าที่ได้ลองขับในช่วงแรกและปรับตัวให้เข้ากับรถแล้วความแรงของเครื่อง 1.8 ที่ให้มาก็ถือว่าเพียงพอให้ความต่อเนื่องในการขับขับขี่ส่วนหนึ่งมาจากการใช้เกียร์แบบ CVT ที่ไม่มีจังหวะเปลี่ยนเกียร์หรือพูดง่ายๆว่ามีเพียงแค่เกียร์เดียวเท่านั้น อัตราการเร่งและการเร่งถือว่าทำได้แต่บางทีอาจจะมีเผื่อระยะเอาไว้หน่อยความเร็วปลายเท่าที่ทำได้คือ 180 กม./ชม.เพราะหลังจากเหยียบแช่ไว้ความเร็วก็ขึ้นช้ามากเลยลองไว้แค่นี้ก่อนพอพวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่นพร้อมระบบ Cruise Control ความคุมความเร็ว


ไม่นานก็ถึงช่วงพักก่อนที่จะเปลี่ยนคนขับ ผมย้ายมานั่งข้างคนขับบ้างช่วงนี้ถือเป็นช่วงสำรวจอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถนั้นมีอะไรบ้าง เครื่องเสียงนั้นเป็นจอมอนิเตอร์แบบทัชสกีนมาพร้อมกับระบบนำทาง มีกล้องมองหลังเวลาถอยจอด ระบบบูลทูธเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้ ระบบปรับอากาศแบบแยกฝั่งปรับอุณหภูมิซ้ายขวาแถมมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเรียกว่าจัดมาให้แบบเต็มกันไปเลยเกือบลืมไปอีกอย่างมีหลังคา ซันรูฟ อีกด้วย


การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารนั้นทำได้ดีมากเสียงลมปะทะเริ่มเข้ามาในช่วง 140 ขึ้นไปเรียกงานนี้ทำการบ้านมาดีในจุดนี้ ทัศนวิสัยในการขับขี่นั้นแทบไม่มีจุดบอดมองชัดเจนดี
จนมาถึงช่วงสุดท้ายของการขับขี่ในวันนี้ถือว่าเป็นช่วงที่สนุกที่สุดก็ว่าได้ผมก็รับไม้ต่ออีกครั้งเป็นการขับช่วงคุ้งวิมานที่ประกอบไปด้วยถนนที่เป็นเส้นตรงสลับกับทางคดเคี้ยว เส้นทางช่วงนี้ เป็นการขับรถเลียบขนานไปตามแนวชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ซึ่งวิวสองข้างทางสวยงามมาก ช่วงล่างของนิสสัน พัลซาร์นั้นเซ็ตมาแบบนิ่มนวลทำให้ในช่วงทางตรงนั้นไม่มีปัญหาในการขับขี่ นั่งกันแบบสบายๆเรื่อยๆแต่หากอยากนึกสนุกในช่วงการเข้าโค้งมีการเล่นโค้งบ้างนั้นคงต้องขอเตือนไว้ก่อนไม่น่าจะเหมาะเท่าไรเพราะเท่าที่ลองดูตัวรถมีอาการโยนตัวในการสาดเข้าโค้งแบบแรงๆทำให้ต้องมีการผ่อนคันเร่งเผื่อเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย


ระบบเบรกหนึบมั่นใจได้แม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูงมาพร้อมทั้ง ABS EBD BA แถมถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ไฟหน้าแบบไบซีนอนโปรเจ็คเตอร์
การมาของนิสสันพัลซาร์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกลับคืนมาอีกครั้งของรถคอมแพคแบบแฮทช์แบคว่าจะทวงกลับมาได้รึเปล่า แต่ดูจากตัวรถแล้วถ้าจุดขายเน้นความเป็นรถแฮทช์แบ็คหรู ที่ชาญฉลาด และสะดวกสบาย หรือ Smart Stress-free Premium Hatchback นั้นผมจะบอกผ่านแต่หากจะให้มีความเป็นสปอร์ตด้วยนั้นยังต้องมีอะไรเพิ่มเข้าไปอีกหน่อยก็คอยดูกันต่อไปแล้วกันครับว่าจะเป็นยังไงส่วนเรื่องราคากับข้อมูลด้านเทคนิคและอื่นๆนั้นต้องรอกันวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 มีนาคมนี้ ส่วนราคาค่าตัวนั้นแว่วมาว่าไม่น่าจะเกิน 1ล้าน

#######################################
premsak@caronline.net

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts