Categories: รถใหม่

Review :Test drive ทดสอบ ทดลองขับ : NEW NISSAN MARCH CARAVAN IN PHNOM BOKOR


นับเป็นเวลา 3 ปีแล้วที่บ้านเรามีรถยนต์ขนาดเล็กที่เรียกว่า อีโคคาร์ และรถรุ่นแรกที่เราได้เห็นนั้นก็คือเจ้านิสสัน มาร์ช อีโคคาร์คันแรกจึงได้ถือกำเนิดมา จนมาวันนี้ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแต่งตัวซะใหม่และเพื่อให้เราได้ใกล้ชิดกับ นิสสัน มาร์ช กันมากขึ้นได้มีเชื้อเชิญให้เข้าร่วมคาราวานจากไทยสู่กัมพูชา


เรานัดหมายการเดินทางกันเริ่มต้นกันที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยโดยสารการบินบางกอกแอร์มุ่งหน้าสู่จังหวัด ตราด แล้วนั่งรถบัสต่อไปยังโรงแรมเซ็นทารา ชานทะเล รีสอร์ท แอนด์ วิลล่าซึ่งมาถึงกันในช่วงค่ำเราก็ได้เข้าฟังบรรยายถึงการเปลี่ยนแปลงของ นิสสัน มาร์ช ใหม่ว่ามีอะไรบ้างโดยนิสสัน มาร์ช ใหม่ ได้รับการปรับโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยว ทันสมัยมากขึ้น ด้วยกระจังหน้าใหม่โครเมียม ล้ออัลลอยลายใหม่ 15 นิ้วเพิ่มความมีสไตล์ด้วยไฟตัดหมอกและไฟท้ายแบบ LED และสีภายนอก 2 สีใหม่ สีเขียว กรีน โอลีฟ และสีชมพู สวีท พิงค์ ที่เพิ่มขึ้นจากสีเดิม


ภายในเพิ่มความมีระดับด้วยสีภายในสีเบจ และทันสมัยมากขึ้นด้วยแผงแสดงผลหน้าจอล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยม สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB ไฟในห้องเก็บสัมภาระ และวัสดุเบาะที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นสอดรับความหรูหราของแผงคอนโซลหน้าสีดำ Piano Black
หลังจากนั่งฟังการถึงการเปลี่ยนแปลงแล้วก็ฟังถึงเส้นทางที่เราจะใช้กันในวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะแยกย้ายกันพักผ่อนเพื่อเตรียมกับการเดินทางข้ามประเทศกันอีกครั้ง


เช้าวันรุ่งขึ้นเราตั้งขบวนรถ นิสสัน มาร์ช ใหม่ขับเรียงกันเป็นแบบคาราวานรวมทั้งหมด 8 คันมุ่งหน้าสู่ ผ่านตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก ขับข้ามชายแดนด่าน ไปยังเกาะกง ฝั่งประเทศกัมพูชา ผ่านอ.กังปงโสม
ช่วงที่เรายังไม่ข้ามเขตแดนนั้นถนนก็ยังดีอยู่มีทั้งสองเลนสวนและบางช่วงเป็นถนนแบบสี่เลนระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตรเราก็เดินมาถึงด่านชายแดนเพื่อลงมาทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองให้เรียบร้อยโดยจะต้องลงมาถ่ายรูปพร้อมยื่นหนังสือเดินทางใช้เวลาพักใหญ่ก่อนเราจะข้ามแดนมายังฝั่งกัมพูชา


เมื่อข้ามมาทางฝั่งกัมพูชาแล้วต้องมีการปรับความคุ้นเคยกันเล้กน้อยเนื่องด้วยที่นั่นนั้นเป็นรถพวงมาลัยซ้ายแต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคณะของที่ขับรถเดินทางไปยังประเทศที่ใช้พวงลัยซ้ายในแทบนี้กันบ่อยแถมยังขับกันเป็นแบบคาราวานมีการแจ้งเตือนกันตลอดทำให้สบายใจหายห่วง


ตลอดเส้นทางที่เราวิ่งกันในกัมพูชาสภาพถนนที่มีครบทุกรสชาติ ทั้งถนนปูน ทางลาดยาง วิ่งกันแบบสบายๆ ถนนแบบสองเลนสวน ทางแคบ และยิ่งเจอทางขรุขระบวกกับการสร้างทางอยู่แถมมีฝนตกกันในบางช่วงยิ่งทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของช่วงล่างและการเกาะถนนได้เป็นอย่างดี การกระเทือนนั้นมีบ้างตามประสารถขนาดเล็ก ช่วงล่างมีการให้ตัวได้ดีพอควรสังเกตจากช่วงที่ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อมีหย่อนรถลงไปบ้างหรือยิ่งรูดยาวไปรถก็ไม่ถึงกับกระเด้งกระดอนเท่าไรใช้ได้


ส่วนเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ รหัส HR12DE ที่มาพร้อมระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะ XTRONIC CVT ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ และประหยัดน้ำมันทำหน้าที่ประสานกันได้อย่างเหมาะสมในบางช่วงของการขับขี่นั้นต้องมีการแซงรถบรรทุกขนาดใหญ่ก็สามารถได้แบบไม่ต้องห่วง อัตราเร่งมาแบบต่อเนื่องการตอบสนองทั้งเกียร์และคันเร่งนั้นไม่มีอาการหน่วงให้รู้สึกตลอดเส้นทางจะมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ ทางตรง ทางโค้ง มีมาครบ


และก็มาถึงช่วงไฮไลท์ประจำทริปนั้นคือการเดินทางขึ้นไปที่อุทยานแห่งชาติพนม บอกอร์ ซึ่งช่วงทางขึ้น มีลักษณะเส้นทางเป็นทางเรียบ ถนนเป็นโค้งขึ้นเขา คดเคี้ยว และลาดชันพอสมควร เส้นทางนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังคาสิโนด้านบนได้อย่างสะดวกถือเป็นอีกช่วงที่ได้มีโอกาสลองการควบคุมบังคับเลี้ยวและความแม่นยำของพวงมาลัยซึ่งมีความแม่นยำแต่ยังไม่ถึงขั้นคมกริบซะทีเดียว


เมื่อขึ้นไปถึงที่บนยอดเขาแล้วบรรยากาศด้านบนนั้นมีหมอกลงและมีอากาศเย็น ลมแรงพอสมควร พนม บอกอร์ เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ ของประเทศกัมพูชา ซึ่งมีสถานที่ประวัติศาสตร์อยู่หลายแห่ง รวมทั้งพื้นที่ป่าไม้ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่ โดยเมื่อประมาณ ค.ศ 1920 ฝรั่งเศสได้เข้ามาสร้างสถานที่พักตากอากาศ เป็นวังสไตล์โคโลเนียล สำหรับขุนนางระดับสูงของฝรั่งเศสเข้ามาพักผ่อนและหลบจากอากาศร้อนและชื้นในกรุงพนมเปญ หลังจากนั้นในช่วงปี ค.ศ 1950 – 1960 วังนี้ได้ถูกแปลงสภาพเป็นคาสิโน รวมทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลีวู๊ด หลายเรื่อง อาทิ City of Ghosts


พนม บอกอร์ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1000 ฟุต กอรปกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ จึงทำให้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี นอกจากวังเก่าแล้ว บริเวณรอบ ๆ ยังมีสถานที่ประวัติศาสตร์อื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์เก่า ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ 1920 เช่นเดียวกัน


การเดินทางครั้งนี้ ใช้ระยะทางทั้งสิ้นกว่า 340 กม. สำหรับรถมาร์ช ขับไปกลับ น้ำมันถังเดียวยังมีเหลือหากใครสนใจว่านิสสันมาร์ชใหม่จะมีหน้าสวยขนาดไหนก็แวะไปดูที่โชว์ใกล้บ้านได้เลยครับ

##########################################

premsak@caronline.net

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts