เปิดตัวมาได้พักใหญ่กับรถ SUV จากเมือง ฮิโรชิมา ของญี่ปุ่นนั้นคือ มาสด้า CX-5 หลายท่านอาจจะได้อ่านบทความที่มีลงอยู่ในเว็บนี้แล้ว http://www.caronline.net/ArticleDetail.aspx?ArticleID=1703&dshow=all
ซึ่งคุณธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ได้ไปลองขับมาแล้วแต่ตัวที่ได้ลองนั้นเป็นรุ่นท็อปเครื่องยนต์ดีเซลมาคราวนี้ทางมาสด้าได้จัดให้ไปลองเครื่องยนต์เบนซินบ้าง ซึ่งเครื่องยนต์เบนซินนั้นมีเครื่องอยู่ 2 รุ่นนั้นคือเครื่องยนต์ 2.0 และ 2.5 ลิตร
เรามารอชาวคณะพร้อมกันที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีน พาร์คในเช้าตรู่ก่อนที่จะขับก็ฟังข้อมูลของรถซึ่งผมได้ขับรุ่น 2.5 ก่อน เมื่อได้เห็นโฉมตัวเป็นๆต้องบอกว่ารูปร่างหน้าสวยอยู่อย่างที่ทราบกัน CX-5 นั้นมีการออกแบบตามหลัก KODO Designที่มีเอกลักษณ์จากเส้นสาย ไฟหน้า-ท้าย กระจังหน้า แถมยังได้รับรางวัลการันตีรถยนต์ยอดเยี่ยมในประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2012-2013 อีกด้วย
เมื่อเปิดประตูขึ้นรถมานั่งหลังพวงมาลัยแม้ภายในจะตกแต่งด้วยสีดำแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเลยแถมยังรู้สึกถึงความโปร่งสบายของห้องโดยสาร และให้ความรู้สึกสปอร์ต
ออกจากโรงแรมขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 2 ขับกันแบบฟรีรัน ขับมาได้พอเริ่มคุ้นเคยกับรถก่อนลองอัตราเร่งดูเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรนั้นทำได้ดีเกินคาดจนพูดได้ว่าเหลือเฟือการที่ได้ SKY ACTIVมาแบบครบทั้งหมดนั้นทำให้รถมีความลงตัวมาก มาถึงตรงนี้ขอทำความรู้จักกับSkyactiv Technology ของ Mazda กันอีกครั้ง Skyactiv นั้นประกอบไปด้วย บอดี้ตัวถัง เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่างโดยมีแนวคิดหลักคือรถแรง ขับสนุก และประหยัดเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.5 DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์วระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT มีกำลังอัดสูงถึง 13:1 แรงม้า 192 ตัว และแรงบิด 256Nm
ส่วนในเรื่องของเกียร์นั้นการเปลี่ยนเกียร์ทำได้นิ่มนวลมากโดยเกียร์นั้นเป็นแบบอัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมแมนนวลโหมดสามารถเล่นเกียร์เองได้
ช่วงล่างนั้นเซ็ตในแนวสปอร์ตอาจจะแข็งไปซะหน่อยในช่วงความเร็วต่ำแต่เมื่อใช้ความเร็วสูงจะให้ความรู้สึกกระชับให้ความมั่นใจได้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากยางขนาด 225/55 R 19 ทำให้รู้สึกถึงความกระด้างบ้าง
หลังจากพักรับประทานอาหารเที่ยงกันแล้วก็ย้ายมาขับกันในรุ่น 2.0 ซึ่งมีแรงม้า 165 ตัว และแรงบิด 210Nm ซึ่งหากจะมองที่ขนาดของเครื่องยนต์แล้วในใจผมก็คิดอยู่ว่าน่าจะต้องอืดแน่นอนแต่เมื่อได้ลองแล้วเกินที่คาดไว้ไม่ได้อืดเลยการตอบสนองของรถทำได้ดีทีเดียวแล้วถ้ายิ่งคุณเป็นคนที่เท้าขวาไม่ได้หนักอะไรผมต้องขอแนะนำเลยว่าเพียงพอสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันแล้วยิ่งใช้อยู่ในเมืองแล้วสบายมาก
ส่วนเรื่องของความแตกต่างนั้นระหว่าง 2.0 กับ 2.5 นั้นนอกจากเครื่องยนต์แล้วก็แค่ออปชั่นบางอย่างเท่านั้นส่วนช่วงล่างนั้นเซ็ตมาได้ใกล้เคียงกัน
การเข้าโค้งและยึดเกาะถนนทำได้ดีทั้งคู่ การโยนตัวของรถน้อยแถมเบาะนั่งถูกออกแบบให้โอบกระชับ ช่วยไม่ให้ถูกเหวี่ยงขณะเข้าโค้ง ทำให้รถขับสนุกตามแนวทางของ มาสด้า
พวงมาลัยนั้นเป็นระบบไฟฟ้าช่วยไม่ให้ต้องออกแรงเยอะ การบังคับมีความเฉียบคมแต่อยากจะให้หนืดกว่านี้อีกหน่อยในช่วงความเร็วสูง
แป้นเบรกอาจจะต้องกดเพิ่มเข้าไปหน่อยคือเหยียบลึกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปแต่ให้ฟิลลิ่งในการเบรกที่ดีมั่นใจได้เซ็ตมาในแนวรถยุโรปเลย
ส่วนเรื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหรืออ็อพชั่นที่ให้มานั้นจัดเต็มกันเลยทีเดียว มีตั้งแต่เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ Dual-zone กุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ท ครูซคอนโทรล เครื่องเสียงที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว ต่อ AUX USB และ Bluetooth เครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 9 จุด ถุงลมและม่านนิรภัยรวม 6 ลูก ไฟหน้าปรับตามองศาการเลี้ยว AFS กล้องมองหลัง ระบบควบคุมเสถียรภาพ DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ระบบช่วยออกตัวทางชัน HLA ระบบเตือนความดันลมยาง ซึ่งอาจจะแตกต่างกันในบางรุ่น
สรุปส่งท้าย หากเป็นคนเท้าไม่หนัก 2.0 ก็น่าสนใจแต่หากอยากได้รถแรงและของครบแบบจัดเต็มก็ไป 2.5 หรือจะให้สุดก็ต้อง ดีเซล 2.2 ลิตร แต่ยังไงก็แล้วแต่ขอบอกว่าต้องไปลองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจนะครับ
ราคา 2.0 c 1,200,000 บาท 2.0 s 1,300,000 บาท 2.5 s 1,440,000 บาท
##############################################
premsak@caronline.net
มูลนิธิกลุ่มอีซ…
“มหกรรมยานยนต์ …
นายณัทธร ศรีนิเ…