การปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงนั้นมีกันอยู่เสมอเสมอไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายหลายอย่าง ครั้งนี้ก็เช่นกันแม้ว่าอาจจะรู้สึกมันเร็วไปหน่อยเพราะผมนั้นยังจำได้ว่าเพิ่งจะไปขับรถกระบะดัดแปลงหรือที่เรียกกันในบ้านเราว่า PPV เมื่อไม่นานมานี้เองแต่พอย้อนไปดูวันที่ก็ล่วงเลยเกือบปีรถคันที่ผมกล่าวถึงนั้นคือ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์
ฟอร์จูนเนอร์นั้นถือเป็นรถที่มียอดขายมากที่สุดหรือเป็นอันดับ 1 ของรถในกลุ่มนี้ มาคราวนี้ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้างเพื่อรักษายอดขายแถมเพิ่มความแกร่งของตัวโปรดักส์ด้วยไปในตัว การเปลี่ยนแปลงนั้นหลักหลักมีอยู่สองอย่างที่ได้เพิ่มเติมเข้ามานั้นคือนำเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรเข้าเสริมและเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติใหม่เป็นแบบ 5 จังหวะเข้ามาแทนแบบเดิมที่เป็นแบบ 4 สปีดนอกนั้นแล้วภายนอกแทบจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดใด หากไม่ได้นำทั้งรุ่นเก่าและใหม่มาจอดเทียบกัน
การเดินทางไปทดสอบครั้งนี้เริ่มต้นจากสนามบินจังหวัดเชียงใหม่ เช่นเดิมครับต้องเข้าฟังบรรยายสรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์กันโดยเน้นที่ตัว 2.5 ลิตรเป็นหลัก ซึ่งตัว ฟอร์จูนเนอร์ 2.5 ลิตรใหม่นั้นมีการออกแบบภายในให้ดูหรูหราเช่นเบาะหนังทั้งคันแถมปรับด้วยระบบไฟฟ้าในตำแหน่งคนขับส่วนเครื่องเสียงนั้นในรุ่น 3.0 ลิตรจะเป็นแบบจอ DVD แบบสัมผัสที่มาพร้อมระบบนำทางและกล้องมองหลังแถมด้วยช่องต่อ USB มีลำโพง 6 จุด ส่วนรุ่น 2.5 ลิตรนั้นจะเป็นวิทยุแบบ 2 DIN เล่น CD mp3 ได้
เมื่อฟังบรรยายจบแล้วก็เริ่มต้นเดินทางกันโดยในครั้งนี้นั้นมีรถอยู่สองรุ่นนั้นคือ 2.5 ลิตร และ 3.0 ลิตร ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีดซึ่งผมนั้นได้รุ่น 3.0 ลิตรมาพร้อมผู้ร่วมเดินทางอีกสองท่านรวมผมก็เป็นสามคนเส้นทางในครั้งนี้ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตรใช้เส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ออกจากสนามบินเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่ ร้านเฮือนใจ๋ยอง ย่านสันกำแพงเพื่อแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันช่วงนี้ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรซึ่งผู้ร่วมเดินทางนั้นขอรับหน้าที่ขับก่อนในช่วงแรกแล้วค่อยให้ผมขับในช่วงหลังซึ่งก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ก้าวเท้าขึ้นรถในตำแหน่งข้างคนขับคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย คนขับพร้อมก็ออกเดินทางหน้าที่ของผมในตอนนี้ก็คือเริ่มต้นสำรวจอุปกรณ์ต่างๆในรถคันนี้ซึ่งนอกจากระบบนำทางที่ติดมาให้อยู่รถแล้วจะแสดงแผนที่หรือจุดหมายต่างต่างแล้วยังมีโหมดที่เรียกว่า Eco Navi ที่จะคอยแสดงผลจริงในขณะขับขี่ว่าในขณะนั้นคุณขับประหยัดแค่ไหน เครื่องเสียงนั้นสามารถเสียบต่อ iphone ipod หรืออุปกรณอื่นๆได้ทั้งทางช่อง USB หรือ AUX ได้ หากเสียบผ่าน USB ก็จะแสดงขึ้นไปที่จอว่าเล่นเพลงอะไรอยู่และรองรับภาษาไทยอีกด้วย นั่งได้ไม่นานก็เดินทางมาถึงร้านเฮือนใจ๋ยองเพื่อรับประทานอาหารเที่ยงกันใช้เวลาที่นี่กันสักพักแล้วเราก็เดินทางกันต่อไปยัง ร้านริมทางบ้านเที่ยง เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนคนขับกันในช่วงนี้ผมก็ยังรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารอยู่ โดยอาศัยช่วงเวลานี้จับอาการของระบบกันสะเทือนว่าเป็นยังไงในความรู้สึกของผู้โดยสารซึ่งรู้สึกว่ามีความนิ่มนวลมากขึ้นจากตัวเดิมที่เคยได้ลองมา การซับแรงนั้นได้รับการปรับปรุงขึ้นแต่ยังคงมีความกระเทือนอยู่บ้างอันเนื่องมาจากว่าพื้นฐานนั้นเป็นโครงสร้างของรถกระบะ
และแล้วเวลาของการควบคุมพวงมาลัยของผมก็มาถึงออกจากร้าน ริมธารบ้านเมี่ยง มุ่งสู่ดอยช้างกับสภาพเส้นทางบนเขาที่มีทั้งทางชันและคดเคี้ยวแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาของ ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่คันนี้ การปรับเซ็ตช่วงใหม่แบบ DTS (Diamond tech suspension) ด้านหน้าแบบอิสระดับเบิ้ลวิชโบนพร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริง ระบบรองรับนั้นทั้งสปริงก็มีการปรับค่า K หรือความแข็งของสปริงให้นิ่มลงและ โช้คอัพก็มีการปรับค่า Rebound ให้มีความหนึบขึ้นบวกกับมีการปรับมุมล้อเข้ามาอีก ทำให้รถนั้นมีการยึดเกาะที่ดีมากกว่าตัวเดิมและการขับขี่ก็ทำให้มีความมั่นใจเข้าใจอีก
การตอบสนองของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ในรหัส 1KD-FTV 4สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 171 แรงม้าที่ 3600 รอบแรงบิด 360 นิวตันเมตรที่มาในช่วง 1400-3200 รอบแม้จะมีแรงม้าและแรงบิดเพิ่มจากเดิมที่อยู่ 163 แรงม้าที่ 3600 รอบ และแรงบิด 343 นิวตันเมตรที่ 1400-3200 รอบนั้นตัวเลขที่ออกมานั้นมีมากขึ้นแต่เมื่อขับขี่แล้วรู้สึกว่าความจัดจ้านและดุดันของรุ่นเดิมนั้นหายไปกลายเป็นความรู้สึกว่าเปรียบเหมือนโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขุมนุ่มลึกแต่แฝงไปด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ ที่บอกแบบนี้เพราะว่าในรุ่นก่อนทุกครั้งกดคันเร่งรถแทบจะทะยานหรือกระโจนตัวออกไปในทันทีทันใด แต่มาในคราวนี้นั้นมันนิ่มนวลขึ้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีดที่มีการทดใหม่ทำให้รถนั้นมีการออกตัวที่นิ่มนวลขึ้น การเปลี่ยนจังหวะของเกียร์นั้นมีความลื่นไหลต่อเนื่องและนิ่มนวลพอให้รู้สึกว่าเกียร์เปลี่ยนจังหวะ
ส่วนสิ่งที่หลายหลายคนกังวลและเป็นห่วงมาตลอดจนถามเข้ามาบ่อยช่วงที่จัดรายการวิทยุในรายการกลับให้ได้ ไปให้ถึง ช่วงห้าทุ่มจนถึงเที่ยงคืนในวันจันทร์ถึงศุกร์นั้นว่ารถนั้นมันเกาะถนนดีแค่ไหนจะหลุดโค้งหรือเปล่า ผมขอย้ำตรงนี้อีกครับว่าถ้ารถของคุณสภาพพร้อมสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างและยางหากใช้ความเร็วที่เหมาะสมหรือไม่เกินป้ายเตือนความเร็วก่อนถึงโค้งก็ไม่มีทางหลุดโค้งแน่นอน ในช่วงที่ขับอยู่บนดอยช้างนั้นมีทั้งทางตรง โค้งต่อเนื่อง และโค้งหักศอก ความเร็วที่ใช้นั้นมีตั้งแต่ช่วงความเร็วต่ำจนไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามแต่สภาพถนนจะเอื้ออำนวย บางช่วงก็เจอถนนเป็นหลุมเป็นบ่อจนถึงทางฝุ่นแต่ไม่ถึงขนาดทางออฟโรด แต่หากเป็นทางออฟโรดแล้วฟอร์จูนเนอร์นั้นก็สามารถขับลุยผ่านมาได้อย่างสบาย การควบคุมบังคับเลี้ยวนั้นมีความแม่นยำน้ำหนักอาจจะหนักไปหน่อยแต่ให้ความรู้สึกที่มั่นคง ระบบเบรกที่มีการปรับปรุงมานานแล้วสามารถควบคุมได้ตามสั่งเอาอยู่แน่นอน ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นอื่นนั้นมาครบไม่ว่าเป็น ABS EBD BA TRC VSC แถมตัวถังนิรภัย GOA มาอีก
หากชีวิตประจำวันนั้นขับอยู่ในเมืองก็ยังมีความคล่องตัวให้เห็นอยู่แถมทัศนวิศัยการมองเห็นก็ดีกว่ารถเก๋งเนื่องจากรถนั้นมีความสูงกว่า หากในวันหยุดคุณอยากจะออกไปเที่ยวลุยป่าขึ้นเขา ฟอร์จูนเนอร์ นั้นก็ตอบสนองคุณได้ อยู่ที่ท่านผู้อ่านละครับว่าสนใจหรือเปล่า
############################################################
เรื่อง : premsak@caronline.net
ภาพ : toyota
มูลนิธิกลุ่มอีซ…
“มหกรรมยานยนต์ …
นายณัทธร ศรีนิเ…