Review :Test Drive ทดลองขับHONDA CRV ใหม่ 2.0 (4WD)รถใหม่ปี2012 คอลัมน์ผู้หญิงผู้หญิงขับรถ ช่วงนี้พบกันค่อนข้างบ่อยหน่อยนะคะ
น่าจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วที่ได้ไปลองขับฮอนด้าซีอาร์วีรุ่นที่ 2 ที่จังหวัด เพชรบูรณ์โดยขับขึ้นเขาค้อ ซึ่งรุ่น2 เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อประมาณปี 2001 ผ่านไป 12 ปีแล้ว ช่างรวดเร็วอะไรปานนี้
และรุ่นที่ได้ขับในครั้งนี้เป็นฮอนด้าซีอาร์วีรุ่นที่ 4 ปี 2012 ซึ่งเป็นรถแบบ SUV ความรู้สึกที่ได้ขับในตอนนี้ช่างแตกต่างจากรุ่นเก่าเสียเหลือเกิน เพราะของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่าเป็นธรรมดา
หลายท่านรวมถึงดิฉันด้วยเมื่อพูดถึง CRV เราก็นึกภาพออกว่าเป็นรถลักษณะแบบไหน แต่คงไม่คิดว่าCRV ย่อมาจาก (Comfortable Runabout Vehicle) ซึ่งหมายถึงรถที่ถูกสร้างสรรค์และพัฒนาเพื่อเป็นยานยนต์ที่ให้ความสะดวกสบาย
ซีอาร์วีที่ออกมาวางจำหน่ายครั้งนี้มีทั้งหมด 4 รุ่นคือรุ่น
2.4 EL(2WD) และ 2.4EL(4WD)
2.0 S ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 2.0 E ( 4 WD)
แต่คันที่ขับ เป็น CRV รุ่น 2.0 E ( 4 WD) ขอย้ำนะคะว่าเป็นรุ่นนี้และที่จะพูดถึงตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะเป็นรุ่นนี้รุ่นเดียวค่ะ จะไม่เกี่ยวข้องกับรุ่นอื่นๆอีก 3 รุ่น ซึ่งจะมี Option ที่แตกต่างกันไป (แต่ภาพบางภาพที่ประกอบเรื่องอาจจะเป็นของรุ่นอื่นบ้าง)
CRV รุ่น 2.0 E (4 WD ) เครื่องยนต์เป็นแบบ SOHC (Single Overhead Camshaft) 4 สูบ 16 วาล์ว I-VTEC
กำลังสูงสุด 155 แรงม้าที่ 6,500 รอบ แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที
ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด ควบคุมด้วยระบบอีเล็คทรอนิกส์ Grade Logic Control
ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า รัศมีวงเลี้ยว 5.5 เมตร
เครื่องเสียงวิทยุ –ซีดี MP 3 แบบ 1 แผ่น สวิทช์ควบคุมระบบ I-MID และเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย Bluetooth ช่องเชื่อมต่อ USB มีลำโพง 4 ตัว
มีถุงลมคู่หน้า พร้อมระบบล็อคประตูอัตโนมัติสัมพันธ์กับความเร็ว กล้องส่องภาพด้านหลัง มีกระจกนิรภัยด้านคนขับ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer มีระบบสัญญาณกันขโมย
มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control System
แผงมาตรวัดของรุ่นนี้ ตรงกลางติดตั้งมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแสดงผลแบบ LCD ที่ควบคุมด้วยปุ่มเลือกและตั้งค่าใหม่ซึ่งอยู่ด้านบนเยื้องไปทางขวาของมาตรวัดความเร็ว ซึ่งจะแสดงเลขไมล์ของตัวรถ และระยะทางที่ใช้ไป อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย อัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ณ ปัจจุบัน ระยะทางที่สามารถขับต่อไปได้จนน้ำมันหมดถัง และมี Real Time Fuel Consumption Meter มาตรวัดแสดงการสิ้นเปลืองน้ำมันแบบ Real Time
ไฟหน้าของ CRV 2.0 (4WD) เป็นแบบฮาโลเจน
ด้านท้ายรถก็ออกแบบไฟเป็นแบบแนวตั้งไปตามเสากระจกบังลมหลังเพื่อเพิ่มจุดเด่นในส่วนนั้น พร้อมดีไซน์ไฟท้ายทรงเหลี่ยมเวลาทำงานร่วมกันก็ส่องสว่างกันทีเดียว
สปอยเลอร์หลังออกแบบให้ยาวต่อเนื่องจากหลังคาเพื่อให้รับกับไฟท้ายและเส้นสายของด้านข้างตัวรถ ก็ดูกลมกลืนดีทำให้ดูรถลาดลง รูปทรงแบบลู่ลม มองดูเพรียวลมขึ้น
รถคันนี้จะต่างกับ รุ่นที่แล้วในเรื่องความเทลาดของรถด้านหลัง และความสั้นของรถ ต่างจากรุ่นเก่าเพียง 3 ซม.เท่านั้นเองก็ไม่ได้มากมายนัก
และได้มีโอกาสได้ถ่ายรูปกับ CRV รุ่นที่แล้ว ก็เลยเอาภาพมาให้ดูเปรียบเทียบกันค่ะ (ขออนุญาตเอาภาพรถข้างๆมาลงด้วยนะคะ)
ห้องโดยสารดูกว้างขึ้น เพราะมีการปรับแผงคอนโซลกลางของตัวรถ ด้านเพดานของรถก็ออกแบบให้เว้าขึ้นไปทำให้มีเนื้อที่กว้างขึ้น เพราะเมื่อได้ลองขับ คนขับที่มีความสูง 185 ซม ก็ยังมีช่องว่างระหว่างศีรษะของคนขับกับเพดานรถเหลืออยู่มากทีเดียว
ที่นั่งเป็นเบาะหนัง ด้านคนขับปรับไฟฟ้าทุกระบบ ทั้งเลื่อนไปหน้าหลัง หรือปรับสูงต่ำ ปรับได้ทั้งหมด 8 ทิศทาง พร้อมเบาะดันหลังเบาะเป็นหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์ ที่นั่งถึงจะปรับให้สูงได้แน่ความรู้สึกเหมือนนั่งรถซีดาน ไม่เหมือนนั่งรถ SUV
คันที่ขับเป็นสีน้ำเงินสีภายในก็จะเป็นสีดำ ทั้งเบาะนั่งและวัสดุภายใน เก้าอี้ที่นั่งตัวใหญ่นั่งสบาย เนื่องจากเป็นคนตัวเล็กแต่ไม่ผอม เวลานั่งขับก็ต้องปรับที่นั่งขึ้นมาสูง เพื่อที่จะมองรอบข้างได้ชัดเจนเวลาขับรถ
เมื่อถอยหลังก็มีกล้องมองหลังโดยมองที่หน้าจอ I-MID
เบาะนั่งด้านหลังกว้างที่เดียว นั่งได้ 3 คน สันตรงกลางพื้นที่วางเท้าของเบาะหลังมีเป็นเนินขึ้นมานิดหน่อย เกือบเรียบ ทำให้เพิ่มที่วางขาได้มากขึ้น แถมยังมีแอร์หลังให้ด้วยทำให้ไม่ร้อน ถ้าหนาวก็ห่มผ้า เอ๊ะไม่ใช่ค่ะ หนาวก็สามารถปิดได้ แต่การควบคุมอุณหภูมิมาจากฝั่งคนขับด้านเดียวนะคะ ไม่ใช่ฝั่งด้านคนนั่งด้านหน้า
ระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา
มาถึงที่นั่งเบาะหลังสามารถพับได้ได้แบบจังหวะเดียว โดยแยกพับ แบบ 60:40 ด้าน 60ก็คือเก้าอี้ 2 ตัว ตัวใหญ่ตัวเล็กติดกัน ส่วนด้าน 40 เก้าอี้ตัวเดียวค่ะ เมื่อต้องการเพิ่มพื้นที่บรรทุกของ ก็สามารถพับเก้าอี้ผ่านคันโยกที่ติดตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของเบาะ
แค่นี้พื้นที่บรรทุกก็มากขึ้นแล้ว จริงจริงแล้วพื้นที่บรรทุกด้านหลังก็กว้างพอแล้ว แต่เผื่อสำหรับคนมีสัมภาระเยอะๆและคนชอบซื้อ
พูดมาเสียยาว ยังไม่ถึงการขับเลย ก่อนจะทำอะไร เราก็ต้องรู้จักสิ่งนั้นก่อนใช่มั้ยคะ มาเรื่องการขับรถกันดีกว่านะคะ
การเดินทางไปลองขับรถครั้งนี้ก็ไปกัน 10 คัน คันละ 4 คนผลัดกันขับคนละเกือบหนึ่งร้อยกิโลเมตร เดินทางจาก Chocolateville ถนนนวมินทร์ ใช้เส้นทางไปวังน้ำเขียวแต่ยังไม่ถึงวังน้ำเขียว และยังไม่ถึงเขาแผงม้า ไปแค่ร้านอาหารและรีสอร์ทที่ชื่อ VERAVIAN (เวลาเวียน)ซึ่งเส้นทางนั้นจะคดเคี้ยวขึ้นเนินลงเนิน โดยใช้เส้นทางก่อนทางเข้าเขาใหญ่ไปทางด้านคีรีมายา
CRV 2.0 4 WD เป็นรถที่ขับสนุก ควบคุมง่าย พวงมาลัยหนักแน่นมากเลยค่ะ หนึบหนับดี พวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียน และมีมอเตอร์ไฟฟ้าติดที่บริเวณแร็คพวงมาลัยซึ่งจะรับสัญญาณจากเซ็นเซอร์บางตัวในการตรวจสอบแรงบิด และการหมุนของพวงมาลัย จากนั้นจะมีการคำนวณหาค่าที่เหมาะสมในการช่วยผ่อนแรงและจะมีสัญญาณนี้ไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า
การเกาะถนนดีเมื่อเข้าโค้ง
ขาไปจากกรุงเทพฯได้มีโอกาสนั่งด้านหลัง กว้างขวางสบายดี เบาะจะเตี้ยกว่ารถ SUV โดยทั่วไปเหมือนนั่งรถเก๋ง
ที่นั่งด้านหลังรู้สึกกระเทือนบ้างเล็กน้อย แต่เพื่อนร่วมทางที่นั่งมาด้วยจากนิตยสารฟอร์มูล่า คือคุณต้อม ขออนุญาตเอ่ยชื่อเล่นนะคะ บอกว่ารุ่นนี้ดีกว่ารุ่นก่อน เยอะเลยค่ะ รุ่นก่อนไม่มีอาการหยุ่นตัวเหมือนรุ่นนี้ซึ่งซับแรงกระแทกดีกว่ารุ่นก่อนหมายถึงรุ่นที่3
งั้นขอดูสเปครถหน่อยนะคะว่ากันสะเทือนและช่วงล่างเป็นแบบไหน ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบแบบดับเบิลวิชโบน ชิ้นส่วนที่มีความสำคัญต่อของระบบกันสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทคือปีกนกล่างที่ถูกรวมเป็นชุดเดียวกับซับเฟรม และมีการปรับอีกหลายจุด เอาเป็นว่ากระเทือนน้อยกว่าเก่าก็แล้วกัน
ส่วนด้านหน้าเวลาขับเองก็นิ่มนวลดี มีกระเทือนบ้างนิดๆ
ส่วนอัตราเร่งแซงแรงก็ถือว่าใช้ได้นะคะ ต้องกะระยะให้ดีหน่อย แล้วเหยียบลงไปสุดๆเลยเวลาแซงมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเปิด-ปิด ลิ้นปีกผีเสื้อแบบอีเล็กทรอนิคส์ในการควบคุมการถ่ายทอดกำลังระหว่างเกียร์ในตำแหน่งต่างๆ การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์เลย
ช่วงที่ได้ขับก็คือขากลับจากร้านอาหารเวลาเวียนไปถึงปั๊มน้ำมันที่ถนนเลี่ยงเมืองสระบุรี
ช่วงที่ดิฉันขับหนุ่มๆสองคนที่นั่งด้านหลังหลับสนิทเลยค่ะ เพราะฝีมือการขับหรือความนิ่มนวลของรถนะ หรืออย่างอื่น ฮ่าฮ่าฮ่า
ช่วงทีขับทางโค้งค่อนข้างเยอะ บางช่วงก็เป็นโค้งแบบหักศอก การควบคุมรถเข้าโค้งก็เป็นไปด้วยดี รถเกาะถนนให้ความมั่นใจ ไม่มีอาการให้ตกอกตกใจ
ขับบนทางโค้งสนุกค่ะทั้งที่เป็นรถค่อนข้างใหญ่ การเร่งแซงอย่างที่บอกไม่ได้ปรู๊ดปร๊าด แต่เหยียบลงไปสุดๆกำลังก็จะมา
ซึ่งการขับครั้งนี้ดิฉันไม่ได้ลองใช้ Shift Hold ค่ะ ซึ่งถ้าใช้ก็คงจะขับสนุกมากกว่าเดิมในการเร่งแซงและเข้าโค้ง
อย่างที่บอกไปแต่ต้นแล้วว่ารถคันที่ขับคันนี้เป็นรถ CRV 2.0 4WD แบบ Real Time แค่กดคันเร่ง ระบบก็จะทำงานโดยอัตโนมัติในการยึดเกาะและปีนไต่อย่างมีประสิทธิภาพ และระบบสามารถที่จะทำงานอย่างเหมาะสมในการถ่ายทอดกำลังตามสภาพการขับขี่ ตัวระบบก็เกือบจะไม่ตอบสนองการหมุนฟรีของล้อหน้า เพราะว่าระบบจะจัดการลดโอกาสการหมุนฟรีของล้อไว้อยู่แล้ว ก่อนที่จะส่งกำลังไปยังล้อหลัง
นอกจากนี้ยังมีระบบ VSA คือระบบควบคุมการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบ ABS และEDB ซึ่งเป็นระบบกระจายแรงเบรกช่วยกระจายแรงเบรกไปทั้งหน้าหลังเพื่อช่วยการเบรกอย่างมีประสิทธิภาพ มี Hill Start Assist ช่วยการออกตัวเมื่ออยู่ทางลาดชัน
CRV มีโหมดการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Econ Mode ตอนขับยังไม่ได้ลองใช้ปุ่มนี้ดูค่ะ
แต่อาศัยดูจากหน้ามาตรวัด ซึ่งมีระบบ ECO Assist มาด้วย โดยจะแสดงเป็นเส้นขอบวงกลมสีอยู่ทั้งสองฝั่งของมาตรวัดความเร็ว ซึ่งจะเรืองแสงและเปลี่ยนสีไปตามลักษณะการขับขี่
ถ้าเส้นขอบเป็นสีขาวแสดงว่าการขับขี่ตอนนั้นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นปกติ แต่ถ้าเส้นเป็นสีเขียวหมายถึงการขับขี่มีประสิทธิภาพประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยเส้นขอบสีจะเปลี่ยนไปตามรูปแบบและสไตล์การขับขี่
อ้อลืมบอกไปมีระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง แต่ไม่ใช้ค่ะเพราะฝนไม่ตก
ตัว 2.0 ขนาดล้อ เป็นแบบ 17×6.5J ยางขนาด 225/65 R17 เบรกแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
เบรกให้ความมั่นใจว่าเอาอยู่แน่ๆค่ะ
ระยะทางที่ขับไปในครั้งนี้กว่า400 กิโลเมตร กินน้ำมันไป 12. 4 กิโลเมตรต่อลิตร
ถังน้ำมันจุ 58 ลิตร
รถคันนี้สามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ E 20 และ E 85 ได้ด้วยค่ะ
ท่านที่จะใช้ E-85 ก็ไม่ต้องกังวลเพราะได้ปรับให้รองรับได้
ก้าวลงจากรถก็ต้องระวังหน่อยสำหรับคนขาสั้น เพราะนี่ไม่ใช่รถเก๋ง แต่เป็นรถ SUV
ราคาตัวนี้อยู่ที่ 1,274,000 บาท 2.0 (4WD)
ความสูงก็ลุยน้ำได้พอสมควร แต่ปีนี้หวังว่าน้ำคงไม่ท่วมแล้วนะคะ
ส่วนจะเลือกอย่างไรก็อยู่ที่คุณผู้ใช้รถละคะ
เลือกในสิ่งที่คุณชอบ อย่าเลือกเพราะคนอื่นชอบ เพราะคุณต้องอยู่กับเขาไปอีกนานถ้าคุณไม่ใช่คนที่ชอบเปลี่ยนรถบ่อยบ่อย
เลือกรถก็เหมือนเลือกแฟนนั่นละคะ หรือไม่ใช่!!!!!!
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
“ไพรม์มัส พัทยา…
บริษัท โตโยต้า …