หลังจากการเปิดตัวของของ เชฟโรเลต โซนิค รุ่น 4 ประตูซีดานไปเมื่อไม่นานมานี้ ณ เวลานี้ถึงเวลาของฝาแฝดหรือแฝดคนละฝานั้นคือ โซนิคในรุ่น แฮทช์แบ็กหรือ 5 ประตูสไตล์สปอร์ตกันซะทีซึ่งหลายคนรออยู่ส่วนรูปร่างหน้าตาและการขับขี่จะเป็นยังไงนั้นต้องไปติดตามกันครับ
เส้นทางที่เราจะใช้กันในครั้งนี้ระยะทางรวมแล้วเกือบ 600 กิโลเมตรไปกลับกรุงเทพฯ-หัวหินโดยจุดเริ่มต้นนั้นอยู่ที่โรงแรมเรเนซองมุ่งหน้าปั้ม ปตท.คลองโคนก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายวิ่งไปทางแหลมผักเบี้ยแล้วมาโผล่ที่ชะอำเดินทางต่อไปยังอุทยานเขาสามร้อยยอดแล้วค่อยย้อนกลับมาที่หัวหินในวันแรก ส่วนวันที่สองนั้นหวดกันยาวยาวจากหัวหินมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ
ครั้งนี้ทางเชฟโรเลตเตรียมรถไว้ทั้งหมด 20 คันเป็นรุ่น 4 ประตู 10 คัน และรุ่น 5 ประตู 10 คัน โดยรถ1 คันนั้นนั่ง 2 สองคนสลับกันขับในช่วงเช้าส่วนช่วงบ่ายนั้นจะเปลี่ยนรุ่นกันขับใครขับ 4 ประตูก็ไปสลับขับเป็นรุ่น 5 ประตู ช่วงแรกนั้นรับตัว 4 ประตูมาฟื้นความหลังกันซะหน่อยแต่มาครั้งนี้นั้นผมโดนทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวเพราะคู่หูนั้นติดภาระกิจสำคัญไม่สามารถมาร่วมทริปนี้ได้ทำให้ต้องขับคนเดียวทั้ง 2 วัน หลังจากครั้งที่แล้วนั้นเราขับกันอยู่แต่ในเมืองมาคราวนี้เลยได้ออกสู่ต่างจังหวัดกับเส้นทางที่เป็นไฮเวย์ในช่วงที่ออกจากโรงแรมเพื่อมุ่งหน้าขึ้นทางด่วนที่ด่านพระราม 4 นั้นการจราจรคับคั่งแต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ โซนิค เพราะเป็นรถเล็กที่ให้ความคล่องตัวมากได้อยู่แล้ว หลุดจากด่านพระรามสี่มุ่งหน้าถนนพระราม 2 การจราจรเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆจนมาถึงแถวมหาชัยก็เริ่มทำความเร็วขึ้นมาเรื่อยๆ การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นแม้ว่าช่วงต้นอาจจะอืดอยู่หน่อยแต่เมื่อความเร็วลอยตัวแล้วก็มาแบบต่อเนื่อง
ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นมีการเก็บเสียงได้จัดอยู่ในขั้นดีมากแม้ว่าจะเป็นรถขนาดเล็กก็ตาม ภายในห้องโดยสารนั้นมีเสียงรบกวนน้อยเมื่อเทียบกับรถในขนาดนี้
จุดเด่นอีกอย่างนั้นคือระบบช่วงล่างที่เซ็ตได้มาอย่างดีเรียกว่าประจำหลายๆคนในทริปที่ได้ร่วมไปทดสอบกันในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นทางตรงที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่หรือจะเป็นทางโค้งที่มีการยึดเกาะเป็นอย่างยิ่งในช่วงเข้ามาจากคลองโคนไปแหลมผักเบี้ยมุ่งหน้าสู่ชะอำเป็นถนนรถสวนกันและยังโค้งแบบต่อเนื่องเจ้า โซนิค ก็ยังทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีไม่มีออกอาการดื้อให้เห็นแถมช่วงวิ่งผ่านคอสะพานนั้นรถก็ยังนิ่งอยู่เป็นอันจบช่วงของโซนิค 4 ประตู
มาช่วงบ่ายรับรุ่น 5 ประตูมาอยู่ในมือภายนอกนั้นตั้งแต่หัวรถยันประตูหน้าหรือเอาง่ายๆว่าครึ่งคันหน้าไม่มีความแตกต่างกันของทั้งรุ่น 4และ 5ประตูที่แตกต่างกันนั้นเริ่มจากประตูหลังที่จับเปิดประตูหลังนั้นจะย้ายจากตำแหน่งปกติไปอยู่ที่บริเวณเดิมที่เป็นกระจกหูช้างเอาซ่อนไว้ที่ตำแหน่งนั้นเพื่อให้ดูกลมกลืนจนเหมือนเป็นรถ 3 ประตูไป
ในส่วนไฟท้ายนั้นก็มีความแตกต่างกันในทั้งสองรุ่นโดยใช้สีของกรอบไฟท้ายคนละสีกันส่วนภายในนั้นการตกแต่งเหมือนกันทั้งสองรุ่นไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซล พวงมาลัย เครื่องเสียง หรือหน้าปัดที่ออกแบบไม่เหมือนใครที่ความเร็วเป็นแบบดิจิตอลพร้อมกับเข็มวัดรอบสีสะดุดตาดี
เครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นเป็นแบบ DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผัน Double CVC ให้แรงม้าอยู่ 100 ตัวที่ 6000 รอบ แรงบิดอยู่ที่ 130 นิวตันเมตรที่ 4000 รอบหัวฉีดมัลติพอยท์ซีเควนเชียล (MPFI)เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังใช้รางหัวฉีดแบบมีระบบควบคุมรอบการหมุนของปั๊มเชื้อเพลิง (return-less fuel rail) ซึ่งช่วยเพิ่มความประหยัดและลดมลภาวะ แถมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ด้วย
การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นทั้งในรุ่น 4 และ 5 แทบไม่มีความแตกต่างกันเลยช่วงต้นนั้นมาช้าหน่อยช่วงกลางนั้นมาแบบต่อเนื่องส่วนถ้าต้องการความเร็วปลายนั้นต้องมีเค้นกันหน่อยกว่าจะได้ที่ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บอกก่อนตรงนี้นะครับว่าไม่ได้อยากให้ทำกันความเร็วปลายกันเท่าไรแต่หลายท่านนั้นอยากรู้ก็เลยลองให้ส่วนผมนั้นชอบอัตราเร่งของรถแต่ละคันมากกว่าความเร็วปลายของรถเพราะมันหาที่จะไปวิ่งยากสนุกกับอัตราเร่งดีกว่า
ระบบส่งกำลังนั้นมีทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบทอร์กคอนเวอร์ทเตอร์ 6 สปีดทำให้โซนิคนั้นมีสมรรถนะและความประหยัดไปพร้อมกัน ซึ่งเกียร์อัตโนมัตินั้นมีการเปลี่ยนเกียร์ที่นิ่มนวลไม่มีอาการกระตุกให้รู้สึก ส่วนหากจะอยากว่าหรือนึกสนุกอยากเปลี่ยนเกียร์เองก็ลากคันเกียร์ลงมาที่ตำแหน่ง M แล้วกดเปลี่ยนเกียร์เองที่ข้างหัวคันเกียร์จะปุ่ม +,- อยู่ลองคลำๆดูนะครับ
การขับขี่และช่วงล่างนั้นเซ็ตมาสไตล์ยุโรปถือเป็นจุดเด่นของโซนิค โครงสร้างตัวถังแบบ BFI หรือ Body-frame-integral
เพลาด้านหน้าแบบเฟรมราบ (flat top frame) ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในส่วนหน้ารถ และยังช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่ ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมตัวค้ำช็อกอัพ เหล็กกันโคลง
ระบบพวงมาลัยของโซนิคเป็นแบบเพาเวอร์แรคแอนด์พีเนี่ยน มีความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวและยังให้ความคล่องตัวในช่วงความเร็วต่ำและให้ความมั่นใจในการขับขี่เมื่อใช้ความเร็วสูง
ระบบเบรกคู่หน้าเป็นดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อนส่วนด้านหลังนั้นเป็นแบบดรัมเบรกพ่วงมาด้วยระบบเบรก ABS และมี EBD.ให้มาด้วยมั่นใจได้ว่าระบบเบรกนั้นเอาอยู่
หลังจากการขับนั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยของรุ่น 4 และ 5 ประตูเพราะยังไงแล้ว 2 คันนี้ก็คือรถคันเดียวกันแต่มีการดีไซน์หรือการออกแบบที่แตกต่างกันส่วนในเรื่องของวิศวกรรมนั้นมีเหมือนกันการขับขี่นั้นถ้าจะแตกต่างกันก็จะมีอยู่นิดเดียวคือช่วงท้ายของรุ่น 5 ประตูที่สั้นกว่า เลยอาจจะทำให้มีความคล่องตัวมากกว่ารุ่น 4 ประตูอยู่เล็กน้อย กับพื้นที่ใช้สอยในการเก็บของที่น้อยลงไปด้วยส่วนอื่นๆไม่ต่างกันเลยครับหากใครสนใจก็เดินไปที่โชว์รูม เชฟโรเลต ใกล้บ้านท่านได้เลยส่วนราคานั้นมีดังนี้ครับ
Price (Include VAT%)
Description
NB 1.4 MT LS 548,000
NB 1.4 AT LS 578,000
NB 1.4 MT LT 588,000
NB 1.4 AT LT 615,000
NB 1.4 AT LTZ 679,000
HB 1.4 MT LT 601,000
HB 1.4 AT LT 632,000
HB 1.4 AT LTZ 687,000
######################################
เรื่อง PREMSAK@CARONLINE.NET
ภาพ ทีมงาน CHEVROLET