Categories: รถใหม่

Review :Test drive ทดสอบ MICHELIN Primacy 3 ST : มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที


รถยนต์นั้นมีส่วนประกอบมากมายซึ่งแต่ละอย่างนั้นก็มีหน้าที่ที่แตกต่างออกไปและชิ้นส่วนอย่างหนึ่งที่สำหรับผมแล้วให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆนั้นก็คืองานรถยนต์เพราะเป็นส่วนเดียวที่ทำหน้าที่สัมผัสถนนจากอดีตถึงปัจจุบันยางก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีต่างๆได้ถูกนำมาใช้อย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
มาครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ผมได้มีโอกาสเข้ารับรู้ถึงเทคโนโลยีต่างๆที่ทางมิชลินนั้นได้นำมาใส่ยางรุ่นล่าสุดของเขานั้นคือรุ่น ไพรมาซี่ 3 เอสที (Primacy 3 ST)ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นกันที่เขาใหญ่ ใช้เวลากันสองวันโดยวันแรกนั้นเรามุ่งหน้าสู่ที่พักที่ คีรีมายา เขาใหญ่ ไปถึงในบ่ายแก่ๆ ก่อนที่ช่วงเย็นนั้นจะเข้าร่วมงานเปิดตัวและฟังเกี่ยวกับเทคโนยีต่างๆที่อยู่ในยาง


มิชลินได้รวมเอาสมรรถนะที่ดีเยี่ยมในทุกๆ ด้านมารวมไว้ในยางเส้นเดียว คือหัวใจหลักของ MICHELIN Total Performance ซึ่งในยาง มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที ได้นำ 4 นวัตกรรมเทคโนโลยีหลักๆ มารวมอยู่ในยางเส้นเดียวกัน ได้แก่
เทคโนโลยี EvenPeak ที่ให้การขับขี่เงียบขึ้นกว่าถึง 8% เมื่อเทียบกับยางคู่แข่งชั้นนำ ด้วยลายดอกยางที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการออกแบบบล็อกดอกยางที่มีความกว้างที่แตกต่างกัน จากการคำนวณอย่างพิถีพิถัน จะช่วยกระจายคลื่นเสียงออกให้อยู่ในความถี่เท่าๆ กันตลอดการขับขี่ จึงช่วยลดเสียงรบกวนไม่ให้ส่งผ่านไปยังห้องโดยสาร ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่มากยิ่งขึ้น และเป็นที่มาในการตั้งชื่อยางรุ่นใหม่ในตระกูลไพรมาซี่นี้ว่า ST ซึ่งย่อมาจาก Silence Tuned


เทคโนโลยี CushionGuard ที่ผสมผสานสูตรเนื้อยางพิเศษให้ความยืดหยุ่นสูงโดยได้รับการต่อยอดจากยางรุ่นก่อนจะช่วยซึมซับแรงสั่นสะเทือน และเมื่อทำงานร่วมกับแก้มยางที่มีความนุ่มแต่มั่นคงสามารถดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนนได้เป็นเยี่ยม ส่งผลให้การขับขี่นุ่มนวลและมั่นคงสูงสุด


เทคโนโลยี StabiliGrip และ FlexMax ช่วยให้ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที มีระยะเบรกบนถนนเปียกสั้นกว่ายางรุ่นก่อนหน้านี้ 1.6 เมตร* และ 2.9 เมตร* เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของยางคู่แข่งชั้นนำ
อีกทั้งหน้าสัมผัสที่ใหญ่ขึ้นของยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที จะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานยาวนานกว่ายางรุ่นเดิมถึง 25%


หลังจากที่เข้าฟังถึงเทคโลยีที่ได้รวมเอาเข้ามาในยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที เราแล้วกันเรียบร้อยเข้าสู่งานเลี้ยงในช่วงค่ำก่อนที่จะแยกย้ายกันพักผ่อนเตรียมพร้อมในการทดสอบยางในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเราออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่สนาม โบนันซา อินเตอร์เนชั่นเนล สปีดเวย์ เพื่อทำการทดสอบยางกันโดยการทดสอบยางในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 สถานี ประกอบด้วย Noise & Comfort, Dry Safety, Wet Safety และ Scenic Drive


สถานีแรก Noise & Comfort เป็นการทดสอบในเรื่องของความนุ่มเงียบและเสียงของยางว่านุ่มและเงียบแค่ไหน โดยในสถานีนี้ใช้รถ โตโยต้าคัมรี่ 2 คันโดยคันแรกใส่ยาง ไพรมาซี่ 3 เอสที ส่วนอีกคันใส่ยางของคู่แข่งเป็นยางนำเข้าจากญี่ปุ่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ขนาด 215/55 R17 โดยมีเส้นเคเบิลวางขวางอยู่บนถนนเพื่อให้รับรู้ในช่วงที่วิ่งผ่านนั้นยางอันไหนมีความนิ่มนวลมากกว่ากันและฟังเสียงด้วยว่าอันไหนเงียบกว่ากัน ถึงตรงนี้บอกได้ว่าความนิ่มนวลนั้นตัวมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสทีทำได้ดีกว่าแต่ส่วนเรื่องความเงียบนั้นบอกไม่ได้เต็มปากมากนัก แต่ว่าทางทีมงานนั้นมีอุปกรณ์วัดเสียงภายในรถซึ่งแสดงออกมาว่ามีความเงียบกว่าของคู่แข่ง


Dry Safety สถานีนี้เป็นการขับบนพื้นแห้งซึ่งมีทั้งทางตรง การขับแบบสลาลม และทางโค้งซึ่งในการขับนี้ใช้ความเร็วไม่เกิน 70 กิโลมตรต่อชั่วโมงซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดนั้นคือวงเลี้ยวของพวงมาลัยและการออกแรงในการบังคับพวงลัยเมื่อมีการเปรียบเทียบกับยางของคู่แข่งนั้น มิชลิน ไพรมาซี่ 3เอสทีทำได้ดีกว่า วงเลี้ยวเมื่ออยู่ในโค้งนั้นหักพวงมาลัยน้อยกว่าใช้แรงน้อยกว่าควบคุมรถได้ง่ายกว่าทั้งที่ใช้ความเร็วเท่ากัน


Wet Safety ด่านนี้ตามชื่อที่บอกเลยครับเป็นการขับขี่บนพื้นเปียกโดยขับผ่านโค้งที่เปียกติดต่อกันถึงสามโค้งเพื่อทำความเร็วเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนไปถึงประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนจะถึงช่วงทดสอบเบรก เมื่อได้คำสั่งให้เบรกเราก็เบรกอย่างเต็มแรงจนรถหยุดนิ่งเพื่อดูระยะเบรกจากเครื่อง Drift Box ว่าเราใช้ระยะเบรกเท่าไร ซึ่งผลที่ออกมานั้นก็สั้นกว่าของคู่แข่งอยู่พอสมควร


Scenic Drive ด่านนี้เป็นการออกไปขับรถบนถนนจริงระยะทางเกือบ30กิโลเมตร โดยขับรอบๆเขาใหญ่ซึ่งถนนนั้นมีเกือบทุกสภาพไม่ทางลาดยาง ถนนปูน ถนนขรุขระ เรียกว่าได้ลองทุกเทคโนยีที่มีอยู่ในยางเกือบทั้งหมด สิ่งที่เห็นชัดรู้สึกได้นั้นคือความนุ่มของยาง เมื่อขับรถเสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯกันในช่วงเย็นวันนั้นเลย


มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสทีนั้นจัดประเภทยางคอมฟอร์ต ซึ่งหลายท่านอาจจะเคยได้ยินมาว่ายางที่นุ่มเงียบนั้นอาจจะต้องแลกกับการยึดเกาะที่ด้อยลงไปหน่อยมาวันนี้มิชลินทำให้เห็นแล้วว่ายางนุ่มและเงียบก็มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะที่ดีได้ หากใครสนใจก็แวะไปได้ที่ร้านยางชั้นนำเลยครับ

##############################################

premsak@caronline.net

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts