Categories: รถใหม่

Review :Test Drive:ทดสอบ:ทดลองขับ MITSUBISHI Pajero Sport 2013 :มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2013


เกือบจะลืมไปแล้วว่าเจ้ามิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เปิดตัวมานานแค่ไหนเพราะเห็นปริมาณรถนั้นออกในท้องถนนมากโขจนเมื่อกลับไปเช็คดูยอดขายจากการเปิดตัวเมื่อเดือน สิงหาคม 2551 จนถึงสิ้นปีที่ผ่านมานั้นมียอดขายรวมที่สูงถึง 62,288 คัน
จนเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมขับเจ้าปาเจโร สปอร์ต โมเดลปี 2013แบบชิวกับเพื่อนน้องพ้องพี่กันแบบกลุ่มเล็กๆ โดยเริ่มเดินทางจากสำนักงานใหญ่ของมิตซูบิชิที่แถวนวนครตามธรรมเนียมครับเมื่อเดินทางมาถึงนั้นก็ต้องฟังบรรยายข้อมูลของรถและเส้นทางกันก่อน


สิ้นเสร็จกระบวนความก็เดินไปที่ปาเจโร สปอร์ต โมเดลปี 2013 หากมองภายนอกนั้นจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรแต่สิ่งที่ทางมิตซูบิชินั้นปรับเปลี่ยนจะเป็นภายในตัวรถซะมากกว่าโดยเน้นอารมณ์สปอร์ตให้กับรถด้วยการตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ จัดการโยนสัมภาระขึ้นบนรถในด้านหลังพื้นที่วางข้าวของนั้นก็ยังเหลืออีกเยอะเพราะผู้ร่วมเดินทางในรถคันนี้อีกท่านนั้นเอาข้าวของไว้ในรถเรียบร้อยแล้ว
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้สามารถตอบการใช้งานด้วยเบาะนั่งแบบ 3 แถว รองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ถึง 5 รูปแบบเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถแยกพับพนักพิงแบบ 60:40 เบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งสามารถแยกพับแบบ 50:50 ราบกับพื้นห้องโดยสาร เพื่อให้เก็บสัมภาระด้านหลังรถที่มากขึ้น พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ให้ความเย็นทั่วทั้งรถ


อ้อลืมบอกไปครับครั้งนี้ได้ขึ้นไปควบปาเจโร สปอร์ต ขับเคลื่อนสองล้อตัวท็อป ก่อนออกเดินทางก็ปรับเบาะให้เข้าที่เข้าทางซึ่งการปรับนั้นควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดึงเข็มขัดมาคาดพร้อมเดินทาง จุดหมายแรกนั้นคือร้านอาหารบ้านไม้ชายน้ำแถวปากช่องระยะทางนั้นร้อยกว่ากิโลเมตรซึ่งถนนช่วงที่ออกจากพหลโยธินสู่ถนนมิตรภาพนั้นส่วนใหญ่เป็นทางตรงมีโค้งบ้างทางชันบ้างแต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับปาเจโร สปอร์ตเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร DI-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมท่อร่วมไอดีแบบทวิน อินเทคแมนิโฟลด์ ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาทีทำงานพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVECS II พร้อม Sportronic สามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบการขับขี่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างเหมาะสมและทำให้ประหยัดน้ำมัน พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift บางช่วงนั้นไม่อยากเหยียบคันเร่งก็ใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) ที่อยู่บนพวงมาลัย


ความรู้สึกในการขับขี่นั้นยังเหมือนเดิมจากการที่ได้เคยลองขับเมื่อนานมาแล้ว อัตราเร่งต่างๆยังตอบสนองได้ดีตามจังหวะการเหยียบคันเร่ง บางช่วงนั้นนึกสนุกกดคันเร่งลงจนมิดมีการดึงให้หลังติดเบาะพอให้สนุกอยู่บ้างขับกันมาช้าบ้างเร็วบ้างตามโอกาสเอื้ออำนวย ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงร้านอาหารแม้จะเป็นวันธรรมดาแต่คนที่เดินทางมายังร้านบ้านไม้ชายน้ำก็มีคนแน่นร้านอยู่ หลังจากรับประทานเสร็จแล้ว
จุดหมายต่อไปนั้นคือที่พักของเราในค่ำคืนนี้แถววังน้ำเขียว เราวิ่งย้อนกลับมาจากปากช่องมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่โดยใช้ถนนธนะรัตน์วิ่งออกไปทางเขาแผงม้าจากถนนสี่เลนเหลือสองเลนสวนทางนั้นเริ่มคดเคี้ยวและมีโค้งอยู่เป็นระยะ การควบนั้นแม้จะต้องใช้ทักษะและประสบการณ์แต่หากรถนั้นการเช็ตพวงมาลัยและช่วงล่างไม่ดีนั้นก็มีเหนื่อยเหมือนกัน ปาเจโร สปอร์ตนั้นใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระแบบดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทรีลิงค์ ทอคล์อาร์ม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร ให้ความรู้สึกมั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้งช่วงล่างนั้นไม่นิ่มและกระด้างให้ความรู้สึกกำลังดีกระเทือนไม่มากคณะของเราแวะพักและถ่ายรูปริมอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงก่อนเดินทางกันต่อ
ระยะทางที่จะไปถึงที่พักนั้นก็มีฝนโปรยปรายลงมาจึงทำให้ได้ลองระบบใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัตินับว่าให้ความสะดวกสบายดีซึ่งในตัวปาเจโร สปอร์ต นั้นยังมีอุปกรณ์อำนวยความอีกมากไม่ว่าจะเป็นระบบกล้องมองหลังขณะถอยจอดที่แสดงภาพบนจอที่ติดตั้งไว้ในรถพร้อมสัญญาณกะระยะจอดขณะถอยหลังแบบ 4 จุด


ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์และหลอดไฟ HID พร้อมระบบปรับระดับไฟหน้าอัตโนมัติและระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติตามสภาพแสงภายนอก
ระบบความบันเทิงที่ให้เครื่องเล่น DVD,VCD,CD MP3 พร้อมพร้อมช่องต่ออุปกรณ์ USB สามารถเชื่อมต่อ iPod / iPhone และจอภาพด้านหน้าแบบหน้าจอสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอภาพแอลอีดี (LED) แบบ WIDE Screen ขนาด ใหญ่ 10.2 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลังซึ่งเจ้าจอแบบสัมผัสเนี่ยอยากจะบอกว่าใช้งานยากอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะผมเท่านั้นถามไถ่เพื่อนๆร่วมคณะได้ความเช่นเดียวกันยิ่งในตัวขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีระบบนำทางด้วยนั้นยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่แต่หากได้ใช้อยู่นานกว่านี้คงใช้งานได้คล่องขึ้น เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจกับระยะทาง 250 กิโลเมตรในการเดินทางของผมในครั้งนี้เพราะขากลับเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้ขับมาเป็นผู้โดยสารบ้าง
ทิ้งท้ายกับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
รุ่น 4wd เติมไป 52.702 ลิตร บนระยะทาง 509.8 กม.
รุ่น 2wd เติมไป 50.352 ลิตร บนระยะทาง 524.7 กม.

ลองไปคำนวณกันดูนะครับสวัสดีปีใหม่ครับ

################################################

เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ เก๋ป้ายแดง

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts