หลังจากการเปิดตัวอย่างรถอีโคคาร์ที่ทำยอดขายอย่างถล่มทลายของค่ายซูซุกินั้นคือ สวิฟท์ ที่หลายคนได้จับจองเป็นเจ้าของแล้วหลายคนที่เข้าคิวเฝ้ารอรถนานถึงกว่าจะได้รับเดือนมีนาคมปี 57 เรียกว่ารอกันข้ามปีกันเลยทีเดียว
มาคราวนี้ได้รับเชิญให้ไปทดลองขับรถ mini mpv แบบสามแถว 7 ที่นั่งนั้นคือ Suzuki Ertiga โดยคราวนี้เดินทางกันกลุ่มเล็กไม่ใหญ่เกือบ 20 คน ซึ่งทางซูซูกิได้จัดรถไว้ทั้งหมด 4 คันเป็นรุ่นท็อปกับรองท็อปซึ่งทั้ง 5 คันนี้เป็นเกียร์อัติโนมัติทั้งหมด จะแตกต่างกันแค่อุปกรณ์ของรถที่ไม่เหมือนกันในบางอย่างเท่านั้น ในส่วนเครื่องยนต์และช่วงล่างนั้นเหมือนกันทุกระเบียบเป๊ะ
ทางทีมงานได้นัดเจอพวกเรากันที่โชว์รูมประเวศซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของรถยนต์ซูซูกิ เมื่อคณะพร้อมแล้วเราก็เริ่มออกเดินทาง โดยรถ 1 คันนั้นมีผู้โดยสารกันทั้งหมด 4 คนซึ่งจะสลับสับเปลี่ยนทำหน้าที่พลขับกันตามจุดแวะพักระหว่างทาง เส้นทางที่เราใช้กันในครั้งนี้คือจากโชว์รูมประเวศ-พัทยา แล้วย้อนกลับมายังโชว์รูมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร นั้นไม่มากไม่มายขับกันเรื่อยๆ แต่ก่อนที่จะเดินทางนั้นเราก็มาดูข้อมูลของตัวรถกันก่อนซะเล็กน้อย
Suzuki Ertiga นั้นได้มีการพัฒนาต่อยอดมาจากเจ้า Swift โดย Platform ที่นำมาใช้นั้นเซ็ตให้มีความทนทานและมีน้ำหนักให้เบาลง โดยมีมิติตัวถังยาว 4,265 มม.กว้าง 1,695 มม.สูง 1,685 มม.มีความยาวฐานล้ออยู่ที่ 2,740 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 5.2 เมตร เอาคร่าวๆเท่านี้ก่อนแล้วกัน ผมอยากจะไปลองสัมผัสตัวรถบ้างแล้ว
แน่นอนครับรับกุญแจมาก่อนเลยผมต้องทำหน้าที่เป็นมือแรกในการขับขี่ครั้งนี้ ปรับเบาะและตำแหน่งที่นั่งให้เข้าที่เข้าทางพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยในส่วนของผมซึ่งเป็นคนขับส่วนผู้โดยสารที่เหลือนั้นก็คาดด้วยกันทุกที่นั่งไม่ใช่เฉพาะผู้นั่งด้านหน้าเท่านั้น แถวสองก็คาดด้วยเพื่อความปลอดภัย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่พัทยาโดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ Suzuki Ertiga ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตรแบบ 4 สูบ 16 วาวล์ในรหัส K14B ที่ให้พละกำลังอยู่ที่ 95 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาทีแรงบิดอยู่ที่ 130 นิวตันเมตรที่ 4,000รอบต่อนาที มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันVariable Valve Timing (VVT) หากจะแค่ขนาดความจุและแรงม้าอาจจะดูว่าน้อยไปหน่อยแต่อย่างที่ผมเคยพูดบ่อยๆว่าอย่าดูถูกว่าเครื่อง ซีซี น้อยแล้วมันจะวิ่งดีหรือเปล่านั้น อยากบอกว่าเทคโนโลยีของเครื่องยนต์นั้นพัฒนาไปได้ไกลมากแล้วเท่าที่ลองทั้งขับแบบปกติถือว่ามีการตอบสนองของเครื่องจัดอยู่ในขั้นดีเลยหากดูจากรูปทรงของรถและน้ำหนักบรรทุกของผู้โดยสารและสัมภาระที่บรรทุกกันไปเกือบ 400 กิโลกรัมก็ไม่ถือว่าอืดแต่อย่างใด แถมยังทำความเร็วได้เกินกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกคุณคุณยังจะเถียงว่าเครื่องเล็กไม่วิ่งกันอีกหรือ
การควบคุมพวงมาลัยน้ำหนักอาจจะเบาไปหน่อยวงเลี้ยวอาจจะยังไม่ถึงขั้นเฉียบคมแต่ไว้ใจได้ การทรงตัวและความยึดเกาะถนนของรถนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นของ Suzuki Ertiga เพราะการออกแบบให้มีความกว้างและความยาวฐานล้อให้กว้างและยาวขึ้นจึงทำให้การขับขี่มั่นใจตลอดเส้นทางการเดินทางในการขับเข้าโค้งได้นิ่ง แต่อาจจะมีการโคลงตัวบ้างตามรูปแบบของรถประเภทนี้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ การเปลี่ยนเกียร์นั้นไม่มีอาการกระตุกหรือกระชากให้เห็นเบรกนั้นเป็นแบบหน้าดิสก์หลังดรัมพร้อม ABS และ EBDขับพอกำลังสนุกก็ต้องย้ายตัวเองมานั่งฝั่งข้างคนขับบ้างแล้ว ช่วงนี้เลยกลายเป็นช่วงสำรวจข้าวของภายในรถกันบ้าง
ภายในนั้นให้เครื่องเล่น CD 2DIN, MP3, USB เครื่องปรับอากาศนั้นมีช่องแอร์ทั้งแถวหน้าและบนหลังคาในแถวสองช่องมีช่องแอร์อยู่ถึง 4 ช่องกันเลย ส่วนเบาะนั่งนั้นวัสดุที่ใช้ให้มีความหนานุ่ม นั่งสบาย และยืดหยุ่นรับกับสรีระของผู้นั่ง
ส่วนการเข้าและออกในแต่ละที่นั่ง สามารถทำได้ง่าย โดยเฉพาะแถวที่ 3 ใช้ระบบ One touch walk-in เพียงการสัมผัสแค่ครั้งเดียว โดยดันคันโยกขึ้น พนักเก้าอี้จะเอนตัวลง และเลื่อนมายังด้านหน้าอย่างง่ายดาย สามารถเข้าถึงที่นั่งแถว 3 ได้อย่างสะดวก
การปรับเปลี่ยนเบาะเพื่อใช้พื้นที่ภายในห้องโดยสารนั้นมีการปรับเบาะที่นั่งได้หลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารได้หลากหลายและยังสามารถปรับรูปแบบเบาะเพื่อรองรับจำนวนและขนาดของสัมภาระได้ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกหลายคนหรือครอบครัวที่ต้องการขนสัมภาระไปแบบเยอะๆในคราวเดียวกัน
หากใครกำลังเล็งรถประเภทนี้อยู่ขอบอกว่าต้องไปลองขับกันดูส่วนผมเท่าที่ลองขับในช่วงสั้นๆนั้นมีความประทับอยู่พอควรและหากเทียบราคากันดูแล้วคุณผู้อ่านก็ไม่ควรมองข้ามคันนี้ไปนะครับ
##############################################
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ susuki
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…