นิสสัน ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบการขับขี่ นิสสัน นาวารา ใหม่ ในสไตล์เที่ยวแคมป์ปิ้ง จากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทดสอบความแกร่งของ นิสสัน นาวารา ที่ออกแบบมาให้เห็นถึงความแตกต่างจากรถปิคอัพรุ่นก่อนก่อนของนิสสัน
กิจกรรมครั้งนี้ตอกย้ำความยอดเยี่ยมของรถกระบะที่ ‘กล้า…เพื่อคนแกร่ง หรือ Driven by the Brave ที่นาวารา ใหม่ได้การยอมรับในด้านความแข็งแกร่งและความทนทานรวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่มีสไตล์ และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งภายนอกและภายใน
การเดินทางเริ่มต้นจากใจกลางเมืองกรุงเทพฯ มุ่งสู่จังหวัดกาญจนบุรี ที่พวกเราได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลายทั้งบนถนนทางหลวง และแบบ ออฟโรด
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ในพวกเราได้เดินทางด้วยนิสสัน นาวารา ใหม่ ถึงสามรุ่น ได้แก่ รุ่นท็อปอย่าง Double Cab VL และรุ่นตกแต่งพิเศษ Double Cab PRO-4X กับ Double Cab PRO-2X
ด้วยการออกแบบ ภายใต้แนวคิด “Unbreakable” ที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ของรถกระบะของ นิสสัน นาวารา ใหม่
โดดเด่นด้วยกระจังหน้า แบบ ‘Interlock’ ใหม่ และไฟหน้าแอลอีดี 4 ดวงคุณภาพสูงรูปทรงสี่เหลี่ยม (Ice-Cube) พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน หรือ Daytime Running Lights
เสริมด้วยไฟท้ายแอลอีดีแบบชิ้นเดียว ที่ทำให้ได้ลุคที่ดุดัน ทนทานมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นิสสัน นาวารา ยังพร้อมบรรทุกสัมภาระหนักด้วยโมโนเฟรมแชสซี ที่ทำจากเหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคันแบบ Fully-Boxed Frame ที่มีชื่อเสียงของนิสสัน
นอกจากนี้ นาวารา ใหม่ ก็มาพร้อมการปรับปรุงระบบพวงมาลัยที่เพิ่มคล่องตัวสูงในการควบคุมทั้งการขับขี่ในเมืองและในย่านความเร็วสูง
ด้านการตกแต่งภายในของ นาวารา ใหม่ ได้เสริมความสะดวกสบายขณะเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งคู่หน้าที่ออกแบบด้วยนวัตกรรม Zero Gravity ทำให้สามารถรองรับกับแนวกระดูกสันหลัง ตามหลักสรีรศาสตร์
และที่นั่งตอนหลังที่ดูทันสมัย และเสริมความนุ่มสบาย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย รวมถึงยังเพิ่มความสะดวกด้วยที่วางแขนและแก้วน้ำด้านหลังอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น นิสสัน นาวารา ใหม่ ยังสามารถเชื่อมต่อทุกแพลตฟอร์มความบันเทิงตลอดการเดินทาง
ด้วย NissanConnect ระบบที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน (ผ่านระบบ Apple CarPlay และ Android Auto*) เข้ากับระบบสื่อสาร ระบบนำทาง และระบบเครื่องเสียง ซึ่งสามารถควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว หรือผ่านระบบจดจำและสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition system)
รวมถึงยังเพิ่มเติมความปลอดภัยให้อุ่นใจตลอดการเดินทาง ผ่านบริการ Connected Car Services ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ TCU (Telematics Control Unit) ที่ติดตั้งภายในรถยนต์ และฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ อาทิ การแสดงพิกัดรถยนต์ สถานะรถยนต์ การช่วยเหลือฉุกเฉิน
รวมถึงยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์ไฟฟ้าผ่าน USB Port (Type C)
ในแผงควบคุมด้านหน้าได้อีกด้วย
หลังจากเดินทางผ่านถนนเส้นหลักและรองจากกรุงเทพฯ ถึงกาญจนบุรี การเดินทางครั้งนี้เริ่มเร้าใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อคาราวานเริ่มเดินทางเข้าสู่เส้นทางแบบออฟโรด ที่ทั้งสูงและชันทางสันเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่ง นิสสัน นาวารา ใหม่ ก็สามารถแสดงสมรรถนะได้อย่างเต็มที่ ทั้งความแรงของเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) ให้แรงบิดสูงสุดถึว 450 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่ให้กำลังในการขับเคลื่อนสูง แต่ยังให้การประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การปรับปรุงระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ หรือ ground clearance ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถลุยขึ้นและลงเขาผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
สำหรับ นิสสัน นาวารา ใหม่ รุ่น Double Cab PRO-4X และรุ่น Double Cab VL มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4×4 (4WD) ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ Two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ Four-wheel drive ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ (จาก 2H เป็น 4H) ขณะที่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ Low range four-wheel drive หรือ 4LO ช่วยให้สามารถการขับขี่ไปได้แม้บนพื้นที่ทุรกันดาร อาทิ ทราย โคลน ลุยน้ำ ปีนขึ้นที่สูงชัน หรือลงในเส้นทางลาดชัน
นอกจากนี้ ยังเสริมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกับแนวคิดเพื่อการขับขี่ที่ ‘ลุยได้ทุกที่’ ของนิสสัน นาวารา
อีกมากมาย อาทิ ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ที่จะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวได้แม้ในที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H ขณะที่ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential ยังช่วยเสริมกำลังฉุดเมื่อขับขี่ในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูงในโหมด 4L รวมถึงเทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้รถไหลขณะออกตัว และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ที่จะคอยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ช่วยป้องกันไม่ให้รถไถล โดยใช้กำลังเครื่องยนต์ช่วยหน่วงความเร็วโดยไม่ต้องเหยียบเบรกช่วย
นิสสัน นาวารา ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและให้ความมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น อาทิ เทคโนโลยีกล้องมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน โดยกล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ ซึ่งช่วยให้การขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้น
และพิเศษขึ้นไปอีกสำหรับ นิสสัน นาวารา ใหม่ ที่เพิ่มระบบ Off-Road Mode ช่วยเพิ่มมุมมองขณะขับขี่ไปข้างหน้าในโหมด 4LO พร้อมทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ โดยจะปรากฏบนหน้าจอกลาง
นอกจากนั้นยังสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจจากระบบช่วงล่างและระบบกันสะเทือนที่ปรับจูนใหม่ให้ดีขึ้น ช่วยเสริมสมรรถนะและการทรงตัวรถขณะขับเข้าโค้งได้ในทุกเส้นทางโดยเฉพาะเส้นทางที่คดเคี้ยวบนภูเขา
และเสริมสมรรถนะกับรุ่น Pro 4X ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยาง All Terrain ของ Yokohama GEOLANDAR ที่ให้ผู้ขับขี่มั่นใจในการเดินทางทุกสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
หลังจากแคมป์ปิ้งกันอย่างจุใจแล้ว ตลอดเส้นทางกลับกรุงเทพฯ นิสสันนาวารายังลดกังวลจากการจราจรบนทางหลวง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยต่าง ๆ มากมายจาก “Nissan Intelligent Mobility” อาทิ ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าจากการขับขี่ (Intelligent Driver Alertness) ที่จะแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก เมื่อตรวจพบการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่หรือการหักเลี้ยว ระบบเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning) ที่จะเตือนผู้ขับขี่หากรถเคลื่อนออกนอกเลนโดยไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวกำกับ ในขณะที่เทคโนโลยีควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention) ที่จะช่วยหน่วงให้รถยนต์กลับไปที่
ช่องจราจรหากยังมีการเคลื่อนที่ต่อไป รวมถึงความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุกับรถคันอื่นที่เคลื่อนที่อยู่ในจุดอับสายตาขณะขับรถ เป็นต้น
ช่วงขับจริง
ซึ่งคันที่ขับในครั้งนี้ก็คือ NISSAN NAVARA VL Double Cab 4 WD
คันนี้ก็เป็นตัว ท็อปเดิมเดิม ซึ่งไม่มีชุดแต่งที่ดูดูดันและลุยเท่า 2 คันที่กล่าวมาข้างต้น
แต่ตัวนี้ก็ขับได้สนุกทั้งทางเรียบและทาง ออฟโรด เพราะขับได้ทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ
เครื่องยนต์ต่างๆก็เท่ากัน แต่ล้อของคันนี้จะเป็นล้อ แม็ก ขนาด 18 นิ้ว
เมื่อขึ้นขับครั้งแรก ก็ปรับที่นั่งให้เหมาะกับตัวเรา ที่นั่งของคันนี้จะปรับไฟฟ้า เลื่อนเข้าออกปรับสูงต่ำได้ มีที่ดันหลังไฟฟ้า
เบาะที่นั่งมีดันหลังด้วยก็เลยรู้สึกสบายเมื่อนั่งขับขี่
ทัศนวิสัยในการมองเห็นก็ดี แอร์ก็ปรับอุณหภูมิได้ ซ้าย-ขวา ไม่ต้องเกรงใจกัน
กระจกบานข้างทั้ง 2 บานดูกว้างขึ้น นั่งแล้วไม่อึดอัด
เมื่อปรับที่นั่งได้ที่แล้วก็ออกเดินทางกันเลย นั่งกันไปผู้หญิงสองคน แล้วก็วิ่งไปตาม แผนทีที่ขึ้นบนหน้าจอโดยลิ้งค์กับ ระบบ IOS และ Android
เดินทางออกจากถนนสาทรในช่วงเช้าการจราจรค่อนข้างหนาแน่น แต่ขับแล้วก็รุ้สึกถึงความคล่องตัว 190 แรงม้า แต่แรงบิดค่อนข้างเยอะ450 นิวตันเมตร และมาตั้งแต่รอบต่ำเลย ก็เลยไม่อืดอาด เหยียบปุ๊ปความเร็วก็มาเลย เกียร์ 7 สปีด ก็ไม่รู่สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์นะ
ขับไปขับมา นึกว่าขับรถเก๋ง ช่วงล่างนิ่มนวล อยู่บนถนนคอนกรีตจะรู้สึกนิ่มนวลมาก แต่ถ้าถนนขรุขระหรือลูกรังก็จะรับรู้ถึงสภาพถนน
ภายในรถเงียบนะ เร่งแซงแรงๆแทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เข้ามาในห้องโดยสาร ถ้าชอบเสียงก็จะรู้สึกว่าเร่งแล้วขาดความเร้าใจไปนะ
ความเร็วที่ขับมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเหยียบคันเร่งความเร็วก็มาอย่างต่อเนื่อง
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลดความเร็วลง เมื่อต้องตามคันหน้าที่ขับช้าอย่างเส้นทางบนเขาที่เป็น สองเลน เวลาจะแซงก็ต้องออกแรงเหยียบคันเร่งหน่อยนะ
การเกาะถนนบนทางที่เป็นเขาคดเคี้ยวเกาะถนนเนียนเลย แต่ถ้าได้บรรทุกของใส่ท้ายกระบะจะเข้าโค้งได้เนียนกว่านี้
นอกจากนั้นระบบความปลอดภัยต่างๆที่มากับรถที่สัมผัสได้ ก็คือเมื่อมีรถเข้าใกล้ ไฟตรงกระจกข้างก็จะกระพริบ หรือเมื่อขับออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวก้จะมีเสียงเตือนและไฟกระพริบ ซึ่งเราสามารถปิดเสียงได้
และเมื่อถอยรถเข้าที่จอดก็จะมีกล้องมองได้รอบทิศทาง ก็ปลอดภัยดี กล้องรอบทิศทางช่วยได้เยอะ
ถึงช่วงที่เราต้องขึ้นไปบนสันเชื่อนที่เชื่อนศรีนครินทร์ ถนนจะเป็นลูกรังและฝุ่น คันนี้ก็ขับขึ้นไปได้สบายๆ โดยไม่ได้ปรับเป็นแบบ 4 WD
ก็เป็นรถกระบะอีก หนึ่งคันที่ขับสนุก อุปกรณ์ความปลอดภัยพร้อม ถ้าชอบรถกระบะคันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคันที่น่าจับตามอง
ราคา ของคันนี้ รุ่น VL Double Cab 4 WD
1,129,000 บาท
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา (ผู้หญิงขับรถ)
อาลองของ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…