บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ผู้บริหารแบรนด์สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น สนองนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนน้ำมันดีเซล B10 พร้อมตอกย้ำคุณสมบัติ PTT UltraForce Diesel B10 นั้นคุณภาพสูง เทียบเท่าน้ำมันดีเซลปกติ ในราคาประหยัดกว่าน้ำมันดีเซลปกติ 2 บาท เตรียมเดินหน้าขยายให้ครอบคลุม 300 สถานีภายในสิ้นปี 2562 และตั้งเป้ามีนาคม 2563 ให้บริการครบทุกสถานีทั่วประเทศ
นายบุญมา พนธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากรายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาเห็นชอบให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานของประเทศไทย แทนน้ำมันดีเซล B7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยให้น้ำมันดีเซล B7 และ B20 กลายเป็นน้ำมันทางเลือก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ปัจจุบันพบว่าจำนวนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลมีประมาณ 10 ล้านคัน และเป็นรถยนต์ที่ค่ายรถยนต์รับรองว่าใช้ B10 ได้ประมาณ 5.2 ล้านคัน หรือครึ่งหนึ่งของรถดีเซลทั้งหมด โดยผู้ค้าน้ำมันที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมัน B10 มีความพร้อมและสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของภาครัฐ นโยบายดังกล่าว PTT Station ได้เตรียมแผนงานเพื่อรองรับ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 โดยนำร่องจำหน่ายน้ำมันดีเซล B10 เป็นเจ้าแรกที่ พีทีที สเตชั่น อีสต์เทิร์นซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี และมีแผนขยายสถานีบริการที่มีจำหน่ายเป็น 300 แห่งภายในปี 2562 และจะมีจำหน่ายที่สถานีบริการ PTT Station ทุกแห่งในเดือนมีนาคม 2563
“PTT Station เริ่มให้การสนับสนุนนโยบายภาครัฐเกี่ยวกับไบโอดีเซล ผ่านงานวิจัยสถาบันนวัตกรรม ปตท. นับตั้งแต่ปี 2543 และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล B2 ,น้ำมันดีเซล B5 ,น้ำมันดีเซล B20 และล่าสุดคือน้ำมันดีเซล PTT UltraForce Diesel B10 ซึ่งถือเป็นที่ PTT Station มุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งขยายยอดใช้ B 100 ผ่านการจำหน่าย B10 และ B20 เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรกรรมของไทย
ทั้งนี้ น้ำมันดีเซล PTT UltraForce Diesel B10 ใช้น้ำมัน B100 คุณภาพสูง ที่มีความบริสุทธิ์กว่า และได้รับการรับรองจากสมาคมรถยนต์ญี่ปุ่น (JAMA) อีกทั้งยังผสมสารเติมแต่งมาตรฐานเดียวกับน้ำมัน PTT UltraForce Diesel จึงมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับน้ำมันดีเซลปกติ (B7) เพราะมีสารเพิ่มค่าซีเทน ทำให้อัตราเร่งดี และผสมสารทำความสะอาด ป้องกันการอุดตันของหัวฉีด ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี คืนกำลังให้กับเครื่องยนต์ รองรับทั้งรถรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กและกลาง ที่สำคัญยังมีความคุ้มค่าเพราะมีราคาถูกกว่าถึง 2 บาทต่อลิตร
ประการต่อมา PTT UltraForce Diesel B10 ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะช่วยลดควันดำได้ถึง 42% และช่วยลด PM 2.5 ได้กว่า 300 ตันต่อปี ที่สำคัญช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน สร้างความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก และลดการนำเข้าน้ำมันดิบ สร้างสมดุลให้เศรษฐกิจไทย
“สถาบันนวัตกรรม ปตท.ได้ทำการทดสอบสมรรถนะ PTT UltraForce Diesel B10 แล้วพบว่าไม่มีผลต่อเครื่องยนต์ที่เป็นชิ้นส่วนโลหะ พลาสติก ยาง ไม่ต่างจากน้ำมันดีเซลปกติ เช่นเดียวกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงและหล่อลื่นเครื่องยนต์ก็ไม่เกิดผลกระทบใดๆ และเมื่อทดสอบผ่านระบบ Dyno Test พบว่าค่ากำลังและแรงบิดเมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซล B7 ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยใกล้เคียงน้ำมันดีเซล B7 ที่ 12 กิโลเมตร/ลิตร”
นายบุญมา กล่าวเพิ่มเติมว่า PTT Station รับประกันในทุกการใช้งานของ PTT UltraForce Diesel B10 ว่าไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์ดีเซลแต่อย่างใด และเพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคผู้ใช้รถ รวมไปถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้งานน้ำมันดีเซล B10 PTT Station จึงได้ทำโปรโมชั่นพิเศษเพียงลูกค้าเติม PTT UltraForce Diesel B10 ได้ที่สถานีบริการตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2562 – 10 มกราคม 2563 ลูกค้าจะรับคะแนน PTT Blue card 10 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลดสูงสุด 50 สตางค์/ลิตร
“PTT UltraForce Diesel B10 ยังได้รับการรับรองคุณภาพการใช้งานจากค่ายรถชื่อดัง ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ โดยผู้ใช้รถดีเซลสามารถตรวจสอบรุ่นรถที่ใช้น้ำมัน PTT UltraForce Diesel B10 ได้จากเว็บไซต์ของกรมธุรกิจพลังงาน และสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่มี PTT UltraForce Diesel B10 จำหน่าย และเงื่อนไขการรับประกันได้ที่ www.pttor.com หรือโทร.1365 contact center
น้ำมันดีเซล B10 จะเป็นน้ำมันดีเซลฐานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ประชาชนสามารถเติมได้ที่ PTT Station ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ”
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…