NIO ชน Tesla ชิงความเป็นที่หนึ่งรถยนต์ไฟฟ้า
NIO เล็งกลุ่มเป้าหมายคนเมือง ลักษณะที่อยู่อาศัยไม่เอื้ออำนวยในการชาร์ครถไฟฟ้าในโรงรถ ออกแบบรถที่ถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 5 นาที
ในส่วนของ Testa เองก็เคยทดลองออกแบบรถตนให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ แต่พับโครงการไปโดยเชื่อว่า ระบบเติมไฟความเร็วสูงหรือ Supercharger ตอบโจทย์แล้วต่อความต้องการของผู้ใช้งานแม้จะต้องรอกว่าชั่วโมงก็ตาม
อย่างไรก็ดี ในช่วงแรกของก็พัฒนา NIO ก็ประสบปัญหาการเงินถึงขั้นขนาดรัฐบาลจีนต้องกระโดดเข้ามาอุ้ม หลังจากนั้นหุ้นของ NIO หรือ NIO Limited (NYSE:NIO) ก็ทยานขึ้นไม่หยุด โดยมีมูลค่าแซงหน้า GM ไปแล้วเมื่อสิ้นปี 2020
NIO มีระยะการต่อการชาร์คเต็มหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ถึงกว่า 400 กิโลเมตร และใช้เวลาต่อการเปลี่ยนแบตเตอรี่เร็วกว่ารถทั่วไปที่เข้าเติมน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีบริการเรียกมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ตามจุดนัดหมายอีกด้วย
อย่างที่ทราบดีว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ยังลังเลที่จะตั้งมาตรฐานแบตเตอรี่ให้รถยนต์ทุกคันในท้องตลาดให้ใช้แบตเตอรี่อย่างเดียวกัน ด้วยสาเหตุที่แบตเตอรี่ยังมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง อาจจะเล็กลง เบาขึ้นซึ่งยังไม่ลงตัวทำให้การตั้งมาตรฐานอุตสาหกรรมทำได้ลำบาก
ทั้งนี้ทั้งนั้น NIO ตั้งมาตรฐานแบตเตอรี่ของตนให้รถที่คันที่ตนผลิตใช้แบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน สามารถเปลี่ยนใช้กันได้ โดย NIO ให้โอกาสผู้ใช้เลือกที่จะเช่าใช้โดยไม่ซื้อแบตเตอรี่ที่ราคาสูงถึง $10,000 หรือราว 300,000 บาท โดยจะให้ส่วนลด 20% ถ้าซื้อพร้อมแบตเตอรี่
ผู้ใช้ที่เลือกเช่าใช้แบตเตอรี่รายเดือน ก็จะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนราว $150 หรือราว 4,500 บาทแลกกับการใช้สถานีบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่กระจายอยู่ทั่วไปในประเทศจีน
แม้สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ยังเป็นรอง Supercharger ของ Tesla แต่เชื่อได้ว่า NIO จะได้รับตัวช่วยทางนโยบายจากรัฐบาลจีนที่กำหนดทิศทางธุรกิจรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดและประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ทางภาษี
Tesla เองก็ทุ่มลงทุนในจีนอย่างไม่หยุด ยอดขายของ Tesla นำ NIO อย่างท่วมท้นโดย Tesla พยายามใช้การลงทุนในการโน้มน้าวรัฐบาลจีนในสนับสนุนธุรกิจในแนวทางของตนทำให้การแข่งขันครั้งนี้น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
การคงอยู่ของ Tesla จะเป็นส่วนหนึ่งซึ่งทำให้เห็นว่าโอกาสของบริษัทที่ไม่ใช่สัญชาติจีนที่จะเจาะตลาดโดยรัฐบาลจีนจะไม่เข้าแทรกแซงยังมี แต่การก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้าของบริษัทรถไฟฟ้าน้อยใหญ่ด้วยการสนับสนุนและมาตรการต่าง ๆ จากรัฐบาลจีนก็อาจส่งสัญญานอีกทางหนึ่ง แต่ไม่ว่าทางใดผลประโยชน์ต่าง ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจีน