หลังจากการเปิดตัวไม่นานของซีดานระดับหรูที่ขายดิบขายดีแบบต่อเนื่องจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันที่ได้มีการเปิดตัวมาถึงสี่รุ่นจนล่าสุดเป็นรุ่นที่ห้านั้นคือ โตโยต้าคัมรี่ใหม่ ที่ได้เปลี่ยนรูปลักษณะจากโค้งมนมาเป็นแบบมีเหลี่ยมมีมุมดูแปลกตาแต่ยังคงซ่อนความหรูหราไว้ภายใน
นัดหมายของการทดสอบในครั้งนี้มีการแบ่งการทดสอบออกเป็นสองทริปซึ่งทางผมนั้นอยู่ในทริปแรกเดินทางก่อน ซึ่งทริปแรกนั้นประกอบไปด้วยพี่ๆน้องๆจากสื่อต่างๆรวม 24 คน เราออกเดินทางจากโรงแรมเรเนซองซึ่งรถทดสอบที่เป็น โตโยต้าคัมรี่ใหม่มีทั้งหมด 6 คัน โดยหนึ่งคันนั่งสองคนส่วนอีก 12 คนที่เหลือนั้นให้ขับโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ตามไปอีกสามคันโดยแบ่งออกเป็นสี่ช่วงสองวัน
เส้นที่เราวิ่งกันนั้นช่วงแรกออกจากโรงแรมแล้วขึ้นทางด่วนลงถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสู่หัวหินแวะเปลี่ยนคนขับที่ปั้ม ปตท.วังมะนาว
ช่วงที่สองออกจาก ปตท.วังมะนาวมุ่งหน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลหัวหินโดยวิ่งเข้าเส้นบายพาสแล้ววนเข้าโรงแรมเป็นอันจบการเดินทางวันแรก
ช่วงที่สามโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลหัวหินมุ่งสู่ร้านแดง ซีฟู๊ด
ช่วงสุดท้ายร้านแดง ซีฟู๊ดถึงโรงแรมเรเนซอง
หลังจากฟังเส้นทางที่เราจะใช้กันในทริปนี้ก็ลงมาพร้อมกันที่รถเพียงแค่ผมลงที่รถฟอร์จูนเนอร์ช้าไปนิดเดียวตำแหน่งภายในรถที่เหลืออยู่นั้นก็คือหลังพวงมาลัยเป็นอันว่าผมต้องทำหน้าที่พลขับไปโดยปริยายซึ่งการขับขี่ฟอร์จูนเนอร์นั้นคงจะไม่เล่าบอกแค่ว่ายังเหมือนเดิม
เรามาดูรายละเอียดตัวรถของโตโยต้าคัมรี่กันดีกว่าว่ามีอะไรยังไงบ้างก่อนที่ผมจะได้สัมผัสตัวเป็นๆแบบเต็มๆในครั้งนี้เริ่มจากเครื่องยนต์รุ่น 2.5 G 2AR-FE DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i 2,494 ซีซี181แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 231 นิวตัน-เมตร/4,100 รอบต่อนาทีส่งผ่านกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Sequential Shiftมาตรฐานไอเสียยูโร 4 และรองรับการใช้น้ำมัน E20พร้อมด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง ด้านหลังแบบ ดูอัลลิงค์สตรัท ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS)
รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบใหม่ไม่ว่าจะเป็น กันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้า ดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ HID พร้อมระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ชุดไฟท้าย พร้อมไฟตัดหมอกหลัง
กระจกมองข้างแบบ Wide View ด้านหลังช่วยให้มองได้ชัดได้เจนยิ่งขึ้นด้วยเลนส์ที่ให้ภาพมุมกว้าง พร้อมเทคโนโลยีไฮโดรฟิลิกซ์ ที่ช่วยลดการเกาะตัวของหยดน้ำบนกระจก
ล้ออัลลัอยขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่ 10ก้าน พร้อมยางขนาด 215/55 R17 (ในรุ่น 2.5G)
ภายในตกแต่งดูหรูหราตามแบบฉบับของ คัมรี่ ที่มาในสีเบจ พร้อมลายไม้สีน้ำตาลแดง พนักพิงศีรษะผู้โดยสารด้านหน้า ปรับตำแหน่งสูง-ต่ำ และพับลงต่ำได้
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ดีไซน์ใหม่ ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง – จอแสดงข้อมูลรวม – ระบบเชื่อมต่อ Hands-free แบบไร้สาย Bluetooth
เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า ปรับระดับ 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า
ชุดเครื่องเสียงเป็นเครื่องเล่น DVD 1แผ่น แบบหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1นิ้ว 6 ลำโพง
พร้อมระบบปรับอากาศแบบ Dual Auto ระบบปรับอากาศแบบแยกควบคุมระดับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา ได้ตามความต้องการ พร้อมช่องส่งผ่านความเย็นสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง
ต้องบอกว่ากว่าจะได้ขับนั้นต้องถึงช่วงหลังรับประทานอาหารเที่ยงในวันกลับจากร้านแดงมุ่งสู่ กทม.แต่ก็ดีเหมือนกันที่จะได้รับโอกาสเป็นผู้โดยสารบ้างแต่น่าเสียดายที่ลืมย้ายตัวเองลงไปนั่งด้านหลังในแบบผู้บริหารบ้างเลยไม่สามารถบอกได้ว่าด้านหลังนั้นนั่งสบายแค่ไหน
แต่เท่าที่ได้นั่งข้างคนขับนั้นบอกได้คำเดียวว่ารถเซ็ตช่วงล่างมาในแบบนิ่มถึงนิ่มมากเหมาะแก่การนั่งด้านหลังมากหากคุณเป็นคนที่ชอบรถที่มีช่วงล่างที่ทำเป็นแบบคอมฟอร์ทแต่สำหรับผมนั้นคิดว่ามันนิ่มไปชอบแบบกระด้างนิดๆ
ได้เวลาย้ายมานั่งอยู่หลังพวงมาลัยทำหน้าที่ซะทีเริ่มทำความคุ้นเคยกับเจ้า คัมรี่ สักพักพอเริ่มคุ้นชินแล้วผมออกอาการซนเล็กน้อยลองกดคันเร่งรถก็พุ่งทะยาน ไม่น่าเชื่อว่าอัตราเร่งนั้นวัยรุ่นอย่างผมเรียกว่าตัว จี๊ดเลยเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรทำงานพร้อมระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 จังหวะนั้นเข้าขากันได้ดีมากการเปลี่ยนเกียร์นิ่มนวลดีช่วงล่างแม้ว่าจะนิ่มแต่การยึดเกาะทำได้ดีเกินกว่าที่คิดไว้ไม่ผิดหวังสำหรับรถหรูหราแบบนี้เสียแต่น้ำหนักพวงมาลัยมันเบาไปซะหน่อยถ้าหนืดหรือหนักกว่านี้ก็น่าจะดีแต่ความแม่นและเฉียบคมนั้นมีอยู่ไว้ใจได้ขับมาได้ไม่เท่าไรรถก็เริ่มเยอะจากการขับแบบซิ่งๆก็เปลี่ยนมาเป็นโหมดแบบประหยัดบ้าง
คัมรี่ใหม่ นั้นแผงไฟแสดงบนบริเวณมาตรวัดด้านขวาสุดคำว่า eco สีเขียวขึ้นมา พร้อมบอกระดับความประหยัดด้วยแถบเขียวที่สามารถขยับขึ้น-ลงได้ ตามที่เท้าคุณกด ซึ่งส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง แทบสีเขียวจะปรากฏค้างไว้เต็มระดับ นั่นหมายความว่า คุณกำลังวิ่งอยู่ในช่วงที่ประหยัดที่สุด
ส่วนในเรื่องของระบบความปลอดภัยนั้น คัมรี่ใหม่ ก็จัดมาเต็มความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS – Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ในทุกๆการเบรก ระบบจะปรับแรงดันน้ำมันเบรกทั้ง 4 ล้อให้เหมาะสมกับน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อ ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติในภาวะฉุกเฉิน ช่วยหยุดรถได้ในระยะสั้นที่สุด และปลอดภัยที่สุดแถมด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS และ โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA
ส่วนใครสนใจก็เดินไปโชว์รูมได้เลยราคาค่าตัวนั้นอยู่ที่ 1,499,000 บาท
#############################################################
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ toyota
พร้อมมอบแคมเปญ …