New Prius ไฮบริดแท้ที่ใครยากจะทัดเทียม
หากจะกล่าวถึงรถพลังงานทางเลือกที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มาจากมอเตอร์กับเครื่องยนต์ผสมผสานกันที่เรียกว่าระบบไฮบริดนั้นคงจะต้องนึกถึง โตโยต้า พรีอุส เป็นอันดับต้นๆ
แม้ในบ้านเราจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อกลางปีที่แล้วอายุก็ถึงเวลาที่จะต้องมีการแต่งหน้าทาปากหรือไมเนอร์เชนจ์ที่เราเรียกกัน มาดูกันดีกว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ที่เห็นเด่นมาแต่ไกลนั้นคือแผงโซลาร์บนหลังคารถที่ไม่ได้ติดมาให้ดูเท่ห์อย่างเดียวแต่จะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในการทำงานของพัดลมสำหรับระบายความร้อนออกจากห้องโดยสารขณะจอดกลางแดด เพื่อลดอุณหภูมิห้องโดยสาร ช่วยลดการทำงานของระบบปรับอากาศ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โตโยต้า นำมาใช้กับรถยนต์
กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟเลี้ยวด้านหน้าและไฟตัดหมอก ไฟหน้า ไฟท้ายเป็นแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ที่ใช้ยางในขนาด 195/65R15
ดูภายนอกรถแล้วก่อนที่จะเดินก้าวเข้ามาในรถผมก็กดรีโมทสั่งระบบปรับอากาศทำงาน(Remote Air-Conditioning System) ทำให้เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วเย็นสบายซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวของบ้านเรา
ได้เวลาเดินทางจุดหมายของเราในครั้งนี้ใกล้ๆไม่ไกลนักนั้นคือพัทยา ผมรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารก่อนทำให้มีเวลาสำรวจภายในตัวรถก่อน แผงคอนโซนมีการเปลี่ยนสีใหม่เน้นสีดำและเทาดูหรูหราขึ้น วัสดุที่ใช้นั้นก็สามารถนำมารีไซเคิลได้อีกซึ่งทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เครื่องเสียงที่ติดมาให้นั้นเป็นDVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วเล่น CD และไฟล์MP3ได้แถมด้วยระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายผ่าน Bluetooth เครื่องเสียงนั้นจัดเต็มโดยมีช่องเสียบ USB แล้วฟังเพลงผ่านลำโพง8 ตัวที่ขับผ่านเพาเวอร์แอมป์จาก JBL เสียงใช้ได้ดีเลย
เท่าที่นั่งเป็นผู้สารนั้นไม่รู้สึกอึดอัดเลยเบาะนั่งกระชับแต่รู้สึกว่าจะแข็งไปหน่อยสังเกตดูว่ารถนั้นคล่องตัวดีในการขับขี่ในเมืองที่รถค่อนข้างติดขัดการเปลี่ยนเลนนั้นทำได้ง่ายมาก
แล้วก็มาถึงเวลานั่งหลังพวงมาลัยกันซะทีออกจากจุดพักรถที่มอเตอร์เวย์กดปุ่มสตาร์ทแล้วด้วยความเคยชินก็ต้องกดปุ่มอยู่หลายรอบเพราะไม่ได้ยินเสียงเครื่อง จนเพื่อนร่วมเดินทางต้องบอกว่าติดแล้วเข้าเกียร์ได้เลย ทำไงได้ละครับก็เครื่องมันเงียบจริงๆนิครับ
เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้าพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังค์ชั่น มีระบบครุซคอนโทรล น้ำหนักพวงมาลัยเช็ตมากำลังดีไม่หนักและเบาจนเกินไป
เราสามารถดูจอแสดงผลที่อยู่ตรงกลางหรือ MID ว่าตอนนี้การทำงานในระบบไฮบริดจากใช้พลังงานจากไหนหรือจะเป็นการแสดงอัตราการสิ้นเปลืองของพลังงาน
แถมยังของเล่นใหม่นั้นคือระบบนำทางบนกระจกหน้า (Head-up Display)…จอแสดงผลบนกระจกหน้าสามารถเลือกแสดงผลได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น แสดงทิศทางการเดินทางตามข้อมูลจากระบบนำทาง (Navigator) แสดงมาตรวัดความเร็ว หรือแสดงผลการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ความรู้สึกในการขับขี่แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆประมาณร้อยกว่ากิโลเมตรและเป็นทางตรงซะเป็นส่วนใหญ่การควบคุมหรือเรียกว่า HANDLING ดีมาก มีความคมและแม่นยำ ช่วงล่างนั้นซับแรงได้ดีการสั่นในช่วงน่องกับช่องท้องนั้นมีน้อยมากแทบจะไม่รู้สึก
โหมดในการขับขี่นั้นมีสามรูปแบบแล้วว่าอยากจะขับแบบไหนหากจะนึกสนุกก็กดไปที่ปุ่ม PWR Modeระบบจะผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างเต็มที่
หรืออยากจะประหยัดก็นี้เลยโหมดการขับขี่ประหยัดน้ำมัน (ECO Mode) ระบบจะเลือกใช้กำลังในการขับเคลื่อน จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
และโหมดสุดโหมดการขับขี่เงียบสนิท (EV Mode) ระบบจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ให้การขับขี่ที่เงียบสนิท เหมาะสำหรับการเดินทางในบริเวณที่ใช้ความเร็วต่ำ
ซึ่งผมก็ได้ลองทั้งสามโหมดแล้วก็คงเดากันยากนะครับว่าผมจะชอบโหมดไหนก็จะต้องเป็น PWR โหมดเพราะว่ามันขับสนุกสุดอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราเร่งที่มาทันใจและความเร็วที่ทำได้นั้นก็ทะลุ 170 กม./ชม.
ระบบเบรกนั้นเป็นแบบไฟฟ้าต้องมีการปรับตัวซะเล็กน้อยเพราะแต่ละคนขึ้นมาแล้วเหยียบเบรกครั้งแรกนั้นมีหัวทิ่มกันแทบทุกคนเลยเพราะไม่ต้องใช้แรงเท่ากับเบรกปกติมันเบามากครับ
ระบบความปลอดภัยก็มีมาให้ครบทั้ง ABS EBD VSC TRC ที่พ่วงเจ้าถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน ซึ่งอยู่ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่าน 2 ตำแหน่ง และ เข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
พรีอุสนั้นถือว่าเป็นรถที่น่าใช้อีกคันไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่รักษสิ่งแวดล้อมตัวแม่หรือคนทั่วไปเพราะรถคันนี้ปล่อยมลภาวะออกมาน้อยมากถ้าหากคุณๆสนใจก็เดินไปที่โชว์รูมดูซึ่งจะมีทั้งหมดสามรุ่นได้แก่
1.8 Top Option ราคา 1,369,000 บาท
1.8 Top ราคา 1,299,000 บาท
1.8 Standard ราคา 1,199,000 บาท
แล้วขอลองขับดูคุณจะรู้ว่าผมไม่ได้พูดเกินเลยจริงๆถ้าถามผมว่าเอาตัวไหนดีผมว่า Top Option น่าสนใจที่สุดครับ
เครื่องยนต์เทคโนโลยี Atkinson Cycle และระบบควบคุมการหมุนเวียนไอเสีย EGR(Exhaust Gas Recirculation) ร้อมระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-i
รุ่น 2ZR – FXE / 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
ความจุกระบอกสูบ 1,797 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 73 กิโลวัตต์ (99 แรงม้า) ที่ 5,200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
มาตรฐานไอเสีย ยูโร 4
รองรับพลังงานทางเลือก E10
มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor)
ชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 650 โวลต์
กำลังสูงสุด 60 กิโลวัตต์ (82 แรงม้า)
แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร
เกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ (Electronic Gear Shift)
แบตเตอรีไฮบริดเป็นแบบ Ni-MH (Nickel–Metal Hydride)
######################################
premsak@caronline.net