New MITSUBISHI Mirage : ให้คุณได้มากกว่า. By : Mr.O



เปิดตัวเพียงไม่กี่เดือน New MITSUBISHI Mirage ก็สามารถสร้างยอดจองอย่างถล่มทลายปาเข้าไปหลายหมื่นคัน จนส่งรถกันแถบไม่ทัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ MITSUBISHI นั้นห่างหายไปจากวงการยานยนต์พอสมควร แต่จากยอดจองกว่าสองหมื่นคัน แสดงให้เห็นว่า MITSUBISHI ยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว



มาที่เรื่องการทดลองขับ New MITSUBISHI Mirage ของเรากันดีกว่าครับ การทดลองขับในครั้งนี้ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ราชบุรี โดยเริ่มต้นการทดลองขับกันตั้งแต่เช้าตรู่ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ย่านรังสิต



การเดินทางในช่วงแรกของผมนั้น ผมรับหน้าที่เป็นพลขับครับ โดยเจ้า New MITSUBISHI Mirage เป็นรถในระดับ ECO CAR ครับ ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 Valve รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้ง เบนซิน 91,95 แก๊สโซฮอล์ 91,95 และ E20ครับ E85 ไม่ได้นะครับ



ในเรื่องของสมรรถนะนั้น ถ้าเป็นการเดินทางในเมืองหรือในทางหลวงระหว่าเมืองในช่วงที่ได้ลองขับนั้น อยู่ในระดับที่น่าพอใจครับ การเดินทางไกลในความเร็วสัก 100-110 กม./ชม. ก็ขับไปได้แบบเรื่อยๆ สบายๆครับ แต่หากจะให้รีดแรงม้าออกมาในช่วงเร่งแซง ในแบบทันอกทันใจนั้น ผมว่าไม่รวดเร็วเท่าไหร่นัก ก็เครื่องยนต์มีอยู่เท่านี้นิครับจะเอาอะไรมาก แต่ถ้าหากจะเอาความเร็วสูงสุดแล้วล่ะก็ มี180กม./ชม.ให้เห็นแน่ครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลา และระยะทางที่มากหน่อยครับ



ความต่อเนื่องราบรื่นของระบบส่งกำลังแบบ CVT INVECS-III ที่ให้มานั้น ทำให้การขับขี่ง่ายดาย นิ่มนวลมากครับ เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของเขาเลย อีกอย่างที่โดดเด่นซึ่งเกี่ยวเนื่องกับระบบเกียร์นั้น ก็คงจะเป็นระบบ Idle neutral control ซึ่งเป็นระบบที่จะตัดกำลังจากเกียร์ไปสู่ล้อ ขณะที่เหยียบเบรกค้างไว้เมื่อติดไฟแดง เพื่อลดโหลดจากเครื่องยนต์ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะมีผลช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมัน และช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์(ตามที่ทาง มิตซู บอกมา) ส่วนในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น ผมใช้ความเร็วในการเดินทางอยู่ประมาณ 110 กม./ชม. อาจจะมากกว่านี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่นานนัก อัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ประมาณ 18-19 กม./ลิตรครับ ซึ่งก็ถือว่าประหยัดอยู่พอสมควรครับ



กว่า 200 กิโลเมตร ในทางหลวงระหว่างจังหวัด ที่ผมได้เป็นผู้ขับขี่ ที่นี้มาเป็นผู้โดยสารที่ดีบ้างละครับ ระหว่างการเดินทางในช่วงที่สองในฐานะผู้โดยสารนั้น ที่นั่ง นั่งได้ในแบบสบายๆ ไม่อึดอัดครับ ถึงแม้ว่าผมจะตัวสูงประมาณ 185ซม. ช่องว่างระหว่างศีรษะนั้น ก็ยังคงมีอยู่ครับ แต่ในส่วนผู้โดยสารด้านหลัง ที่ผมยังไม่ได้ลองไปนั่งนั้น หากนั่งด้านหลังของผม ถ้าตัวใหญ่หน่อย ก็คงอึดอัดพอสมควรครับ



การออกแบบของคอนโซลดูเรียบง่ายดีครับ แต่ในความเรียบง่ายแอบซ่อนสิ่งอำนวยความสะดวกไว้มากมายเลยครับ เช่น กล่องเก็บของด้านคนนั่งแบบ 2 ชั้น ที่ซ่อนช่องเสียบ USB ไว้ด้านใน ทำให้เราสามารถวาง iPHONE ไว้ที่ช่องด้านบน โดยมีขอบขึ้นมากันตกด้วย ซึ่งอันนี้ผมชอบมากเลยครับ ส่วนสาย USB ที่รอดออกมาจากกล่องเก็บของ ก็มีรูเว้าเล็กๆ ไว้เป็นทางเดินของสาย USB ให้ด้วย ดูใส่ใจในเรื่องรายละเอียดดีครับ



ส่วนคอนโซลกลางมีวิทยุ ซีดี MP3 ดีวีดี จอภาพแบบระบบสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบนำทางในรถ (Navigator System) พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติก็มีมาให้ด้วยครับ



ขยับมาอีกหน่อยตรงมาตรวัดซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่จอแสดงผลข้อมูลเอนกประสงค์ (Multi Information Display) สามารถแสดงผลทั้งระยะทางทั้งหมด, Trip A-B, ปรับแสงสว่างหน้าปัด,คำนวณระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ จากปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง, คำนวณอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย และเตือนการบำรุงรักษา ซึ่งทั้งหมดนี้ควบคุมได้ง่ายๆ ด้วยการกดที่ปุ่มปรับตั้งที่หน้าปัด อีกจุด คือไฟเตือน “ECO” ที่คอยแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ได้เรียนรู้การขับแบบประหยัดไปในตัวครับ



ยังครับ ยังไม่หมดครับ ในส่วนออฟชั่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ MITSUBISHI ใส่มาให้เป็นแพ็คเกจ เช่น ไฟหน้าปิดอัตโนมัติหลังจากดับเครื่องยนต์, ระบบใบปัดน้ำฝนด้านหน้าอัตโนมัติปัดแบบต่อเนื่องเมื่อความเร็วเกิน 60 กม./ชม.(ตำแหน่งปัดเป็นจังหวะ) ใบปัดน้ำฝนหลังปัดซ้ำ 2 ครั้งเมื่อเข้าเกียร์ “R” (ต้องเปิดสวิทต์ในตำแหน่งปัดจังหวะ), ระบบล็อคประตูซ้ำภายใน 30 วินาที หลังจากปลดล็อค หากไม่มีการเปิดประตู, ระบบไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลน เมื่อขยับก้านไฟเลี้ยวเล็กน้อย ไฟเลี้ยวจะกระพริบ 3 ครั้ง, ระบบหน่วงเวลากระจก 30 วินาที เมื่อดับเครื่องยนต์เราสามารถปิดกระจกได้อยู่ พร้อมทั้งระบบเซ็นเซอร์ป้องกันกระจกหนีบ และสัญญาณเตือนเมื่อประตูปิดไม่สนิท ออฟชั่นมากมายขนาดนี้ อย่าลืมนะครับว่าอยู่ในเจ้ารถคันเล็กๆอย่าง New MITSUBISHI Mirage ซึ่งรถคันใหญ่ๆ แพงๆ บางคัน ยังไม่ได้ให้มามากมายถึงขนาดนี้เลยครับ



มัวแต่เล่นโน่น เล่นนี่ ภายในรถซะเพลินเลย ลืมจับความรู้สึกถึงช่วงล่างและพวงมาลัยจนได้ ซึ่งในช่วงแรกที่ผมขับนั้น เป็นการขับไปบนทางหลวงที่ตรงๆ จับความรู้สึกได้น้อยครับ แต่ก็พอรู้บ้างว่านิ่มนวลดีครับ พอมาถึงช่วงที่เป็นผู้โดยสารบ้างก็มาอยู่ในช่วงที่เป็นทางโค้งขึ้นเขา ลงเขาพอดี



สมรรถนะของระบบช่วงล่าง และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ESP ซึ่งในเรื่องการแปรผันของน้ำหนักพวงมาลัยตามความเร็วต่างๆ ทำได้ดีครับ มีอาการหนักขึ้นเมื่อความเร็วสูง เบาลงเมื่อความเร็วต่ำหรือถอยจอด แต่เมื่อใช้ความเร็วในการเข้าโค้งระยะฟรีของพวงมาลัยมากไปสักนิด หรือเรียกอีกอย่างว่า พวงมาลัยไม่ค่อยคมเท่าไหร่นัก ทำให้ความแม่นยำของพวงมาลัยมีน้อยลง รวมถึงขนาดหน้ายางที่ให้มานั้นขนาดเล็ก จึงเหมาะสมที่จะใช้งานในเมืองมากกว่าที่จะออกไปโลดแล่นเข้าโค้งด้วยความเร็ว แต่ถ้าขับเรื่อยๆ ลดความเร็วในโค้งลงหน่อยก็โอเคครับ ในเรื่องความปลอดภัย มีระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) รวมถึงดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน ช่วยให้ประสิทธิภาพการเบรกดีขึ้น และปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วยครับ



ด้วยสนนราคาเริ่มต้นที่ 380,000-546,000 บาท และดูโดยรวมแล้ว New MITSUBISHI Mirage น่าสนใจ และให้อะไรๆมามากกว่า ECO CAR ในท้องตลาดอยู่พอสมควรเลย สมแล้วที่โฆษณาไว้ว่า “New MITSUBISHI Mirage Be More” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “มิตซูบิชิ มิราจ ให้คุณได้มากกว่า”จริงๆครับ

*********************************************************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net

Facebook Comments