MICHELIN ENERGY XM2 ยางประหยัดน้ำมันที่น่าลอง by premsak


เป็นอีกครั้งที่ได้รับเกียรติไปร่วมทดสอบยางมิชลินตัวใหม่คราวนี้ไม่ได้ไปไกลถึงต่างประเทศแต่ไปใกล้ๆนัดเจอกันที่พัทยาแล้วไปทดสอบกันที่สนามบินอู่ตะเภา


โดยงานจัดขึ้นสองวันวันแรกช่วงเย็นๆนั้นเป็นการอธิบายถึงตัวผลิตภัณฑ์นั้นคือยางประหยัดน้ำมันตัวล่าสุดมิชลิน ENERGY XM2 (เอนเนอร์จี เอ็กซ์ เอ็ม ทู)ที่ทางมิชลินได้ทุ่มงบประมาณในการวิจัยและพัฒนากว่า 500 ล้านยูโรต่อปีทำให้ยาง MICHELIN ENERGY XM2 เป็นยางที่มีสมรรถนะดีในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย การประหยัดน้ำมัน นุ่มสบาย และยังใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี Micro Adaptive Compound ที่ทำให้เนื้อยางส่วนที่สัมผัสถนนมีความยืดหยุ่นสูง การยึดเกาะสูงและยังช่วยซึมซับแรงกระแทกได้ดี จึงให้ความนุ่มสบาย และเทคโนโลยี Optimum Void Grooves ทำให้ยาง MICHELIN ENERGY XM2 ให้ความปลอดภัยสูงสุด เพราะสามารถช่วยตัดฟิล์มน้ำและระบายน้ำเพื่อให้เกาะถนนได้ดี จุดเด่นของยาง MICHELIN ENERGY XM2 ไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าถึง 20%* เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อน และยังสามารถประหยัดน้ำมัน และให้ความปลอดภัยสูง


ยาง MICHELIN ENERGY XM2 ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษมาเพื่อรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และขนาดกลาง มีขนาด 14” 15” และ 16”


ยาง MICHELIN ENERGY™ XM2 มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 20%
ด้วยเทคโนโลยี Alternating Bridging
เทคโนโลยี Alternating Bridging ที่เสริมความมั่นคงของบล็อกดอกยาง ทำให้บล็อกดอกยางขยับตัวอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการสึกหรอ


ยาง MICHELIN ENERGY™ XM2 ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีสูตรเนื้อยาง Full Silica Compoundส่วนประกอบของ Silica ในเนื้อยางลดการเสียดสีกันของอนุภาคยาง และทำให้ยางเกิดความร้อนน้อยลงเมื่อยางเกิดความร้อนน้อยลง หมายถึงการสูญเสียพลังงานที่น้อยลง และทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น Silica ยังเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อยาง หมายความว่ายางสามารถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น


ยาง MICHELIN ENERGY XM2 ให้ความปลอดภัยสูงเทคโนโลยี Micro-Adaptive Compoundสูตรเนื้อยางของ MICHELIN ENERGY XM2 มีความยืดหยุ่นมากขึ้นสามารถปรับเข้ากับสภาพพื้นถนนแบบต่างๆได้ดีกว่าและเพิ่มความสามารถในการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยซึมซับแรงกระแทกได้ดี จึงให้ความนุ่มสบายตามแบบฉบับของมิชลิน


Optimum Void Groovesทำให้ร่องรีดน้ำของ MICHELIN ENERGY™ XM2 มีปริมาตรสำหรับระบายน้ำได้มากขึ้น 20% เมื่อเทียบกับยาง MICHELIN ENERGY XM1 จึงระบายน้ำได้มากกว่าและรวดเร็วกว่า


หลังจากการฟังบรรยายจบก็มาการพูดคุยกับผู้บริหารกันเล็กน้อยก่อนที่จะร่วมรับประทานอาหารเย็นกันแล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อน


เช้าวันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปยังสนามบินอู่ตะเภาซึ่งเป็นสถานที่ทดสอบโดยทีมงานแบ่งการทดสอบทั้งหมดสามสถานีโดยแถมแบ่งพวกเราออกเป็นสามสีอีกต่างหากของผมนั้นอยู่ในกลุ่มสีน้ำเงินเราไปสถานีแรกกันเลยดีกว่าครับ


สถานีประหยัดน้ำมัน (Fuel Saving)


สถานีนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วนครับอันแรกนั้นจะทดสอบว่ายาง MICHELIN ENERGY XM2 กับของคู่แข่งนั้นอันไหนจะกลิ้งไปได้ไกลกว่ากันโดยใช้รถรุ่นเดียวกันแล้วปล่อยให้ไหลลงมาจากแท่นพร้อมกันดูว่าคันไหนไหลไปได้ไกลกว่าแล้วสลับฝั่งกันผลออกมาว่า MICHELIN ENERGY XM2ได้ระทางไกลกว่า


เสร็จจากการกลิ้งของยางก็มาเป็นการขับประหยัดน้ำมันกันโดยมีกติกากันเล็กน้อยว่าจะต้องใช้เวลาไม่เกินสี่นาทีกับระยะทางประมาณสองกิโลเมตรแล้วยังมีช่วงพิเศษอีกในสองกิโลเมตรนั้นมีช่วงทางตรงสองร้อยเมตรห้ามใช้เวลาเกินสิบห้าวินาทีแล้วถ้าขับเกินเวลาหรือขับชนไพลอนนั้นจะโดนตัดแต้มไปด้วย


ในการขับนั้นมีรถทั้งหมดสี่คันสองรุ่นใส่ยางของมิชลินกับของคู่แข่งซึ่งมีโตโยต้าคัมรี่กับโตโยต้าอัลติสทีมงานให้ขับกันคนละรุ่นคันละรอบอ่านแล้วงงกันรึเปล่าหวังว่าคงไม่งงนะครับ ซึ่งของผมนั้นได้ขับเจ้าคัมรี่ขับไปคันละรอบโดยไม่มองเลยว่าเขาใส่ยางอะไรไว้ และขับแบบเดิมทั้งสองครั้งผลออกมาว่ายางมิชลินนั้นประหยัดน้ำมันกว่าครับ


สงสัยอยู่ละซิว่าวัดกันยังไงเขามีอุปกรณ์ที่เรียกว่า V-BOX เจ้าตัวนี้จะจับความเร็วและวัดการใช้ปริมาณน้ำมันที่เขาแยกท่อออกมาโดยเฉพาะและส่งสัญญาณออกมาที่คอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลออกมาครับ


นอกจากนี้ผมยังขับประหยัดที่สุดสำหรับคัมรี่ในกลุ่มของผมอีกต่างหาก ทำได้ประมาณ13กิโลเมตรต่อลิตรอีกด้วยครับ


สถานีที่สองความปลอดภัย
ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วนอีกเช่นกันอันแรกนั้นเป็นการลองสมรรถนะของยางในการควบคุมบังคับทั้งพื้นถนนเปียกและถนนแห้งสงสัยอีกแล้วซิครับว่าถนนเปียกนั้นจะทำยังไง เขาฉีดน้ำเลยครับไม่ใช่แค่เปียกนะครับเปียกมากเลยสนามที่ใช้จะเป็นแบบนี้ครับ


ทีมงานให้ขับทั้งหมดสามรอบครับรอบแรกเป็นการดูทางก่อน รอบสองเอาจริง รอบสามเปลี่ยนรถอีกคันที่ใส่ยางอีกรุ่นซึ่งจะทั้งทางตรง ทางโค้งแบบปากทางกว้างทางออกแคบๆต่อด้วยทางสลาลมต่อด้วยโค้งบนพื้นเปียกแถมด้วยการเบรกบนพื้นเปียกครับ สิ่งที่มิชลิน xm-2 แสดงให้เห็นนั้นต้องบอกเลยว่าการควบคุมพวงมาลัยทำได้ง่ายมาก นี่คือสิ่งที่เห็นอย่างเด่นชัดในช่วงสลาลมในการดึงพวงมาลัยกลับมาให้อยู่ในทางบอกง่ายๆครับ ความเร็วที่ขับสองครั้งประมาณ50กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่ากันของมิชลินนั้นไม่ต้องออกแรงมากหักนิดเดียวก็เข้าแล้ว ผิดกับของคู่แข่งที่ต้องออกแรงเยอะกว่ามากครับส่วนการเกาะโค้งนั้นก็ทำได้ดีไม่มีอาการเหินน้ำให้เห็นครับ ส่วนระยะเบรกก็ยังได้ระยะทางที่สั้นกว่าครับ


ส่วนสถานีย่อยอีกอันกับการจำลองการโอเวอร์สเตียร์(over stree)โดยการใส่ล้อลอยด้านหลังแบบนี้ครับ


แล้วให้เราแก้อาการของรถโดยให้ขับวนไพลอนเป็นเลข 8 ดูว่าจะได้กี่รอบในเวลาสี่นาที ถ้าถามว่าชอบสถานีไหนมากที่สุดผมขอบอกเลยว่าอันนี้ เพราะถือว่าเป็นการฝึกแก้อาการของรถด้วยครับแม้ว่าจะใช้ความเร็วไม่เกินสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยากมากเพราะฝืนความรู้สึกในการหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทางที่รถจะไป เช่นจะเข้าโค้งซ้ายแต่เราหมุนพวงมาลัยไปทางขวาแบบนี้ครับพอจะเริ่มชินแล้วก็หมดเวลาซะก่อน ผลออกมาทำได้แค่เก้ารอบเอง


สถานีสุดท้ายScenic Drive
เป็นการลองขับรถในถนนจริงเพื่อจับอาการต่างๆของยางไม่ว่าจะเรื่องของเสียง การเกาะถนนความนิ่มนวลของยางโดยมีรถอยู่เกือบสิบคันโดยเน้นเป็นรถขนาดกลางไม่ว่าจะเป็น ฟอร์ดโฟกัส โตโยต้าพรีอุส หรือรถเล็กอย่างซูซูกิสวิฟท์ เราขับกันไปเป็นขบวนครับซึ่งเราผ่านทั้งถนนราดยาง ถนนปูน ซึ่งมีทั้งพื้นเรียบและขรุขระ การสั่นสะเทือนที่มาจากยางนั้นน้อยมากรวมไปถึงเสียงยางที่เข้ามาในรถแทบจะไม่มีเลยคือ ผมขับแบบปกตินะครับไม่ใช่ว่าจะตั้งใจไปจับผิดยาง ทุกวันขับแบบไหนก็ขับแบบนั้นเราไปเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลของกองทัพเรือ


เสร็จแล้วก็ขับไปยังจุดชมวิวบริเวณหาดยาวที่อยู่ในฐานทัพเรือสัตหีบซึ่งปกติแล้วบุคคลทั่วไปนั้นไม่สามารถเข้ามาได้ต้องขออนุญาตกันก่อนแวะพักกันเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมารวมกันบริเวณสนามบินอู่ตะเภาเพื่อทำแบบสอบถามให้กับทีมงานเป็นอันเสร็จสิ้นการทดสอบในครั้งนี้

มาดูขนาดของยางที่มีจำหน่ายกันตามตาราง


ส่วนอันนี้เป็นการจัดกลุ่งยางของมิชลิน


ถ้าท่านใช้รถขนาดเล็กตั้งแต่อีโคคาร์ไปจนถึงรถขนาดกลางแล้วสนใจทั้งในเรื่องของยางประหยัดน้ำมันที่แถมมากับสมรรถนะด้านอื่นๆที่ไม่ได้ลดลงไปเลยนั้นผมว่าน่าเอามาลองใช้ดูนะครับ


####################################

เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ มิชลิน&jojo

Facebook Comments