Brand: MITSUBISHI Model: Lancer
Year: 1994 Miles: 80001-100000
From: นภาจิตร เพียรล้ำเลิศ
เรียนถามคุณธเนศร์
ระหว่างรถเล็กซัส กับ เบนซ์ คุณธเนศร์อยากคบหาหรือใช้ยี่ห้อไหนมากกว่ากัน ดิฉันอยากทราบข้อคิดเห็นจากประสบการณ์ในวงการรถยนต์ที่ยาวนานของคุณธเนศร์ เพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ ดิฉันเคยอ่านคอร์ลัมภ์หนึ่งจากวารสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง รายละเอียดเขียนไว้ดังนี้ …
จัดอันดับยอดเยี่ยมให้ lexus ทศวรรษผ่านไป benz หล่นลงที่ #26
ศึกรถยนต์ดุเดือดเลือดพล่าน รถยนต์ญี่ปุ่นทะลึ่งทะลุพรวดครองอันดับหนึ่งยอดนิยมในมะกา
วิวัฒนาการของรถยนต์ญี่ปุ่นไปโลดไม่ยั้งไม่ว่าจะเป็นฟ้ามะกา-ฟ้าญี่ปุ่น แล้วอาละวาดกวาดไม่เลือกว่าจะเป็นฟ้าไหน ฟ้าสีอะไร ล่าสุดเข้าไปแผลงฤทธิ์ฟ้าเยอรมนี ไม่เย้ยก็เหมือนเย้ย หรือเขามีดีที่จะอวด ใช่แล้ว เขามีดีที่จะอวดเจ้าพ่อรถยนต์เยอรมนีที่เลื่องลือมานานหลายทศวรรษ ว่าอันว่ารถยนต์มี 4 ล้อนั้นหรือจะมียี่ห้อไหนเด่นดวงเกินยี่ห้อ mercedes benz เป็นไม่มี ใครๆ หน้าไหนพวกไฮโซหรือไฮซ้อ ขุนน้ำขุนนางไหนจะเล่นรถยนต์ทั้งทีจะต้องเล่นมันไอ้เจ้าดาวแฉกอยู่ในวงกลมยี่ห้อ benz นี่แหละ ไม่มีอื่น
ญี่ปุ่นใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 ปีในการพัฒนารถยนต์ของเขา ญี่ปุ่นรู้ดีว่าสินค้าตัวนี้สำคัญที่สุด ไม่ว่าใครหน้าไหนมีใครบ้างไม่ต้องการรถยนต์ ถ้าต้องการรวย ขายสินค้าได้คล่องก็ต้องขายรถยนต์ แม้รถยนต์จะสร้างง่าย ประเทศไหนๆ ก็สร้างมันได้ เพียงแต่ว่าจะสร้างได้ดีหรือไม่ หรือสร้างได้ดีพอๆ กันนั้นลืมเสียเถอะ รถยนต์สร้างได้ รถยนต์สร้างได้ดีพอๆ กันแค่นี้เองหรือ ไม่ช่-า-ยหรอก มันต้องสร้างให้ดีที่สุด ต้องสร้างให้ดีกว่ายี่ห้ออื่นทุกยี่ห้อ ต้องสร้างรถยนต์ที่สวย นุ่ม ใช้ไฟฟ้าทั้งคัน จะเปิดปิด จะสตาร์ทเครื่อง จะกระดกให้ที่นั่งสูงต่ำกดเบาๆ มันก็กระดกให้ทันที เครื่องยนต์ต้องไม่ตายบ่อยหรือต้องไม่ตายเลย จะเลี้ยววงกว้างวงแคบต้องให้คนขับเขาร้องดังๆ ว่า “รถอะไรวะ ทำไมมันสร้างได้ดีเยี่ยมอย่างนี้วะ?” คือเลี้ยวแล้วยังไม่รู้เลยว่าเลี้ยว
ญี่ปุ่นได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐด้วยการซื้อสินค้าญี่ปุ่นหลังจากชนะญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง ในขณะที่รถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศยุโรป ประเทศเอเชียไม่ได้รับความนิยมเวลานั้น แต่ตลาดสหรัฐรถยนต์ญี่ปุ่นได้รับการตอบรับเสมอและตลอดเวลา รถยนต์ฮอนด้าเป็นรถยนต์ยี่ห้อแรกที่ผลิตในสหรัฐ เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ไม่กินน้ำมัน เครื่องยนต์รูปร่างไม่เลว มะกันลองซื้อมาใช้แล้วชอบใจมากเพราะประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์มะกันหลายเท่า กำลังก็แรงไม่อ่อนปวกเปียกอย่างที่คิดเมื่อเทียบกับรถยนต์ 8 สูบของมะกัน เรียกว่าเล็กพริกขี้หนู
หลังจากที่ฮอนด้าทำเงินเละในสหรัฐ ยักษ์ใหญ่รถยนต์ญี่ปุ่นคือโตโยต้าก็พากันยกโขยงเข้ามะกาเพื่อฟาดเงินจากมะกันบ้าง จากโตโยตาก็มิตซูบิชิ มาสด้า ซูซุกิ อิซุสุ ดัทสัน (นิสสัน) ฯลฯ รถญี่ปุ่นทั้งหลายทยอยกันเข้าไปตักตวงเงินดอลลาร์กันเป็นว่าเล่น ขายไปสร้างไป ขายไปพัฒนาไป สร้างรถยนต์ขึ้นมาขายไม่หยุด กว่ามะกันจะรู้สึกว่าประมาทญี่ปุ่นก็ผ่านไปแล้วไม่น้อยกว่า 15 ปี กลายเป็นเดินก้นญี่ปุ่นต้อยๆ เหมือนเด็กเลี้ยงต้อย
เวลานั้นคำว่าเจ้าพ่อรถยนต์ของมะกันไม่มีลายเหลือ รถใหญ่ 8 สูบคนมะกันไม่เอา เปลืองน้ำมัน เกะกะเพราะตัวใหญ่ พอรู้สึกตัวว่าเขาใช้รถเล็กกันแล้วก็เลยหันมาสร้างรถยนต์เล็กสู้ญี่ปุ่น อย่างว่า ช้าไปแล้วต๋อย ต๋อยไปไหนมาไปเป็นลูกต้อยใครที่ไหนมาถึงไม่รู้เรื่อง ต๋อยสร้างรถยนต์เล็กแบบไหน สร้างขึ้นขับๆ ตาย เช้าๆ สตาร์ทเครื่องๆ มันไม่ยอมร้อนสตาร์ทด้วย รถอะไรวะซื้อมาใช้ทั้งปีมันมีแต่ปัญหา
กว่าจะรู้ตัวแล้วรู้สึกว่าจะต้องทำอย่างไร จะต้องหาทางแก้ไขอย่างไรกระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ดีอย่างที่เป็นมะกันนะ มะกันที่รู้ว่าทำไม่ได้จริงๆ ก็ต้องขอความรู้จากคนเตี้ยหัวดี ไม่ดื้อ ยอมรับว่าสู้ญี่ปุ่นไม่ได้ ขอร่วมรู้ด้วยคน
คนกันเองน่ะ ว่าไงจะว่าตามกันไม่ขัดคอหรอก
แม้เวลานี้ คือปี 2003 รถยนต์เล็กมะกันจะทำดีขึ้นแล้ว (แต่ก็ยังไม่ดีที่สุดเหมือนรถยนต์ญี่ปุ่น) แต่มะกันก็ไม่คุยโม้ยอมรับตรงๆ ว่ายังสร้างรถสู้ญี่ปุ่นไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรถธรรมดาใช้งานทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งหรู หรือรถเอสยูวี รถสปอร์ต รถบรรทุก รถไฟฟ้า รถพันทาง รถต่างๆ มะกันไม่ได้มีอะไรคืบหน้าล้ำหน้าญี่ปุ่นแต่อย่างใด บริษัทเซอร์เวย์ บริษัทตรวจสอบตรวจตรา บริษัททดสอบ บริษัทสถิติ บริษัทโปรโมชั่น ฯลฯ เกี่ยวกับรถยนต์ได้รู้อะไรคืบหน้าก็ประกาศออกมาตรงๆ ว่ารถยนต์ญี่ปุ่นยังล้ำหน้ามะกันและล้ำหน้ารถยนต์ยุโรปด้วย ไปไกลถึงโน่น
ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2003 ได้มีประกาศของ j d power & associates เผยถึงตำแหน่งของรถยนต์ที่ดีที่สุดคือรถยนต์ที่ไม่มีอะไรเสียง่ายๆ หรือมีความขัดข้องน้อยที่สุด ต้องเข้าโรงซ่อมน้อยครั้งที่สุด มีดังนี้
ดีอันดับที่ 1-10 มีเรียงตามลำดับชื่อต่อไปนี้ คือ
lexus infinit buick porsch acura toyota cadillac lincoln honda & mercury
การสำรวจตรวจสอบรถดีหรือดีพอใช้และดีอันดับโหล่ เขาตรวจสอบรถใหม่ที่ใช้แล้ว 3 ปี คือตั้งแต่รถใหม่ ปี 2000 เริ่มวางขายเดือนกรกฎาคม 1999-กรกฎาคม 2003 รวมทั้งหมด 55,000 คัน มีทั้งรถเก๋ง รถเอสยูวี รถบรรทุก รถสปอร์ต รถแวนและมินิแวน ฯลฯ แต่ละยี่ห้อที่ใช้รถเหล่านี้ 3 ปีเอายี่ห้อละ 100 คันรวมว่ารถแต่ละยี่ห้อมีรายการซ่อมแซมอะไรบ้างกี่ครั้งตลอดเวลา 3 ปี แล้วหารเฉลี่ยออกมาปรากฏว่ารถเลกซัส 100 คันมีซ่อมแซม 163 ครั้ง จึงได้สรุปผลออกมาว่าเป็นรถดีอันดับที่หนึ่ง จากดีอันดับที่ 2-10 ก็มีการซ่อมมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงอันดับที่ 10 รถเมอร์คิวรี่มีซ่อม 240 ครั้ง
รายงานยังเผยต่อไปว่ารถยนต์ที่ดีอันดับโหล่ 10 อันดับเป็นอันดับที่ 28-37 มีชื่อดังต่อไปนี้ คือ
jeep volvo mitsubishi hyundai isuzu volkswagen suzuki daewoo land rover & kia
โดยมีตัวเลขการซ่อมแซมของรถ 100 คันแล้วหารเฉลี่ยอันดับโหล่มีตัวเลขดังนี้ คือ รถจี๊ป 3 ปีซ่อมแซมครั้ง นอกนั้นก็เฉลี่ยมากขึ้นๆ จนถึงอันดับสุดท้ายคือรถยี่ห้อเกียใน 100 คันมีการซ่อมแซม 509 ครั้ง
j d power & associates ไม่เปิดเผยชื่อรถยนต์ที่ดีพอใช้หรือดีขนาดกลางในหมู่ 55,000 คันและคัดเลือกยี่ห้อละ 100 คันเอามาหารเฉลี่ยรวมครั้งซ่อมว่ามีกี่ยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีตัวเลข (อันดับที่ 11-27) เท่าไร
แต่รายงานได้เผยยี่ห้อเบนซ์ออกมาว่าเป็นรถดีอยู่ในอันดับที่ 26 คือเป็นอันดับที่ค่อนข้างแย่เมื่อดูเปรียบเทียบกับอันดับที่ 28 (รถจี๊ป) ใน 100 คันมีการซ่อมแซมใน 100 คัน 321 ครั้ง เห็นแล้วผมก็เสียวๆ แทนเบนซ์
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว มีการเซอร์เวย์รถยนต์ดีและไม่ค่อยดีเช่นเดียวกับครั้งนี้ รถที่เขาเซอร์เวย์เป็นรถปี 1985 แล้วรายงานออกมาในปี 1990 ปรากฏว่ารถดีที่สุด อยู่ในอันดับที่หนึ่ง ซ่อมแซมน้อยที่สุดคือรถเบนซ์ หมายความว่าชั่วระยะเวลาเพียงหนึ่งทศวรรษรถดีที่สุดตกมาอยู่เป็นรถดีพอใช้ ลดฐานะอยู่ในอันดับดีที่ 26
แล้วเรามามองดูรถเลกซัสซึ่งใช้เวลาบุกตลาดมาเพียงศตวรรษกว่า แล้วสามารถชิงธงเป็นรถอันดับดีที่สุด แล้วเราจะไม่ประหลาดใจเลยว่าตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมานั้น รถเลกซัสมีวิ่งบนท้องถนนมีจำนวนพอๆ กับรถเบนซ์ ทั้งๆ ที่ไม่อยากเชื่อแต่เมื่อเห็นรายงานนี้แล้วผมเชื่อสนิทเลย
บริษัทจีเอ็มที่เป็นเจ้าพ่อรถยนต์อเมริกันที่มีรถบูอิคเข้าเป็นรถดีอันดับที่สามไม่ได้แสดงความเสียใจ หรือแสดงความผิดหวังในรายงานนี้แต่อย่างใด คือยอมเชื่อในรายงานนี้อย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ จีเอ็มยอมรับว่าวิวัฒนาการรถยนต์ญี่ปุ่นไปล้ำหน้ามากที่สุด มากกว่ายี่ห้ออื่นในโลกนี้และใช้เวลาได้เร็วมาก คือไม่ถึงสองทศวรรษก็ทำได้สำเร็จ
นอกจากประกาศยอมรับรายงานนี้แล้ว จีเอ็มได้ประกาศต่อคนมะกันว่าขอเวลาให้จีเอ็มพยายามพัฒนารถยนต์อเมริกันอีกหน่อย และคราวนี้จีเอ็มต้องขอความช่วยเหลือจากวิศวกรรถยนต์ญี่ปุ่นโดยการจ้างวิศวกรญี่ปุ่นที่เกษียณแล้วนาย tatsuhidko yoshimura มาเป็น ผอ. Durability & reliability strategy ผมเห็นแล้วก็ยกมือขึ้น
ซูฮกคำนับจีเอ็มที่ไม่เย่อหยิ่งถือตัวยอมรับว่าแพ้ แบบนี้นายโยชิมูระ ทำงานตาย (ห่า) เลย ผมขอโค้งให้สิบที
ผมไม่อยากให้ความเห็นในทำนองบังคับให้ผมเลือกรถหรอกครับ คุณนภาจิตร
เพราะเงินของใคร ก็ของคุณเองนั่นแหละ ที่จะต้องเสียไปเมื่อซื้อรถ ที่นับวันราคาก็จะลดลงเรื่อยเรื่อย ไปจนเกินสามสิบปีแล้วนั่นแหละ จึงจะมีค่าขึ้นอีก หากเป็นรถที่ถือกันได้ว่าระดับคลาสสิกแล้วเท่านั้น
ผมใช้รถยนต์ หากเลือกได้ ย้ำว่า หากเลือกได้นะครับ
ผมเลือกความสุขใจในการใช้งาน
ความสุขใจนี้อยู่ที่ไหน
อยู่ที่ความสะดวกสบาย ความพอใจและความพอใจนี่ เป็นหลักใหญ่ของการทนใช้รถต่อไปอีกหลายปีทีเดียวครับ
ผมอาจจะพอใจในระบบความปลอดภัยที่ BMW มีให้กับรถของเขา แต่ผมมีความพอใจในรูปลักษณ์ของเบนซ์ สองอย่างนี้ ผมต้องชั่งน้ำหนักเอาเอง ในใจของผม คนอื่น ความเห็นอื่น ไม่เกี่ยวเลยแม้แต่น้อย
ราคา ก็เป็นหลักในการเลือกซื้ออย่างหนึ่ง แต่งบประมาณระหว่าง BMW กับเบนซ์นั้น ผมว่า ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นความพึงพอใจ ที่หาคำจำกัดความไม่ได้
การวิจารณ์รถยนต์ การจัดอันดับรถยนต์ ไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับผมเลยแม้แต่น้อย
ผมมอง และรู้สึกว่า ไม่ว่าคนชาติไหน ก็ชอบ”ของนอก” หรือ Import กันทั้งนั้น
ไม่มีใครชอบรถของบ้านตนเอง หากมีปัญญาซื้อ”ของนอก” เป็นส่วนมาก
ข้อเท็จจริง อาจจะเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง ที่ไม่ได้ดูหรอกว่า การซ่อมร้อยกว่าครั้งนั้น เป็นการซ่อมหนัก หรือซ๋อมเบา ซ่อมเพราะความจุกจิกของเจ้าของผู้หวังมาก หรือซ่อมเพราะความจำเป็น คุณดูออกหรือ
การใช้งานระหว่างการซ่อมแต่ละครั้ง เขาบอกหรือไม่ ก็ไม่เห็นบอก
จะเรียกว่า ข้อเท็จจริง ก็ได้
แต่ผมไม่ถือว่า เป็นข้อเท็จจริงที่ฟังได้ รับได้ อย่างเต็มร้อย
ขณะนี้ ผมใช้เบนซ์ C180 กับวอลโว่ 960 ปกติใช้วอลโว่ในขณะเดินทางไกล ไปต่างจังหวัด และเบนซ์ใช้ในเมือง ด้วยเหตุผลที่อาจจะไม่เหมือนใคร
คือในเมืองนั้น เบนซ์เล็กกว่าวอลโว่ กระทัดรัดกว่า และเมียผมมักจะเป็นผู้ขับขี่ เบนซ์กินน้ำมันในเมือง 9.5 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่วอลโว่ผมต้องขับเอง และกินน้ำมันในเมือง 7.5 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นคุณคุณจะใช้คันไหน
นอกเมือง วอลโว่ทำความเร็วได้ดีกว่าเบนซ์ และนั่งสบายกว่าเบนซ์เล็กน้อย ขับแล้วไม่เหนื่อย ไม่เกร็ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วสูง อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหยียดข้อเท้าเวลากดคันเร่ง เพราะกดไม่ลึกนัก แค่นี้ก็สบายกว่า
แม้วอลโว่จะกินน้ำมันมากกว่าเบนซ์ แต่เมื่อใช้นอกเมือง ให้ความสบายสูงกว่า และยังให้ความสุขในการขับขี่ใช้งานได้ดี ในขณะที่ผมไม่มีทางเลือกไปซื้อรถอื่น ตรงนี้สำคัญนะครับ ผมก็ไม่เกี่ยง
นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผม แต่ไม่ใช่ความเห็นในการเลือกใช้รถอะไร เป็นแค่ความเห็นในการเลือกใช้รถอย่างไร เท่านั้น
มาเรื่องของคุณ ที่อยากให้ผมเลือกระหว่าง เล็กซัส กับเบนซ์
ผมยังเลือกเบนซ์อยู่ เพราะผมไม่เชื่อคำวิจารณ์ ผมใช้วิจารณญาณของผมเอง ร่วมกับใช้ประสบการณ์ที่ผมเคยทดสอบรถทั้งคู่มาแล้ว
แม้ขณะนี้ ยังไม่ได้ทดสอบรถทั้งสองคันอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบกัน ผมก็ถือว่า ผมคงจะต้องรอเพื่อทดสอบรถทั้งสองคันด้วยตัวเองก่อนจะตัดสินใจซื้อคันไหน โดยไม่เกี่ยวกับคำวิจารณ์ ไม่ว่าคำวิจารณ์นั้นจะมาจากที่ใด สถาบันไหน ผมฟังและรับทราบไว้เท่านั้น รับทราบอะไรน่ะหรือครับ
ก็แค่ “รับทราบว่า คนคนหนึ่งที่เขียนคำวิจารณ์เหล่านั้น คิดอย่างไร” เท่านั้นเอง
ไม่ได้เอามาเป็นอารมณ์
ไม่ได้เอามาเป็นหลักคิดในการเลือกรถ
โดยเฉพาะเรื่องที่คุณยกเอามาทั้งเรื่องนี่ ผมไม่ได้แม้แต่จะเก็บมาคิดพิจารณาประกอบการเลือกซื้อรถยนต์เลยแม้แต่น้อย
เพราะการที่ GM ยอมแพ้ หรือยอมจ้างคนญี่ปุ่นเข้าไปทำรถของเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยกับทั้งเบนซ์ และเล็กซัส ที่คุณยกมาเป็นหัวข้อเรื่อง
เพราะเล็กซัส เป็นรถอิมพอร์ทในสหรัฐ คนที่ไหนก็ชอบและอยากใช้ของอิมพอร์ทอยู่แล้ว
แม้เบนซ์จะเป็นรถอิมพอร์ท แต่เบนซ์ก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว รอบโลก พิสูจน์มานานกว่า มากกว่าเล็กซัสนับสิบเท่า และยังครองใจคนใช้ทั่วโลกอยู่ได้ในปัจจุบัน
หากต่อไปในอนาคต ไครสเลอร์จะทำเบนซ์ให้ตกต่ำ ก็ทำได้ และถึงเวลานั้น ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่หากยังใช้เบนซ์อยู่ ก็เป็นเบนซ์คันเก่า ไม่ซื้อใหม่ หรือซื้อใหม่ ก็เป็นยี่ห้ออื่น
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ครับ
และเพราะเล็กซัส ทำขึ้นมาเพื่อแสดงศักยภาพของโตโยต้า ที่ใครก็ทำได้ หากมีทุน
ในขณะที่เบนซ์ ทำออกมาเพื่อให้คนใช้งานได้รับความพึงพอใจสูงสุด เท่าที่คนมีรถยนต์ไว้ใช้งานจะพึงได้รับ
ผมอยากเลือกอะไร คำตอบก็มีอยู่แล้วครับ-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…