วันนี้ 18 มีนาคม บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้เปิดตัว All-New Hyundai Veloster 2 รุ่น อย่างเป็นทางการเพื่อตอบสนองความต้องการที่ UNIQUE ของลูกค้าระดับพรีเมี่ยม พร้อมเปิดให้ทดลองขับครั้งแรกในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2556 โดย Veloster ทั้ง 2 รุ่นนี้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างอย่างเร้าใจ และมาพร้อมกับขุมพลังทางเลือกคือ เครื่องยนต์ DOHC 16V D-CVVT MPi 130 แรงม้า ในรุ่น Veloster และ เครื่องยนต์ DOHC 16V D-CVVT T-GDi 186 แรงม้า ในรุ่น Veloster Sport Turbo ซึ่งในทั้ง 2 รุ่น ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม Sequential Shift
ประธานบริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) มร. โยชิอากิ อิชิมูระ กล่าวว่า “All-New Hyundai Veloster ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้นำเทรนด์ที่ชื่นชอบความโดดเด่นแบบมีสไตล์ และหลงใหลในนวัตกรรมขุมพลังยานยนต์ที่ให้ความสนุกสนานเร้าใจเพื่อความพึงพอใจสูงสุดในทุกการขับขี่”
“ภายใต้นโยบาย “Hyundai Everywhere” ที่ประกาศเป็นแนวทางในปีนี้ เพื่อขยายขอบเขตความนิยมในรถยนต์ฮุนไดในประเทศไทยให้แพร่หลายเพิ่มขึ้น บริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) เดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่เป็น ‘เอกลักษณ์นวัตกรรม’ เช่น Veloster ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยเพิ่มความหลากหลาย และความน่าตื่นเต้นให้กับรถยนต์ฮุนได จนลูกค้าสามารถสัมผัสได้ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เน้นรถยนต์ที่แตกต่าง และมีบุคลิก จนทำให้จำนวนรถยนต์ฮุนไดเพิ่มมากขึ้นในทุกๆที่ที่เราเดินทางไป” มร.อิชิมูระ กล่าว
คำว่า “Veloster” (มาจากคำว่า Velocity หมายถึงความเร็ว และคำว่า Roadster หมายถึง รถสปอร์ต 2 ที่นั่ง) และเมื่อรวมกันแล้ว ย่อมมีความหมายว่า “ความสนุกเร้าใจและการขับขี่ที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล” โดยเฉพาะกับการออกแบบประตู แบบ 2 + 1 (ประตู 2 บานในด้านหน้า และพิเศษ 1 บานด้านใน) และเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวรอบคันก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำแนวคิด “New Thinking. New Possibilities.” หรือ “คิดใหม่เพื่อสิ่งที่เหนือกว่า”
All-New Hyundai Veloster คือผลงานที่ต่อยอดมาจาก Concept Car ที่มีชื่อว่า Hyundai HND-3 ที่เผยโฉมในงาน Seoul Motor Show ปี 2007 ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์นวัตกรรมครั้งแรกของโลกที่ประสานความเป็นรถสปอร์ตและความสะดวกสบายสไตล์รถซีดานเป็นหนึ่งเดียวด้วยรูปแบบประตู 2 + 1
All-New Veloster สปอร์ตแฮทช์แบ็กมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเน้นการออกแบบที่โดดเด่น ประกอบกับความสวยงามที่ลงตัว ด้วยขนาดมิติ 4,220 มม (ยาว) x 1,790 มม (กว้าง) (1,805 มม. สำหรับ Veloster Sport Turbo) x 1,399 มม (สูง) โดย Veloster ทั้ง 2 รุ่น ยังเป็นเลิศในด้านความสะดวกสบาย และการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเบาะนั่งโดยสารด้านหลัง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งบริเวณห้องเก็บสัมภาระสามารถจุของได้มากถึง 320 ลิตร และสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ด้วยการพับเบาะหลังลงทั้งหมด หรือแบบ 60:40 ก็สามารถทำได้ อีกทั้งสะดวกสบายไปอีกขั้นกับพื้นที่วางขาในด้านหน้าและด้านหลังมากถึง 1,072 มม. และ 870 มม. ตามลำดับ พื้นที่เหนือศรีษะด้านหน้า 945 มม. และด้านหลัง 896 มม. และพื้นที่ช่วงไหล่ที่กว้างถึง 1,412 มม. ในด้านหน้า และ 1,371 มม. ในด้านหลัง พื้นที่โดยสารมักจะเป็นปัญหาเสมอสำหรับรถสปอร์ต แต่ไม่ใช่กับ Veloster ที่สามารถเติมเต็มความสะดวกสบาย และการใช้งานได้อย่างแท้จริง
“ด้วยแรงบันดาลใจจากรูปลักษณ์ที่ดุดันของรถ Superbike ผสมผสานกับแนวคิด Fluidic Sculpture Design อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮุนได จึงทำให้ All-New Hyundai Veloster ถูกสรรสร้างขึ้นมา เพื่อเติมเต็มเอกลักษณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งนอกจากจะรวมไปถึงกลุ่ม Generation Y แล้ว รถยนต์สปอร์ต 2+1คันนี้ยังโดนใจกลุ่มลูกค้าที่หลงใหลในความเป็นรถมีระดับซึ่งจากการทำการสำรวจเบื้องต้น ลูกค้าไฮเอนด์กลุ่มนี้มีความเข้าใจในความเป็น “เอกลักษณ์นวัตกรรม” ที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนผ่านยานยนต์คู่ใจได้อย่างแท้จริง” มร. อิชิมูระ กล่าว
“All-New Hyundai Veloster และ Veloster Sport Turbo คือทางเลือกที่ลงตัว ทั้งผู้ขับขี่ผู้ชายและผู้หญิง เพราะความเพียบพร้อมในเรื่องของการออกแบบที่ล้ำสมัยไปในอนาคตและสมรรถนะที่ขับขี่สนุกและเร้าใจ จะสามารถสะกดทุกสายตาทุกครั้งที่แหวกฝ่าการจราจรที่แออัด หรือจะใช้ความเร็วอย่างมั่นใจบนถนนไฮเวย์” มร. อิชิมูระ กล่าว
สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 นี้ จะเป็นการเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของ Veloster ทั้ง 2 รุ่น ด้วยราคาแนะนำตัวสุดพิเศษคือ 1.299 ล้านบาทสำหรับรุ่น Veloster และ1.739 ล้านบาท สำหรับรุ่น Veloster Sport Turbo เฉพาะในระหว่างงานมอเตอร์โชว์นี้เท่านั้น
มร. อิชิมูระ เสริมว่า เรามั่นใจว่า Veloster ทั้ง 2 รุ่นจะต้องเป็นที่กล่าวขวัญถึงและเป็นที่จับตามองในกลุ่มรถยนต์ระดับสปอร์ตพรีเมี่ยม ที่เพียบพร้อมในด้านคุณภาพ ความสวยงาม และความคุ้มค่าคุ้มราคา
ตอกย้ำความเป็นเอกลักษณ์ของ Veloster และ Veloster Sport Turbo ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังต่อไปนี้
รุ่น Veloster
– สปอร์ต แฮทช์แบ็ก ดีไซน์ประตูแบบ 2 + 1 โดดเด่นด้วยประตูที่ 3 ทางด้านหลังซ้าย ประตูอัจฉริยะที่มาพร้อมกับมือจับประตูแบบ Integrated ที่ซ่อนอย่างกลมกลืนที่กรอบกระจกคงรูปลักษณ์ของรถสปอร์ต 2 ประตูอย่างลงตัว
– เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า (PS) ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 157 นิวตัน-เมตร ที่ 4,850 รอบต่อนาที (มาตรฐานไอเสีย ยูโร 4)
– เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift
– ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 11.5 วินาที (ข้อมูลจากโรงงานผู้ผลิต)
– ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.32
– ระบบช่วงล่างหน้า – หลัง แบบ แมคเฟอร์สันสตรัท และ ทอร์ชั่นบีม CTBA
– ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Key และระบบ Button Start
– พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า
– ระบบเบรค ABS ระบบเพิ่มแรงเบรคในภาวะฉุกเฉิน BA และระบบกระจายแรงเบรค EBD
– ดิสก์เบรค 4 ล้อ
– พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมโทรศัพท์และเครื่องเสียง พร้อมกับ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัย
– ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/45 R 17
– กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต
– ปลายท่อไอเสียคู่
– เบาะหลังพับได้แบบ 60:40
– สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
– จอ LCD แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
– แป้นคันเร่งแบบสปอร์ต
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
– ไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างนำทางเมื่อดับเครื่อง (escort lamp)
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า
– ระบบ Bluetooth
– กุญแจ Immobilizer
– โครงสร้างนิรภัยแบบ High – Tensile Steel สำหรับเสากลางและจุดสำคัญต่างๆทั่วตัวรถ
รุ่น Veloster Sport Turbo
– สปอร์ต แฮทช์แบ็ก ดีไซน์ประตูแบบ 2 + 1 โดดเด่นด้วยประตูที่ 3 ทางด้านหลังซ้าย ประตูอัจฉริยะที่มาพร้อมกับมือจับประตูแบบ Integrated ที่ซ่อนอย่างกลมกลืนที่กรอบกระจกคงรูปลักษณ์ของรถสปอร์ต 2 ประตูอย่างลงตัว
– กำลังสูงสุด 186 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 265 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 4,500 รอบต่อนาที (มาตรฐานไอเสีย ยูโร 5)
– ระบบเทอร์โบอัดอากาศแบบ Twin-Scroll Turbocharger (ประสิทธิภาพดีขึ้น 7 – 8% และประหยัดเชื้อเพลิงดีขึ้นกว่าธรรมดาถึง 5% )
– กระจังหน้าดีไซน์พิเศษขนาดใหญ่ 6 เหลี่ยม พร้อมกันชนหน้าดุดัน ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบใหม่ กันชนหลัง ปลายท่อไอเสียคู่ใหม่ และดิสก์เบรคขนาดใหญ่ด้านหน้า
– ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.32
– เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift
– ความเร็วสูงสุด 214 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 8.1 วินาที (ข้อมูลจากโรงงานผู้ผลิต)
– ระบบช่วงล่างหน้า –หลัง แบบแมคเฟอร์สันสตรัท และ ทอร์ชั่นบีม CTBA
– หลังคาแก้ว Panoramic Sunroof
– ระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
– มาตรวัดเรืองแสง Super Vision
– เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบดันหลัง Lumbar Support
– ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Key และระบบ Button Start
– พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า
– ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP ระบบเสริมสมรรถนะการควบคุมพวงมาลัย VSM และระบบแทรคชั่นคอนโทรล TCS
– ระบบเบรค ABS ระบบเพิ่มแรงเบรคในภาวะฉุกเฉิน BA และระบบกระจายแรงเบรค EBD
– ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
– ดิสก์เบรค 4 ล้อ
– พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมโทรศัพท์และเครื่องเสียง
– Paddle Shift สามารถเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัย
– ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/40 R 18
– เบาะหลังพับได้แบบ 60:40
– สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
– จอ LCD แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
– แป้นคันเร่งแบบสปอร์ต
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า + ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
– ไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างนำทางเมื่อดับเครื่อง (escort lamp)
– ระบบ Bluetooth
– กุญแจ Immobilizer
– ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor
– ระบบไล่ฝ่าที่กระจกมองข้าง
– ระบบปรับความร้อนที่เบาะหน้า
– โครงสร้างนิรภัยแบบ High – Tensile Steel สำหรับเสากลางและจุดสำคัญต่างๆทั่วตัวรถ
– All-New Hyundai Veloster และ Veloster Sport Turbo มีให้เลือกถึง 7 สี ที่มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่นเฉพาะตัว อันได้แก่สีส้ม Vitamin C สีเหลือง Sunflower สีเขียว Green Apple สีเงิน Sonic Silver
สีแดง Veloster Red สีน้ำเงิน Ocean Blue สีขาว White Crystal และ สีพิเศษ “เทาด้าน” หรือ Petrol Grey ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น Turbo เท่านั้น