Categories: รถใหม่

First Impression : Honda FIT RS 1.5 4WD Japanese Version ; ทักทายกันชิล ชิล ก่อนพบเวอร์ชันไทย…By : J!MMY

ถ้าในช่วงสองสามวันนี้ หรือรวมทั้งในสัปดาห์หน้า จนถึงช่วงเวลาก่อนปลายเดือนมีนาคม
คุณกำลังขับรถไปบนท้องถนน ในกรุงเทพฯ

จู่ๆ สายตาก็เกิดไปพบกับรถที่มีบั้นทายแบบนี้….

ด้านข้าง ตัวรถ ติดสติ๊กเกอร์ ตัวเบ้อเร่อเบ้อร่า เช่นนี้

ก็มิต้องตกใจครับ

ช่วงนี้ ฮอนด้า ออโตโมบิลล์ (ประเทศไทย) เขาเกิด "ฟิต จัด"
อยากสร้างกระแส "แจ้สใหม่ ขึ้นมาทีละเล็กละน้อย ก็เลยสั่งนำเข้า "ฟิต เวอร์ชันญี่ปุ่นแท้ๆ
มา 4 คัน เพื่อให้สื่อมวลชน ได้มีโอกาสทดลองขับกันเล่นๆ ขำขำ ก่อนจะพบกับเวอร์ชันผลิตขายในประเทศ
ที่จะคลอดตามออกมา "ในวันเปิดงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้ ไม่มีทางเร็วกว่านี้" มากสุดได้แค่ 1-2 วัน)

นอกจากคำถามยอดฮิตว่า เมื่อไหร่จะเปิดตัว ราคาเท่าไหร่ แพงกว่าเดิมเยอะไหม?
หลายคนคงมีคำถาม ว่า รุ่นใหม่มันจะดีกว่ารุ่นเก่าแค่ไหน ความก๊องแก๊ง เบาๆ ทั้งคันของมัน แก้ไขให้ดีขึ้นหรือเปล่า?

วันนี้ผมจะพาคุณไปยังภัตตาคาร La Villa ทองหล่อ ซอย 9 กัน…

เพื่อพิสูจน์ แจ้ส ใหม่ เวอร์ชันญี่ปุ่น ในชื่อ ฟิต ว่า ฟิตขึ้นกว่าเดิม มากน้อยแค่ไหน?



เปล่าครับ ไม่ใช่คันนี้!

ผมหมายถึงเจ้าพวกข้างล่างเนี้ยต่างหาก!



ในเมื่อ เป็นแค่การทดลองขับในระยะสั้นๆ ยังไม่ใช่ ฟูลรีวิว ทดลองขับ เต็มรูปแบบ
ดังนั้น การพูดถึงแนวคิดในการพัฒนารถรุ่นนี้ จึงยังดูเป็นเรื่องห่างไกลความจำเป็น

เมื่อเช่นนี้ รายละเอียดแบบเน้นๆ ในสิ่งที่ผู้คนสนใจ อันหมายถึง
รายละเอียดแบบคร่าวๆ นั่นคือสิ่งที่เราน่าจะพูดถึงก่อนเรื่องราวอื่นใด

เพราะที่แน่ๆ รายละเอียด และแนวคิดในการพัฒนาตัวรถทั้งคันนั้น เก็บไว้เล่าสู่กันฟังอีกครั้ง
เมื่อถึงคราวที่ เวอร์ชันไทย ในชื่อแจ้ส จะผ่านการทดลองขับด้วยสองมือและสองเท้าของผมไปแล้ว

โปรดอย่าเพิ่งมาถามว่าเมื่อไหร่ เพราะผมเอง ก็ยังไม่รู้เลยว่า ชีวิตในวันพรุ่งนี้ จะเป็นเช่นไร
ดังนั้น จะตอบให้ตายตัวลงไป ว่าจะได้ขับในวันไหน และเวลาเท่าใด
ก็ดูเหมือนว่า อาจต้องพึ่งพาการคำนวนทางไสยศาสตร์จากบรรดาโหราเทพธิดาพยากรณ์เกิน
มากไปสักหน่อย

ผมรู้อย่างเดียวว่า การติดสติ๊กเกอร์แบบนี้
รู้ทั้งรู้ว่า เป็นความพยายาม จะดึงดูดให้ผู้คนที่พบเห็น ได้สงสัยว่า
เฮ้ มันรถอะไรเนี่ย?? ฟิต เหรอ เอ๊ะ แจ้สใหม่หรือเปล่า?

แต่พูดก็พูดเถอะ
นอกจาก ผมและอีกหลายๆคน ลงความเห็นคล้อยตามกันว่า เกลี๊ยดเกลียด
ไม่อยากให้ติดเล้ยยย เพราะมันถ่ายรูปโคตรยากกก บางทีต้องรีทัชกัน วุ่นวาย แล้ว…

ก็มิได้หมายความว่า มันจะเรียกร้องความสนใจจากผู้คน ได้ผล
ดังใจต้องการเสมอไป…

ก็ดูเอาเถิด
ระหว่างที่ผม กับ คุณทัศไนย ไรวา
นักออกแบบรถยนต์คนแรกๆของเมืองไทย
และ Editor in Chief
นิตยสาร Car อันเป็นนิตยสารจากอังกฤษ ฉบับภาคภาษาไทย
พาเจ้า "ฟิตโตะ" คันนี้ วิ่งเล่นขึ้นทางด่วน ไปลงตามเส้นทางต่างๆที่กำหนดไว้



สายตาของเรา ก็เหลือบไปเห็น ฮอนด้า แจ้ส รุ่นเดิม ป้ายแดงเถือก
แล่นเฉื่อยๆ อยู่ข้างหน้า



ผมก็คิดแผลงๆสนุกๆขึ้นมา

คุยกับพี่เค้าว่า เราลองเร่งความเร็วขึ้นไป ตีคู่กับรถคันนี้ดีกว่า



เราตัดสินใจ พารถขึ้นไปเทียบขนาบข้าง เพื่อดูปฏิกิริยาผู้คนที่ได้พบเห็น

แต่ คนขับที่นั่งมากับแจ้สคันนั้น ไม่สนใจใยดีเราเท่าใดนัก
มากสุดที่เราจะเห็นก็คือ เหลือบมอง ชำเลืองมอง
แล้วก็เฉยเมยผ่านไป เหมือนไม่มีความตื่นเต้นใดๆเหลืออยู่บนโลกกลมๆใบนี้
สำหรับเค้าคนนั้น

แจ้ส บางคัน หนักกว่านั้น
แม้เราจะจอดรถข้างๆกันกับ แจ้สอีกคันหนึ่ง
และเจ้าของรถดูแนวทางน่าเสวนากับเราได้

แต่ที่ไหนได้ สายตาของคู่ตุนาหงันหนุ่มสาวคู่นั้น ยังไม่เลิกละวางจากกัน
ยังคงป้อนขนมนมเนยกันกุ๊กกิ๊ก งุ้งงิ้งๆ หอมกันไปมา จูบกันไปมา สองคน
จนเราสงสัยกันว่า นี่พวกเค้ากำลังซักซ้อมความเข้าใจและความพร้อม
ก่อนจะเข้าโรงแรมม่านรูดกันหรือเปล่า?



แม้จะต่อให้ วัยรุ่นอย่างคนขับ Mazda LANTIS คันนี้ ที่ดูแนวโน้มแล้ว น่าจะสนใจเรื่องรถบ้าง
แต่เอาเข้าจริง กลับไม่แม้แต่ชำเลืองหางตามองมายังเจ้า ฟิตโตะ เลยแม้แต่น้อย

แปลกใจมากๆ



แต่เอาละน่า อย่างน้อย กับคนเดินถนนทั่วๆำไป

เส้นสายของ ฟิตโตะ หรือ แจ้สใหม่ ก็พอจะเรียกความสนใจขึ้นมาได้บ้าง
ไม่มากก็น้อย…

ไม่เช่นนั้น ทั้ง 4 คนนี้ คงจะไม่เหลียวมามองรถที่เราขับกันอยู่ ทั้งถ้วนทั่วทุกตัวคน
เ่นนี้หรอก

เพราะงานนี้ ถึงแม้ว่าฮอนด้า จะพยายามออกแบบเส้นสายของแจ้สใหม่ให้ดูดีขึ้น
โดยยังคงแนวทาง Cab Forward Design / Man Maximum & Machine Minimum)
เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ใครจะปฏิเสธลงละว่า เส้นสายที่ออกมา แม้จะดูลงตัวขึ้น แต่ก็ยังมีกลิ่นอาย
ของรถรุ่นเดิมปรากฎอยู่แทบทั้งคันรถ แถมยังเล่นแนวเส้นจากชุดไฟหน้า ต่อเนื่องจนถึงกระจกบังลมหน้า
ในแบบ One Motion Form

ดังนั้น จงอย่าแปลกใจที่ผู้คนในรถคันอื่นๆจะมองคุณ ตอนขับ ฟิตโตะ คันนี้
แล้วจะมองข้ามไปเสียดื้อๆ และคิดไปว่า มันคือรถคันเดิม รุ่นเดิม

หรือไม่บางคน อย่างเช่นน้องที่ผมกำลังนั่ง แช็ตใน MSN ไปด้วยขณะนี้
จะเรียกมันว่า "หนูผี" !!!

กระนั้น การให้ความสำคัญกับรายละเอียดปลีกย่อย ในฟิต/แจ้ส ใหม่นั้น
กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวรถดูดี และใช้สอยอรรถประโยชน์ ได้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะ การออกแบบเดสาหลังคาคู่หน้า ให้ยื่นล้ำไปไกลกว่าเดิม
ทำให้พื้นที่สำหรับ กระจกหูช้างคู่หน้า ใหญ่โตขึ้น



ใหญ่ขึ้นแล้วดีตรงไหน?

ก็ดีขึ้นตรงที่ว่า เมื่อผมก้าวเท้าขึ้นไปนั่งในห้องโดยสารแล้ว
ผมกลับไม่พบว่าเสาหลังคา ที่ออกแบบยื่นล้ำไปข้างหน้า
จะบดบังทัศนวิสัยการขับขี่มากมายเกินจะคาดคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก

ตรงกันข้าม กลับโปร่งและโล่งสบายยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้ารถ มองออกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า

มองไปด้านข้างฝั่งขวา
จนกระจกหูช้างที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
มองเห็นพืนที่บริเวณจุดบอดได้ดียิ่งขึ้น

หรือจะมองไปทางฝั่งซ้าย….

(มันไม่ใช่ทุกวันหรอกที่คุณจะเห็น ปอร์เช่ บ็อกสเตอร์ ป้ายแดง
ฝุ่นเขรอะ ฝรั่งขับ สวมด้วยยางที่แก้มหนาพอๆกับในรถเก๋งซีดาน เ่ช่นนี้)



หรือถ้าอยากมองจากด้านหลัง เวลาจะเปลี่ยนเลน จากทางด่วน เป็น เลนคู่ขนาน
การบดบังของเสาหลังคาดัานหลังก็จะไม่ได้ถึงกับต่างจากรุ่นเดิมเท่าใดนัก

ส่วนกระจกบังลมด้านหลัง พื้นที่จริงๆของมัน มีเพียงแค่นี้…

เนื่องจาก น้องฟิตโตะ ที่เราลองขับกัน
เป็นรุ่นท็อป ในกลุ่ม RS อันเป็นแนวตกแต่งใ้ห้ติดสปอร์ตเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับรุ่น L และรุ่น G อันเป็นรุ่นมาตรฐาน เอาใจคุณแม่บ้าน

ดังนั้น ห้องโดยสารจึงถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำเป็นหลัก
อาจจะมีสีม่วงเข้มๆ เจือปนมาบ้าง บนพื้นผิววัสดุพลาสติก
สำหรับแผงหน้าปัด และแผงประตูด้านข้าง

ชุดเบาะหน้า ออกแบบขึ้นบนเฟรมโครงสร้างของรถยนต์ฮอนด้าขนาดกลาง
ติดตั้งสปริงและปีกของตัวเบาะที่สามารถช่วยเพิ่มความโอบกระชับกับ
สรีระและให้ความนุ่มสบายในขณะขับขี่

ผ้าหุ้มเบาะเป็นแบบกำมะหยี่ ที่ให้สัมผัสนุ่มนวลดี
เบาะรองนั่ง ยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมนิดหน่อย และรองรับต้นขาดีกว่าเดิมเล็กน้อย

อีกทั้งยังมีที่พักแขนมาให้ สำหรับเบาะคนขับ
แม้จะอยู่สูงกว่า ตำแหน่งการวางแขน บนแผงประตูเล็กน้อยก็ตาม

ในขณะเดียวกัน
พื้นที่ของเบาะนั่งด้านหลังก็ถูกปรับปรุงให้มีทางเข้าออกใหญ่ขึ้นกว่าเิดิมเล็กน้อย

อันเป็นผลมาจากการขยายระยะฐานล้อของตัวรถ จากล้อหน้า ถึงล้อหลัง
ให้ยาวขึ้น จาก 2,450 เป็น 2,500 มิลลิเมตร

เบาะนั่งด้านหลังมีขนาดกว้างขึ้นจากเดิม 20 มม. และลึกลง 15 มม. เช่นเดียวกับแผ่นพนักพิงหลังที่หนาขึ้น 10 มม. คราวนี้ พนักพิงปรับเอนได้
เล็กน้อย แถมด้วยพนักศีรษะแบบ Built-in ที่ยกขึ้น-ลง เพื่อลดการบดบังทัศนวิสัยด้านหลังได้ดีขึ้่น

อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีที่พักแขน ตรงกลางชุดเบาะหลังตามเดิม

ถึงจะเป็นรุ่นใหม่ แต่ทีมออกแบบยังคงรักษาจุดเด่นของชุดเบาะนั่งแบบ ULTRA SEAT เอาไว้เช่นเดิม โดยเบาะแถวหลัง แบ่งพับพนักพิงได้ในอัตราส่วน 60:40

ในโหมด ULTILITY MODE เพื่อเพิ่มความยาวห้องเก็บสัมภาระหลังขึ้นเป็น 1,720 มิลลิเมตร
เหมาะกับการบรรทุกทีวีจอแบนหรือเมาเทนไบค์คันโปรด หากปรับพนักพิงเบาะหน้า โน้มราบจนต่อเนื่องกับเบาะแถวหลัง

ในแบบ LONG MODE จะช่วยให้สะดวกต่อการบรรทุกสิ่งของมากถึง 2,400 มิลลิเมตร เหมาะกับกระดานโต้คลื่นหรือสโนว์
บอร์ด

นอกจากนี้ เบาะรองนั่ง ยังสามารถยกพับขึ้นและล็อกค้างไว้ แบบเบาะของโรงภาพยนตร์ ในสไตล์ TALL MODE เอาใจนักช้อปต้นไม้โดยเฉพาะ

ส่วน พนักพิงเบาะหน้า ยังสามารถปรับเอนหงายจนสุด พร้อมกับ ปรับพนักพิงเบาะ
หลัง ให้เอนลงเล็กน้อย ในแบบ REFRESH MODE เพื่อการพักผ่อน

พื้นที่ห้องเก็บของด้านหลัง มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 384 ลิตร ตามมาตรฐาน VDA ของเยอรมัน

และเมื่อพับเบาะลงทั้งหมดแล้ว จะมีความจุถึง 624 ลิตร เลยทีเดียว

การพับเบาะ ไม่ยาก ใช้วิธีดั้งเดิม
คือ ดังคันโยก ที่ด้านบนสุดของพนักพิง เพียงเท่านั้น ชุดเบาะก็จะพับลงมา
จนราบติดลงไปกับพื้นรถ

หรือยกเบาะรองนั่งพับขึ้น แล้วเอาขาตั้งที่ลอยอยู่ กดล็อกยึุดเอาไว้ ตามเดิม

ทั้งหมดนี้ กลไก เหมือนกับรถรุ่นที่แล้ว

แผงหน้าปัด คราวนี้ ออกแบบโดยได้รับอิทธิพลมาจาก
รถยนต์รุ่นหลังๆของฮอนด้าหลายๆรุ่น โดยเฉพาะ ซีวิค
ทั้งเวอร์ชันตลาดโลกและเวอร์ชันยุโรป

พวงมาลัย ทรงหนาขึ้น กระชับมือยิ่งขึ้น
เพิ่มความรู้สึก คล้ายรถสปอ์ตกว่าเดิม

แต่พวงมาลัยนี้ แกนกลางแม้จะเหมือนกับซีวิค
ทว่า วงพวงมาลัย ไม่เหมือนกันครับ

รัศมีวงเลี้ยว 4.7 เมตรนั้น แคบพอจะเลี้ยวกลับรถได้เพียงเลนเดียว
ในบางกรณี

มาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลม
เรืองแสงด้วยสีส้ม

ไม่มีมาตรวัดอุณหภูมิความร้อนมาให้ มุขเดียวกับรุ่นเดิม
จอ แสดงข้อมูลดิจิตอล จะบอกข้อมูลครบ
ทั้งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย Trip Meter
Odo Meter และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบ Real Time

สวิชต์ปรับกระจกมองข้าง ย้ายมาไว้ใกล้กับชุดมาตรวัดมากขึ้น

มีสวิชต์ ปรับระดับสูงต่ำของชุดไำฟหน้า และชุดเปิดปิดการทำงานของใบปัดน้ำฝนหลัง

แผงหน้าปัดชุดนี้
มีช่องเก็บของพร้อมฝาปิด 2 ตำแหน่ง
และมีขนาดใหญ่พอสมควร

แถมชิ้นงานพลาสติก และ Texture ต่างๆค่อนข้างดี สมราคา

และถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า มีการออกแบบช่องใส่แก้วน้ำ หรือขวดน้ำ
ไว้ตรงด้านใต้ช่องแอร์ลงมาเล็กน้อย

ตำแหน่งช่องวงกลมนั้น สามารถวางโทรศัพท์มือถือก็ยังได้

ระบบเครื่องปรับอากาศเป็นแบบดิจิตอล อัตโนมัติ

ถ้าสังเกตอีกนิดจะเห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆบนปุ่มสวิชต์ต่างๆ

ส่วนวิทยุ พร้อมเครื่องเล่น CD / MP3 / WMA นั้น
คุณภาพเสียง ดีใช้ได้ หน้าปัดวิทยุ เหมือนจะเป็นชุดเดียวกับ ซีวิค FD

แต่ เวอร์ชันไทย จะได้วิทยุแบบที่เห็นนี้เลยหรือเปล่า?
ยังน่าสงสัยอยู่

เพราะชุดเครื่องเสียงชิ้นนี้ มีระบบเชื่อมต่อกับ USB รองรับไว้ให้ด้วยในตัว

และต่อไปนี้คือความแตกต่าง ในภาพรวม เมื่อเทียบกับแจ้สรุ่นเดิม

ด้านขุมพลังของ ฟิต ในเวอร์ชันญี่ปุ่นนั้น มี 2 ขนาด

มีทั้งแบบ L13A 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,339 ซีซี i-VTEC
100 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที

และในรุ่นที่เราลองขับกันนี้ เป็นเครื่องยนต์รหัส L15A
4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,496 ซีซี i-VTEC
ที่เปลี่ยนมาใช้กระเดื่องวาล์ว ROCKER ARM ทำจากอะลูมีเนียม
เพิ่มกำลังขึ้นจากเดิม 110 เป็น 120 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 14.9 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที

ซึ่งหากสังเกตกันดีๆจะพบว่า กราฟแรงม้า และแรงบิด จะมีแนวเส้น คล้ายกับที่พบจากเครื่องยนต์
เวอร์ชันเดิม แล้วมันจะมีผลต่อสมรรถนะอย่างไรนั้นหรือ ลองอ่านกันต่อไปครับ

เครื่องยนต์ L15A เวอร์ชันใหม่นี้ เปลี่ยนจากลิ้นปีกผีเสื้อธรรมดา
มาใช้ระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าและสมองกล Drive-By-Wire แทน

และในรุ่นที่ทดลองขับนี้่ เป็นรุ่นท็อป ของญี่ปุ่น คือ RS 4WD
จะติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Real Time
อันจะทำงานเหมือนกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ใน CR-V
คือจะทำงานเฉพาะตอนที่ล้อหมุนฟรีข้างใดข้างหนึ่งมากผิดปกติ
ก็จะมีการส่งถ่ายทอดกำลังไปยังล้อขับเคลื่อนด้านหลัง ให้ช่วยนำพารถผ่านพ้นไป

ระบบส่งกำลังจึงเป็นเกียร์ "อัตโนมัติ 5 จังหวะ 5AT"
ซึ่งก็ถือเป็นรายแรกของกลุ่มตลาด ซับ-คอมแพกต์ 1,300-1,500 ซีซี

ขณะที่ รุ่นขับล้อหน้าเวอร์ชันญี่ปุ่น ยังคงใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT ตามเดิม แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทำงานได้ดีขึ้น

มีการยืนยันว่า สเป็กของรถคันนี้ ใกล้เคียงกับเวอร์ชันที่จะเปิดตัวในเมืองไทยมากที่สุดแล้ว

เท่าที่ผมลองดู แทบจะเรียกได้ว่า ตัดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อออกไปเพียงอย่างเดียวเสียด้วยซ้ำ
ทั้งที่พอจะรู้ว่า มันคงไม่ใช่แ่ค่นั้นหรอกที่เขาจะตัดออก
หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ใส่แทนเข้าไป

หน้าตาของคันเกียร์ จะไม่มีอะไรต่างไปจาก เวอร์ชันไทย

แถมจะยังมีแป้น Paddle Shift ติดตั้งที่ด้านหลังของพวงมาลัย

แป้นชุดนี้จะทำงานเหมือนแป้น Paddle Shift ในแอคคอร์ดใหม่
คือ ต่อให้อยู่ในตำแหน่งเกียร์ D อย่างเดียว ก็สามารถเล่นเปลี่ยนตำแหน่ง
เกียร์ ได้จากแป้นบวกลบนี้ได้ทันที โดยไม่ต้องโยกคันเกียร์เข้าไปยังตำแหน่ง
S เหมือนเช่นที่ ซีวิค FD เป็นอยู่

รายละเอียดทางวิศวกรรมด้านอื่นๆแทบไม่แตกต่างจากฮอนด้ารุ่นเล็กคันอื่นๆทื่เปิดตัวในช่วงหลายปีมานี้เลย เริ่มที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ถูกปรับปรุงโดยเพิ่มมุมแคสเตอร์ ให้เอียงมากขึ้น ชุดปีกนกมีขนาดใหญ่ขึ้น
และหนาขึ้น รองรับการกระเทือนและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ดีขึ้น ส่วนด้านหลัง หากเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจะยังคงเป็นแบบทอร์ชชันบีม แต่ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะใช้แบบ เดอดิออง พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งหน้า-หลังติดตั้งจากโรงงานทุกรุ่น
โดยเฉพาะรุ่น RS ที่จะถูกปรับแต่งระบบกันสะเทือนให้เอาใจนักขับมากกว่ารุ่นอื่นๆ ระบบบังคับเลี้ยว ยังคงเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS แต่ถูกปรับปรุงชุดแร็คใหม่เกือบทั้งหมด เพิ่มความแข็งแรงของชุดเฟืองเกียร์ และเพิ่มขนาดมอเตอร์ให้ใหญ่
ขึ้นจาก 40A เป็น 60A เพื่อการตอบสนองที่เฉียบคม และหนักแน่นมากขึ้น รัศมีวงเลี้ยว 4.7 เมตร ทุกรุ่นใช้ระบบเบรก ที่ปรับปรุงการตอบสนอง ให้มีความละเอียดและนุ่มนวลอย่างต่อเนื่อง (LINEAR) มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม เป็นแบบหน้าดิสก์-หลังดรัม
ยกเว้นรุ่น 1.5 RS เกียร์ธรรมดา ที่จะเอาใจขาซิ่งด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ ทุกรุ่นมาพร้อมเอบีเอสระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน BREAK ASSIST นอกจากนี้ ในรุ่น 1.5 RS ขับล้อหน้าทุกคัน ยังเพิ่มระบบควบคุมเสถียรภาพ
VSA (VEHICLE STABILITY ASSIST) แถมมาให้เป็นครั้งแรก

เส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับ ส่วนใหญ่จะวนขึ้นทางด่วน
ลงเข้ามาในตัวเมืองบ้าง แล้วก็วกลับขึ้นทางด่วนอีกครั้งหนึ่ง
ตามลายแทงที่เห็นอยู่นี้

ขอใช้ ลิควิด เปเปอร์ เวอร์ชัน โฟโต้ช้อป ลบเบอร์ติดต่อในแผนที่ออก
เพื่อความเป็นส่วนตัว เพราะเบอร์ทั้งสองนั้น เป็นเบอร์ส่วนบุคคล
มิใช่เบอร์โทรศัพท์ของบริษัท

ผมเลือกที่จะขับในเส้นทางที่ตัวเองใช้อยู่เป็นประจำ
คือ ในช่วงที่ 2 จาก ถนนสาทร ร้าน Secert Garden ตรงมาเลี้ยวซ้าย ขึ้นทางด่วน
ที่แยกสุรศักดิ์ จากนั้น เลี้ยวเข้าโค้งซ้าย พระราม 3 บางโคล่ มุ่งหน้าไปทาง บางนา ลงทางออก สุขุมวิท 62
แล้วเลี้ยวกลับมาขึ้นทางด่วนใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อวนขึ้นมาอีกครั้ง ลงเพชรบุรีตัดใหม่ ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนอโศก
มาจบที่โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม อันเป็นโรงแรมเปิดใหม่ หรูหราอลังการใช้ได้



พี่เรวดี คนสวย บอกว่า "อย่าขับเพลินจน ขับไปถึงบ้านนะจ้ะ"

พี่ครับ "ถ้าพี่ไม่บอกผม ผมคงแวะพามันกลับไปบ้านแล้วแน่ๆ!"

ก็แน่ละ เมื่อทดลองขับแล้ว อะไรก็ตามที่ผมเคยคอมเมนท์ไว้ ในแจ้สรุ่นก่อน ว่าสมควรจะมีการปรับปรุงในรถรุ่นใหม่นี้
ก็ได้มีโอกาสพบเห็นกันหลายเรื่อง ในภาพรวมแล้วปัญหาแต่ละประเด็น ถูกปรับปรุงจนน่าพอใจไปเยอะ

ทั้งในเรื่องของ ทัศนวิสัย ที่โปร่งตา อย่างที่ปรากฎในรูปด้านบนๆ อาจมีบางจังหวะที่เสาหลังคาคู่หน้าบดบังไปบ้าง แต่ไม่มากนัก
ทั้งในเรื่องของระบบกันสะเทือน ที่ปรับปรุงใหม่ ลดความแข็งกระด้าง ตึงตังให้น้อยลง แต่เพิ่มความนุ่มนวล และแน่นหนาขึ้น
ในเวลาเดียวกัน

พวงมาลัย เมื่อเทืยบกับรุ่นที่แล้ว ในช่วงความเร็วต่ำ ยังคงเบาหวิว บังคับเลี้ยวง่าย เหมาะแก่การใช้งานในเมืองเป็นหลักตามเดิม
แต่เมื่อความเร็วของรถเพิ่มสูงขึ้น พวงมาลัยจะเริ่มหนืดขึ้นกว่าแจ้สรุ่นเดิม และให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้มากกว่ารุ่นเดิม
แต่ เพียงแค่นิดหน่อย

อยากบอกกับใครที่มีโอกาสได้ลองขับว่า อย่าให้วงพวงมาลัยที่มีขนาดกระชับมือคุณ
เป็นอีกสัมผัสที่หลอกความรู้สึกของคุณว่า พวงมาลัยมีน้ำหนักดีขึ้น
เพราะจริงอยู่ว่า ในย่านความเร็วสูง หนืดขึ้นจริง แต่เพียงนิดหน่อยเมื่อเทียบจากเดิม

การตอบสนองของระบบเบรกนั้น ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม แป้นเบรก ไม่ได้แข็งทื่อๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว
นุ่มนวลขึ้น และชวนให้นึกถึงสัมผัสจากแป้นเบรกที่ ใกล้เคียงกับ ซีวิค FD มากขึ้นอีกพอสมควร

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฮอนด้าเองยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เห็นจะได้แก่ สมรรถนะของเครื่องยนต์

เพราะเมื่อ ผมกับคุณทัศไนย ช่วยกันจับเวลาหาอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง กันแบบคร่าวๆ
เราพบว่า FIT คันนี้ ใช้เวลานานถึง ราวๆ 13-14 วินาที อันเป็นตัวเลขที่ ช้าเกินไป
และแทบจะไมได้ต่างจากตัวเดิมเท่าที่ควร ทั้งที่การตอบสนองของคันเร่ง DBW
นั้น ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ฉับไวตามสมควร

ตั้งข้อสังเกตว่า การออกตัวในช่วงเกียร์ 1 นั้น ทำได้ดี แต่พอเข้าสู่เกียร์ 2 แล้ว
ค่อนข้างจะอืดอาดตั้งแต่จุดนี้เป็นต้นมา ระบบจะเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็วมาตรวัด
ประมาณ 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งถือว่า เร็วไปหน่อย ที่จะขึ้นสู่เกียร์ 3

หากดูกราฟแรงม้า และแรงบิดเทียบกัน ในรูปด้านบน
แล้ว ก็คงหายข้อสงสัยไปได้ เพราะมันชัดเจนอยู่ว่า
แรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาอีก 10 ตัวนั้น ถูกรีดเค้นออกมา เพื่อให้มีกำลังในช่วงตีนปลายเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย
และ เค้นออกมา เพื่อหวังผลด้านการตลาด มากกว่าจะเน้นในด้านสมรรถนะอย่างแท้จริง

และยิ่งมาลองดูอัตราทดเกียร์ อัตโนมัติ 5 จังหวะ หลายๆคนน่าจะเห็นถึงอะไรบางอย่างได้บ้าง

เกียร์ 1…….. 2.995
เกียร์ 2……..1.678
เกียร์ 3……..1.066
เกียร์ 4……..0.760
เกียร์ 5……..0.551
เกียร์ R……..1.956
เฟืองท้าย……..4.562

ผมชักสงสัยว่า ถ้ามีอัตราทดแค่ 4 เกียร์
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงที่ไล่ความเร็วตั้งแต่ 70-100 นั้น จะเร็วขึ้นกว่านี้อีกนิดได้ไหม



*****สรุป*****
*****เวอร์ชันญี่ปุ่น ดีขึ้นในเกือบทุกจุด ยกเว้นพละกำลังจากเครื่องยนต์ที่เหมือนๆเดิม*****
*****เวอรน์ชันไทย ? ใจเย็นกันอีกนิด รอบางกอก มอเตอร์โชว์ สถานเดียว *****

ผมไม่อาจสรุปได้เต็มปาก แม้จะพบว่า ฟิต ใหม่ หรือที่จะขายในเมืองไทยด้วยชื่อ แจ้ส นั้น เรียกได้ว่ามีพัฒนาการดีขึ้นในเกือบทุกจุด
และอาจจะมีข้อยกเว้น ในด้านสมรรถนะที่ออกมาจากเครื่องยนต์ หากเทียบตัวเลขกับคู่แข่งอย่างเครื่องยนต์ 1NZ-FE ของโตโยต้า วีออส
และยาริส นั้น แม้ว่าลิ้นปีกผีเสื้อจะทำงานช้า ได้น่าปวดหัว แต่ตัวเลขอัตราเร่งออกมา ผลก็ยังน่าพอใจกว่า

กระนั้น ถ้ามองถึงองค์ประกอบโดยรวมแล้ว ทั้งวัสดุในห้องโดยสาร การออกแบบ และสัมผัสจากการขับขี่ ในแทบทุกด้านแล้ว
ฟิต ใหม่ ก็ยังคงน่าซื้อหามาขับใช้งานกว่า ยาริส อยู่ดี

แล้วเวอร์ชันไทย จะทำไๆด้ถึงขนาดที่เวอร์ชันญี่ปุ่นเป็นอยู่หรือเปล่า?
คุณภาพการประกอบออกมาจะเป็นอย่างไร สมรรถนะจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

ตอนนี้ อย่าเพิ่งตัดสิน จนกว่าจะรอให้ เวอร์ชันไทย เปิดตัวทำตลาดในชื่อ แจ้ส
กลางงาน บางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอรืโชว์ ปลายเดือนมีนาคมนี้ก่อน สถานเดียว

ถึงวันนั้น มาสรุปกันอีกที ก็คงยังไม่สายเกินไป



—————————

J!MMY
14 กุมภาพันธ์ 2551
01.00 น. – 07.00 น.

บทความรีวิวทดลองขับ Honda Jazz รุ่นปัจจุบัน
http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2007/01/V5088466/V5088466.html

บทความทดลองขับ Toyota Yaris
http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2006/03/V4186565/V4186565.html

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts