มาซะที่กับโมเดลสุดท้ายในกลุ่ม PPV นั้นคือมิตซูบิชิปาเจโร่สปอร์ตหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว
ในส่วนของการทดสอบในครั้งนี้ผมถือว่าเป็นการทดสอบเบาๆ แบบมีเงื่อนไขต่างๆ คือไปขับในสนามทดสอบของมิตซูบิชิเองและครั้งนี้จึงแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 สถานีหลักๆ คือ ระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และสมรรถนะของตัวรถของ ALL NEW PAJERO SPORT
Station 1 ระบบความปลอดภัย
สำหรับในสถานีแรกนั้นต้องบอกว่าเป็นการนั่งทดสอบมากกว่าเพราะมีเจ้าหน้าที่จากญี่ปุ่นมาทำการขับให้พวกเราได้นั่ง เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เริ่มจากระบบแรกที่ให้ทดสอบดูคือ ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา ระบบนี้หลายๆ คนคงจะเริ่มคุ้นกันแล้วเพราะเกือบจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานไปแล้วสำหรับรถราคาหลักล้านขึ้นไป โดยการทดสอบนั้นจะมีรถวิ่งขนานทั้งด้านซ้ายและขวา โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่มุมกระจกข้างทั้งสองด้านเพื่อเตือนให้ผู้ขับได้รู้ว่ามีรถที่เข้ามาในระยะใกล้แล้ว จากนั้นก็ขับมาถึงจุดที่ทดสอบระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงและระบบช่วยชะลอความเร็ว ซึ่งรถทดสอบจะทำการวิ่งเข้าหาวัตถุที่จำลองว่าเป็นรถหนึ่งคัน โดยหลักๆ ระบบนี้จะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กม/ชม โดยระบบจะทำการสั่งจ่ายแรงดันน้ำมันเบรกเพิ่มขึ้นและมีเสียงสะท้านที่ใต้ท้องรถเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ได้รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องทำการเบรกแล้ว แต่ถ้าผู้ขับขี่ยังไม่เบรกระบบนี้จะทำงานหยุดรถให้เองอัตโนมัติ
จากนั้นก็จะเป็นการทดสอบกล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นแสดงการเคลื่อนที่ของตัวรถ ซึ่งระบบนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้มากที่สุดสำหรับคนที่มีปัญหาในการเข้าจอดในที่ต่างๆถามว่ามันแตกต่างยังไงกับกล้องมองหลังอย่างเดียว คือกล้องของ ALL NEW PAJERO SPORT นี้จะแสดงให้ดูรอบคันจริงๆ เพราะมีการแสดงผลที่เป็นมุมสูงจากตัวรถพร้อมเส้นนำสายตาซึ่งทำให้ง่ายมากสำหรับการถอยเข้าจอดต่างๆ ซึ่งในการทดสอบผู้ขับได้อธิบายให้ฟังในการดูมุมกล้องได้อย่างเสมือนจริง อันนี้ส่วนตัวถือว่าชอบมากและคิดว่าเหมาะกับผู้หญิงที่สุดและคนที่มีปัญหาการเข้าจอดโดยเฉพาะการถอยหลังเข้าจอด
และสำหรับในระบบสุดท้ายคือระบบตัดกำลังชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งสุดแรงและเร็ว ระบบนี้จะทำงานเมื่อกรณีมีวัตถุอยู่ด้านหน้ารถไม่เกิน 4 เมตรและผู้ขับนั้นได้เผลอเหยียบคันเร่งรุนแรงหรือรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดการทำงานของเครื่องยนต์อยู่ในเวลา 5 วินาที ทำให้ผู้ขับได้ทราบว่าเกิดสิ่งผิดปกติแล้ว ก็จะสามารถทำการหยุดรถได้ทันที
Station 2 ความสะดวกสบาย
ซึ่งสถานีนี้จะเน้นในเรื่องของความสะดวกสบายเป็นหลักของตัวรถ ALL NEW PAJERO SPORT โดยสนามทดสอบนี้ได้จำลองสภาพถนนทุกรูปแบบในเมืองไทย ทั้งทางลาดยาง ถนนขรุขระ ทางคอนกรีต แม้กระทั่งการวิ่งผ่านฝาท่อ ต้องการให้ผู้ขับได้รับรู้ถึงความนุ่มนวลของช่วงล่างและการเก็บเสียงของตัวรถในการสัมผัสพื้นผิวต่างๆ ครั้งแรกที่เข้าไปสัมผัสเบาะนั่งคนขับรู้สึกได้ทันทีว่าเบาะตัวนี้นุ่มแน่นและนั่งสบาย
พวงมาลัยนั้น สามารถปรับได้แบบ 4 ทิศทางคือ ขึ้น-ลงและเข้า-ออก ทำให้ปรับให้เหมาะสมกับคนขับได้ง่าย สิ่งที่เปลี่ยนไปที่เห็นชัดนั้นคือเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าเพียงปุ่มเดียวก็สามารถเข้า P ได้อย่างง่ายดาย แผงควบคุมแอร์ก็สามารถปรับอุณหภูมิแยกได้ซ้ายและขวา ต่อไปเป็นเรื่องความเงียบของห้องโดยสารเราได้ทำการขับรถไปในทางที่กำหนดไว้ซึ่งจำลองทางในเมืองไทยทั้งหมด ต้องยอมรับว่าการเก็บเสียงของ ALL NEW PAJERO SPORT นั้นทำได้ดีพอสมควร ไม่ว่าจะทางแย่ๆ ขนาดนั้นก็เก็บเสียงได้เงียบมากกว่าตัวเก่า
ล้อขนาด 18 นิ้วและยางขนาด 265 / 60R18 และมีช่วงล่างด้านหลังที่ใช้เป็นแบบทรีลิงค์ทอร์คอาร์ม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง สำหรับด้านหน้านั้นเป็นแบบ อิสระดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกสองชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง
เพราะสภาพทางทั้งหลายที่ขับทดสอบนั้นทำให้รู้ถึงการซับแรงกระแทกแต่ล่ะพื้นผิวได้ดีและไม่กระด้างมากเกินไป ออกไปทางนุ่มนวลอีกด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมาขับในสถานีที่ใช้ความเร็วกลับให้ความรู้สึกดีมั่นใจควบคุมง่ายอาการของรถไม่ออกมากในโค้งยาวๆ
สำหรับอีกระบบหนึ่งมิตซูบิชิต้องการบอกคือวงเลี้ยวที่แคบมาก 5.6 เมตร แม้ว่าคุณจะอยู่ในโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยทั่วไปแล้วรถขับเคลื่อนสี่ล้อถ้าต้องการเลี้ยวสุดๆ จะค่อยข้างเลี้ยวยากและมีเสียงดังตามระบบของมัน แต่ ALL NEW PAJERO SPORT มีระบบขับสี่ล้อแบบ SS4II AWC คือมีวงเลี้ยวที่แคบแม้จะอยู่ในโหมดขับสี่ล้อและสามารถเลี้ยวได้ง่ายสบายๆ เหมือนขับเคลื่อนสองล้อทั่วไปนั่นเอง
Station 3 สมรรถนะ
จุดเด่นของรถ ALL NEW PAJERO SPORT ในส่วนของเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์บล็อก 4N15 ความจุ 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC VG TURBO พร้อมอินเตอร์คลูเลอร์ 181 แรงม้าขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์สุดยอดที่ทางมิตซูบิชิบอกว่าเป็นหนึ่งเดียวคือระบบเกียร์ 8 สปีดพร้อม Paddle Shift และระบบ INC (Idle Neutral Control) + G-SENSOR เห็นรายละเอียดของเกียร์กับเครื่องยนต์แล้วต้องบอกว่าน่าขับมากๆ ในสถานีนี้เราทำการขับโดยใช้ความเร็วตามที่สนามกำหนดคือเร็วสุดทางตรงก็ไม่เกิน 100 กม/ชม
เมื่อกระแทกคันเร่งลงไป ผลทีได้คือความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ของเกียร์ชุดนี้บอกเลยว่าเงียบและนุ่มมาก ไม่มีอาการกระชากเหมือนตัวก่อนๆ ซึ่งโฉมเก่าตัวสุดท้ายเราก็ว่าดีแล้วนะ แต่เกียร์ตัวใหม่นี้กลับดีกว่ามากส่วนเครื่องยนต์ก็ให้การตอบสนองดี จากนั้นก็ได้ลอง Paddle Shift ซึ่งสามารถกดได้เลยตามต้องการ ซึ่งเกียร์จะไม่เปลี่ยนตำแหน่งให้เองถ้าอยู่ในโหมดสปอร์ตนี้ ใครที่ชอบอารมณ์แบบนี้น่าจะขับคันนี้สนุก ส่วนถ้าจะกลับมาที่โหมด Drive ธรรมดา ก็ดึง Paddle Shift ทางด้านขวาค้างไว้ 3 วินาที ก็จะสามารถกลับเข้าสู่โหมดขับสบายๆ ได้ทันที ซึ่งเราก็ได้ขับกันในสนามยาวๆ 2 รอบในความเร็วสูงสุด 100 กม/ชม ซึ่งมีโอกาสลองเบรกแบบไม่จริงจังเท่าไรแต่ให้ความรู้สึกที่ตอบสนองดีเอาอยู่ ส่วนเรื่องอื่นๆ อัตราเร่งในแต่ละช่วงก็ต้องขอติดค้างเอาไว้ก่อนล่ะกัน แต่รวมๆ ของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้ที่ทำการทดสอบในครั้งนี้
การขับในครั้งนี้ถือเป็นการทดลองสั้นๆก่อนที่จะมีโอกาสได้ขับกันยาวเมื่อได้ขับกันแบบใช้งานจริงคงมีโอกาสมาเล่ากันใหม่
#####################################################
premdsk@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…