ไม่บ่อยนักที่จะได้รับโอกาสทดลองขับรถที่จะมาขายในบ้านเราก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทาง แล้วยิ่งเป็นรถที่อยู่ในกระแสอีกด้วย นั่นคือ ฮอนด้า ซีวิค โมเดลใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน พร้อมด้วยเครื่องยนต์ใหม่อีกด้วย
ครั้งนี้เป็นการไปขับในสนามแข่งระดับโลกที่อยู่ในบ้านเรานั้นก็คือ สนามช้าง อินเตอร์นชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ การเดินทางในครั้งนี้เราเดินทางกันในวันแห่งความรักคือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 ด้วยสายการบินนกแอร์ ไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถือว่าคณะเรานั้นโชคดีมากที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงของนักบิน
เราเดินทางมาถึง บุรีรัมย์กันในช่วงเย็นก่อนที่เตรียมตัวพร้อมกันเพื่อขับรถกันในวันรุ่งขึ้น ( 15 กุมภาพันธ์ 2559 ) ซึ่งในช่วงระหว่างการรับประทานอาหารมื้อเย็นกันนั้นทางทีมได้แจ้งกำหนดการคร่าวๆกันก่อนพร้อมทั้ง ให้มีการจับฉลากเพื่อจัดลำดับในการขับขี่โดยจะได้ไม่ต้องแย่งคิวกัน โดยครั้งนี้จะมีรถทดสอบทั้งหมด 2 คันซึ่งเป็นรุ่นเดียวกัน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าผลที่ออกมานั้นผมได้เป็น คิวที่ 1 ของรถคันที่ 1 ซึ่งหมายความว่าผมจะเป็นสื่อมวลชลคนแรกที่มีโอกาสได้ขับ
เช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่สนามช้าง สนามที่เราจะได้ลองขับซีวิคใหม่กันและถือเป็นธรรมเนียมในการขับทุกครั้งต้องมีการบรรยายเพื่อที่จะได้ทราบข้อมูล ของตัวรถก่อนการขับโดยทางวิศวกรผู้ออกแบบรถ ซีวิคเอง
ฮอนด้า ซีวิค นั้นเป็นรถที่มีประวัติมากว่า 43 ปีและมีมาแล้วถึง 9 เจนเนอร์เรชั่น ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุดจะเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งในบ้านเราจะมี 4 รุ่นย่อย 2 เครื่องยนต์นั้นคือ 1.8 ลิตรตัวธรรมดา กับ 1.5 ลิตร VTEC TURBO โดยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC TURBO ถือเป็นไฮไลท์สำคัญกับการเปิดตัวในครั้งนี้อีกด้วย
สำหรับเครื่องยนต์ VTEC TURBO ที่ติดตั้งใน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ นี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีสมรรถนะที่ทรงพลัง และมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป ซึ่งการทำงานของเครื่องยนต์ VTEC TURBO ประกอบด้วย 3 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่
1. ระบบหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชั่น และท่อไอดีแบบตรง
ข้อด้อยของเครื่องยนต์เทอร์โบคือ การส่งอากาศที่มีแรงดันสูงเข้าไปในเครื่องยนต์ ทำให้อุณหภูมิและความดันภายในเครื่องยนต์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ชะงัก แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO ใช้เทคโนโลยีหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชัน โดยฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกระบอกสูบโดยตรง ช่วยลดอุณหภูมิภายในกระบอกสูบและการไหลของไอดีแบบตรงช่วยให้อากาศและเชื้อเพลิงผสมกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นและต่อเนื่อง
2. ระบบการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วแบบคู่ (Dual VTC) ของท่อไอดี และท่อไอเสีย
เครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไปให้กำลังที่รอบเครื่องยนต์ต่ำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ไม่เต็มที่ แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO มี Valve Timing Control (VTC) เพื่อควบคุมจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วของท่อไอดีและท่อไอเสียให้สอดคล้องกัน จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแม้ในรอบต่ำ
3. เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้า
หนึ่งในปัญหาของเครื่องยนต์เทอร์โบคือ เทอร์โบตอบสนองช้า หลังจากเหยียบคันเร่ง จึงทำให้มีการปล่อยพลังงานไอเสียมากขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณไอดีให้สูงขึ้น แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO มีการใช้เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งใบพัดขนาดเล็กเพื่อนำพลังงานไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์เทอร์โบสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร VTEC TURBO พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาทีด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งทางฮอนด้าบอกว่าพละกำลังเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่กลับมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า
การออกแบบรถนั้นเน้นเรื่องของ โครงสร้างตัวรถที่กว้าง และมีความสูงที่ต่ำลง (wide and low) เพื่อให้อารมณ์ ความรู้สึกของการขับขี่แบบสปอร์ต และมั่นใจ ซึ่งทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ใกล้เคียงกับ ฮอนด้า แอคคอร์ท ที่อยู่ในระดับ D Segment ทั้งยังใส่เทคโนโลยีต่างๆเข้าไปอีกด้วย
หลังจากฟังบรรยายในเรื่องของรถจบก็มาถึงเรื่องการขับขี่ในสนามกันซะที แต่ช้าก่อนครับเราต้องมาเรียนรู้กติกาการขับในสนามกันก่อนว่าตรงไหนเราจะต้องขับกันยังไง บริเวณไหนใช้ความความเร็วได้เท่าไรซึ่งผมคงจะไม่ลงในรายละเอียด จะบอกท่านผู้อ่านเพียงแต่ว่าทางทีมฮอนด้า ให้ขับกันคนละสองรอบแบบเต็มสนามและจะไม่มีไพลอนมาตั้งเพื่อบีบเลนหรือลดความเร็วแต่อย่างใด
เมื่อได้เวลาทางทีมฮอนด้าประกาศเรียกชื่อให้ไปประจำที่รถพร้อมสวมหมวกนิรภัยในการขับครั้งนี้ ผมอยากจะบอกท่านผู้อ่านอย่างนี้แม้ว่าผมจะเคยมาที่สนามแห่งนี้หลายครั้งแล้ว ได้มาเดินในพิท และในแทร็กสนามแข่งแล้วแต่ยังไม่เคยมาลองขับในสนามช้างแห่งนี้เลย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสขับรถในสนามระดับโลกแห่งนี้ ซึ่งสนามนั้นมีความยาวประมาณ 4.5 กิโลเมตร มีโค้งทั้งหมด 12 โค้ง เป็นโค้งซ้าย 5 ขวา 7 ทางตรงยาวสุด 1 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วงทางตรงนี้จะเป็นทางตรงที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ แต่ในครั้งนี้ทางฮอนด้าขอไว้ที่ไม่เกิน 120 กม./ชม.
สองรอบสนามกับระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 6 นาที พอจะเล่าให้ฟังได้ว่าการตอบสนองของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC TURBO นั้นอยู่ในเกฑณ์ที่ประทับใจมาก เร่งดีแบบไม่น่าเชื่อเผลอนิดเดียวความเร็วก็ทะลุไปเกิน 120 กม./ชม. ทำให้ผมนั้นต้องรีบผ่อนคันเร่งลงมา เพราะข้างหน้านั้นมีโค้งดักอยู่และยังต้องทำความคุ้นชินทั้งกับรถและสนามอยู่ อย่างที่บอกขับครั้งแรกกับสนามก็ยังเกร็งๆแถมต้องขับรถแบบถนอมๆให้คนข้างหลังอีก ถ้ารถมันช้ำเยอะเขาจะมาว่าเราได้ ผ่านรอบแรกไปรอบสองเริ่มเล่นสนุกกับทั้งรถและโค้งในสนาม การตอบสนองในการเข้าโค้งและยึดเกาะนั้นหนึบใช้ได้ ให้ความรู้สึกว่ามีความเป็นรถสปอร์ตในการขับ ระบบต่างๆที่ใส่มาให้นั้นช่วยให้ขับง่ายขึ้น การแก้อาการต่างๆของรถนั้นได้ดีมาก น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดี ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อเอาอยู่ ตัวรถนั้นมีการกระจายและถ่ายเทน้ำหนักได้เป็นอย่างดีสังเกตจากการเบรก และการเข้าโค้งต่างๆ ระบบเกียร์แบบ CVT 7 จังหวะเปลี่ยนได้ลื่นไหลนิ่มนวล และในช่วงลดเกียร์ลงมาเพื่อจะใช้ เอ็นจิ้นเบรก ก็ได้ง่ายๆโดยใช้ แพดเดิ้นชิพ ที่อยู่หลังพวงมาลัย ซึ่งจะมีการหน่วงอยู่นิดหน่อย หลังจากที่กำลังจะเริ่มสนุกคุ้นชินกับทั้งรถและสนามพูดง่ายๆว่าเริ่มมันมือมันเท้าก็ครบในการขับจำต้องหักรถเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนคนขับ เป็นอันหมดรอบในเรื่องของการขับขี่ แต่เดี๋ยวก่อนมันยังไม่จบครับต้องมาต่อในเรื่องอื่นๆอีกหลังจากรับประทานอาหารเที่ยงกัน
ช่วงบ่ายนั้นเป็นอีกช่วงที่จะมีโอกาสได้สัมผัสรถกันแบบเต็มแต่ไม่ได้ขับนะครับมาดูทั้งภายนอกและภายในกันเริ่มจากไฟหน้าในรุ่น 1.5 ลิตร VTEC TURBO RS ซึ่งเป็นรุ่นท็อปนั้นเป็นไฟคู่หน้าเป็นแบบ LED ไฟเลี้ยวอยู่ที่กระจกมองข้าง แถมมีไฟหรี่อยู่บริเวณกันชนด้านข้าง เบาะนั่งด้านหลังกว้างมาก ที่วางขาหรือ Leg room นั้นเหลือๆแม้จะถอยเบาะลงมาเกือบจะสุดก็ตาม แต่เบาะนั่งด้านหลังไม่สามารถพับแยกแบบ 60/40 ได้
อีกไฮไลค์หนึ่งที่ทางทีมงานโชว์ให้เราได้ดูกันนั้นคือสามารถสั่งสตาร์ทเครื่งยนต์พร้อมเปิดแอร์ได้โดยกดจากรีโมทซึ่งมีข้อแม้ว่าจะต้องปิดประตูทั้งหมด เกียร์อยู่ในตำแหน่ง P เท่านั้นแล้วกดปุ่มที่เป็นรูปวงกลมค้างไว้รถก็จะติดขึ้นมาเองพร้อมเปิดแอร์ไว้ให้เราด้วยแม้ว่าก่อนลงจากรถเราจะกดปุ่มปิดแอร์ก็ตาม ซึ่งรถจะติดอยู่แบบนี้ประมาณ10นาทีหากเรายังไม่ขึ้นรถรถก็จะดับเองโดยอัตโนมัติ
ส่วนข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจมีดังนี้ครับ เครื่อง 1.5 ลิตร VTEC TURBO นั้นใช้น้ำมันได้แค่ E20 ส่วนอนาคตนั้นกำลังศึกษาอยู่ ช่วงล่างในแต่ละรุ่นนั้นหลักๆแล้วเหมือนกันแต่มีการปรับจูนที่แตกต่างกันอยู่
ส่วนที่หลายคนรอนั้นก็คือราคาคงต้องบอกโปรดติดตามต่อไปจนถึงวันเปิดตัวซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมนี้
ปล.การทดสอบในครั้งทางทีมงานฮอนด้าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพใดๆซึ่งทางทีมจะมีรูปแจกให้ เพราะฉนั้นทั้งรูปภายในตัวรถและเครื่องยนต์หรือรูปแบบถ่ายเจาะเฉพาะต้องรอจนกว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ HONDA