พรุ่งนี้นะครับ เราจะได้ขับ Escape กันบนถนนใน South Australia
ปกติ ก่อนการเดินทางไปไหนต่อไหนที่ผมทำมาตลอด ผมจะหาแผนที่เดินทางในแต่ละสถานที่เอาไว้ล่วงหน้า ที่โดยมากก็จะหาจากอินเตอร์เน็ต พิมพ์ออกมาไว้เสร็จสรรพ ทั้งการเดินทางในเมืองแต่ละเมือง ทั้งรถโดยสาร เรือ หรืออะไรก็แล้วแต่ ตามแต่ผมจะเลือกการเดินทาง
แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้เตรียมเลย อาจจะเป็นเพราะผมวางใจว่า เดินทางกันเป็นกลุ่มเป็นคณะ นำโดยฟอร์ด ก็เป็นได้
ในสิงคโปร์นั้น หากผมจะไปเอง ผมก็จะต้องมีแผนที่ของเมืองไว้ก่อน มีพร้อมทั้งแผนที่รถประจำทางและรถไฟฟ้าของเขา ทั้งที่รู้ดีว่า จะหาได้จากสนามบิน แต่ผมก็ต้องศึกษาเอาไว้ก่อน แต่คราวนี้ ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
ก็ยังพอทำได้ครับ เพราะมีคนเคยใช้รถไฟฟ้าของสิงคโปร์ไปได้ด้วยอยู่แล้ว เราก็เดินทางกันได้อย่างสบาย แม้ช่วงหนึ่งของการเดินทางจะเจอฝนตกหนักเมื่อลงจากรถไฟฟ้าแล้ว เราก็ยังไม่ต้องลงจากสถานี ทำให้นึกถึงรถไฟฟ้าใต้ดินของไทยขึ้นมาได้
ด้วยว่าผมเห็นจุดขึ้นลงใต้ดินของสถานีรถไฟฟ้าของเราสองสามแห่ง ในกรุงเทพมหานครอย่างเช่นที่ลุมพินี กับแถวเพชรบุรี และอีกที่หนึ่งแน่นอนก็คือพระรามเก้า ตรงข้ามกับอาคารฟอร์จูนเทาเวอร์ ที่เป็นเหมือนเพิงหมาแหงนเล็กเล็ก ลอยโดดขึ้นมา เมื่อมองลงไปก็จะเห็นเอสคิวเลเตอร์ หรือบันไดไฟฟ้าสำหรับคนขึ้นและลง
เจ้าบันไดไฟฟ้านี่แหละครับ ผมจำได้ว่าเคยเล่นกับพรรคพวกในสมัยยังหนุ่มกว่านี้หลายปี ด้วยการขึ้นไปหรือลงไปจนสุดแล้วหยุดยืนนิ่งหลังจากพ้นบันไดที่เลื่อนต่อไปข้างใต้แล้ว เพื่อนที่เลื่อนตามมาก็จะติดอยู่หลังผม อัดกันแน่น เกือบหกล้มหกลุกกันหากผมไม่เลื่อนตัวออกไปให้เขามีที่วางเท้าก้าวลงหรือขึ้นจากบันไดนั้น เป็นการเล่นกันอย่างสนุกสนาน ที่ไม่น่าจะดีนัก เพราะอันตราย ใครไม่เชื่อก็ไปลองดูเอาเอง
ทีนี้ เมื่อเห็นเพิงหมาแหงนนั้นมีบันไดขึ้นมาสุด แล้วคนที่ขึ้นจากใต้ดินมา ก็จะต้องก้าวเท้าออกจากเพิงไปในทันทีหรือเกือบจะทันที ที่พ้นบันได ซึ่งก็หมายความว่า พ้นหลังคาเพิงไปด้วย
หากฝนข้างนอก หรือข้างบนกำลังตกหนัก ก็จะต้องมีการชะงักงันขึ้น ในขณะที่คนที่เคลื่อนตามบันไดขึ้นมาไม่รู้ตัว แล้วมาติดคนที่ชะงักเพราะเจอฝนหนักอยู่ข้างบนกว่า คนข้างล่างจะทำอย่างไร
คงทุลักทุเล วุ่นวายกันมากนะครับ
ผมอยากเสนอให้ใครก็ได้ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง คิดหาทางแก้ไขไว้แต่เนิ่นเนิ่น อย่ารอให้เกิดหัวร้างข้างแตกกันก่อนโดยไม่จำเป็นเลยครับ
ทำเพิงต่อออกมาไว้อีกสักหน่อยก็ได้ ให้คนยืนรอหลบฝน หรือขึ้นมาแล้วมีที่ยืนสักยี่สิบสามสิบคน ก็น่าจะดีกว่าให้โผล่ออกมาเจอกับดินฟ้าอากาศที่ไม่คาดฝันมาก่อนเลยเถิดนะครับ
ฤดูร้อนอันเป็นช่วงเปิดการใช้งานรถไฟฟ้าใต้ดินน่ะ ไม่เป็นไรนักหรอก เพราะแดดนี่ยังพอเดินฝ่าไปได้ แต่ฤดูฝนที่จะตามฤดูร้อนมานั่นละครับ อย่าไปนึกทึกทักเอาเองว่า คนไทยในกรุงเทพมหานครอยู่ใต้ฟ้า คงไม่กลัวฝนอันเสียทุกคนเลย
แล้วเราก็ผ่านสิงคโปร์ไปโดยเสียเงินคนละมากละน้อยกันตามแต่โอกาส นอนกันบนเครื่องบินสักสามชั่วโมง สำหรับเวลาบินหกชั่วโมงกว่า ก็ไปถึง Adelaide กันเป็นที่เรียบร้อย
ใครไปออสเตรเลีย อย่าพิเรนแอบเอาผลไม้เข้าไปนะครับ เขาตรวจพบแน่นอน ด้วย X-Ray และเมื่อตรวจพบหากคุณไม่ได้แจ้งเขาไว้ก่อน จะโดนปรับหนักมากได้ถึงห้าพันบาทไทย ดีไม่ดี มีโทษจำอีกด้วย
เมื่อลงเครื่องบินที่ Adelaide แล้ว เรายังเข้าพักในโรงแรมไม่ได้ เพราะเครื่องบินไปถึงเวลาเช้า แต่จะเช็กอินโรงแรมได้ก็บ่ายสามโมง
เราก็เลยต้องนั่งรถบัสเที่ยวกันก่อน โดยที่แรก ไปดูเมือง Adelaide จากยอดเขาสูงเท่าไรจำไม่ได้ แล้วไปดูสวนสัตว์เปิด ที่อาจจะได้เห็นหมีโคอาล่า และได้ดูการให้อาหารสัตว์บางชนิด ก่อนจะไปแวะที่โรงงานทำช็อกโกแล็ตแล้วไปรับประทานอาหารกลางวัน
เสร็จจากอาหารกลางวัน ก็ไปที่ Pen Fold ชิมไวน์ และซื้อไวน์กัน
ตอนลงที่โรงงานไวน์นั้น แดดยามบ่ายของออสเตรเลียใต้แสดงความรุนแรงให้เห็นชัดเจน แม้อากาศจะเย็นจนเราหลายคนต้องงัดเสื้อกันหนาวขึ้นมาใส่ แต่แดดก็แรงจนผมต้องเอาแว่นตากันแดดขึ้นมาสวมทันที จ้าจริงจริงครับ แดดของเขา
ตอนแรก มีโปรแกรมเที่ยวตัวเมือง Adelaide กันก่อนจะเข้าที่พัก แต่หัวหน้าคณะอันได้แก่คุณนที ประชาสัมพันธ์ใหญ่ของฟอร์ด เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส ประเทศไทย เห็นท่าทีทุกคนในคณะอ่อนแรงมากแล้ว ก็เลยบอกกับผู้นำเที่ยวว่า ไปโรงแรมเลยดีกว่า
ไม่มีเสียงคัดค้าน จากคณะที่ทำท่าจะหลับกันหมดเลย เราจึงได้เข้าโรงแรมเพื่ออาบน้ำแต่งตัว เตรียมลงมาประชุมกันเลย
ในห้องประชุม เราได้รับทราบพัฒนาการของฟอร์ด เอสเคป รุ่นใหม่ ใช้เครื่องยนต์ 2.3 ลิตรกันอย่างละเอียดพอสำหรับสื่อมวลชน
พัฒนาการสำคัญที่สุด ก็คือการเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้เล็กลง เพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้รถในประเทศไทย ที่ฟอร์ดเห็นว่า คนที่ต้องการเครื่องยนต์ใหญ่ก็ซื้อกันไปหมดแล้ว ตอนนี้ หากต้องการเครื่องยนต์เล็กก็มีเครื่อง 2.0 ไว้ให้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับรถใหญ่ดีนัก เมื่อมีเครื่องยนต์ 2.3 ใหม่เข้ามา ก็น่าจะให้ความพอดี ลงตัว ว่าอย่างนั้น ให้เลือกได้อีกคันหนึ่ง สำหรับคนที่ลังเล ไม่อยากได้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรเพราะคิดว่ากินน้ำมันและใหญ่เกินตัวไปสักหน่อย แต่ไม่สะใจกับความเล็กของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่ติดใจความเป็น SUV ของฟอร์ด เอสเคป ก็จะได้มีทางเลือกใช้เครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ในแบบที่น่าจะเหมาะใจ เพราะเหมาะสมกับตัวรถพอใช้ทีเดียว
อีกอย่างหนึ่ง ก็คือการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ด้วยการฉีดโฟมเข้าไปในเสาหน้าของตัวห้องโดยสาร และติดบังลมเพิ่มเติม ที่ฟอร์ดมั่นใจว่า เสียงลมจะหมดไป หรืออยู่ในระดับพอใจของนักเลงรถระดับหูทอง
เสาอากาศที่เคยเป็นเสาตายตัวอยู่ข้างหน้าด้านคนขับ ก็จะเปลี่ยนเป็นเสาไฟฟ้า ขึ้นเมื่อเปิดวิทยุ และลดลงเมื่อปิดวิทยุ อันนี้ดีครับ จะได้เอารถเข้าเครื่องล้างรถแบบแปรงหมุนได้สะดวก ไม่ต้องลงมาถอดเสาเข้าไปเก็บในรถก่อน
เครื่องยนต์ใหม่ ใช้ระบบท่อไอดีแบบมีวาล์วกัน เพื่อเพิ่มและลดระยะทางเดินของไอดี ก่อนจะถึงวาล์วไอดี เพื่อช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อรถอยู่ในรอบเดินเบา และมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำให้กับไอเสีย ก่อนที่จะนำไปหมุนวนเข้าสู่ห้องเผาไหม้อีกครั้ง ในระบบ EGR
หลักใหญ่ใจความก็มีอยู่ประมาณนี้
พรุ่งนี้ เราจะได้ลองขับกัน ว่าอะไรต่ออะไร อย่างที่ว่ากันว่า ออกตัวดี เร่งแซงดี และหยุดได้ดี รวมทั้งเก็บเสียงได้ดีขึ้นนั้น จะเป็นประการใด
พรุ่งนี้นะครับ
———————————————–
มูลนิธิกลุ่มอีซ…
“มหกรรมยานยนต์ …
นายณัทธร ศรีนิเ…