Brand: HONDA Model: CR-V
Year: 2001 Miles: 100001 – ขึ้นไป
From: นายนนท์ พิมพาเพชร
7 มกราคม 2551 (Mileage 160106) เปิดฝาสูบที่ศูนย์ ฯ ศรีอยุธยา เพื่อใสฝา (รวมเจียร์บ่า-วาล์ว) เนื่องจากรถความร้อนขึ้น ก่อนเปิดมีการ
เปลี่ยนท่อยางระบบน้ำทั้งหมด มีการตรวจสอบความดันทุกสูบปกติ ศูนย์ฯ จึงขอเปิดฝาสูบตามขั้นตอนต่อไป
12 มกราคม 2551 ซ่อมเสร็จ
14 มกราคม 2551 ผมเอารถออกจากศูนย์ฯ เติมน้ำมันเชื้อเพลิง แล้ววิ่งกลับไปที่พัก (แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
16 มกราคม 2551 เอารถเข้าไปศูนย์ฯ อีกครั้ง เนื่องจากเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมไปไหลออกนองพื้น แต่ยังไม่หมดทีเดียว ศูนย์ฯ แก้ไขให้ ออกมาใช้ได้ปกติ เข็ม
ความร้อนไม่เคยขึ้นอีกเลย
23 มีนาคม 2551 (Mileage 163092) ผมสังเกตุเหตุสัญญาณไฟเครื่องยนต์ (สีแดง) ติดเวลาที่รถเบรคเพื่อขึ้นเนินลูกระนาด เปิดคู่มือดู บอกว่า
เกี่ยวกับเครื่องยนต์ เลยเอารถเข้าศูนย์อีกครั้ง ช่างตรวจสอบ บอกว่าน้ำมันเครื่องหาย ไม่มีน้ำมันติดก้านวัดเลย ที่ศูนย์ฯ เติมน้ำมันเครื่องให้จนเหนือระดับ max เกินขีด(
รู) บน บอกให้เอาออกไปใช้ดูก่อนว่าจะหายอีกมั้ย?
27 มิถุนายน 2551 (Mileage 167429) ยังอยู่ในระยะรับประกันการซ่อม ผมตรวจสอบน้ำมันเครื่อง ลดต่ำลงจนไม่ติดก้านวัดอีกแล้ว เลยเอาเข้า
ศูนย์ฯ อีก คราวนี้ศูนย์ ฯ บอกว่าเรื่องน้ำมันเครื่องไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน จึงขอเปิดฝาสูบดูอีกครั้ง เพื่อดูว่าเกิดจากความผิดพลาดของการซ่อมครั้งที่แล้วหรือไม่ พอ
อนุมัติให้เปิดดู ก็ยืนยัน (ด้วยวาจา) ว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของการซ่อมครั้งที่แล้ว ความดันในกระบอกสูบที่สามไม่ได้มาตรฐาน น่าจะเกิดจากแหวนลูกสูบมีปัญหา
เพราะรถเคยความร้อนขึ้น จึงขออนุญาตผมยกเครื่อง เปิดดูลูกสูบ ผมเกรงว่าจะมีปัญหามากขึ้น ยอมเติมน้ำมันเครื่องดีกว่า (ผมดูแล้วน่าจะเติม 1 ลิตรต่อ 2,000
กม.) ปรึกษาคนใกล้ชิด เค้าก็บอกว่ารถเครื่องหลวมแล้ว ก็ต้องเติมน้ำมันเครื่องเอา รับได้ก็เติมไป ก็เลยไม่ยอมให้ศูนย์ฯ ยกเครื่อง เปิดสูบ
ที่น่าสังเกตุ คือ ฮอนด้าใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการเปิดฝาสูบแล้วประกอบใหม่ ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า เป็นไปได้มั้ยที่ฮอนด้าไม่ได้เปลี่ยนปะเก็นฝาสูบใหม่ ใช้ปะเก็นฝาสูบ
เดิมหรือเปล่า?
ถามคนอื่น ก็บอกกันว่าไม่น่าเป็นไปได้
หลังจากนั้น ผมเอารถไปเติมน้ำมันเครื่องที่ศูนย์ฯ อื่น ๆ ใกล้ ๆ บ้าน
31 สิงหาคม 2551 น้ำมันเชื้อเพลิงของรถรั่วอีก ก็เลยเอารถเข้าศูนย์ ฯ ศรีอยุธยาอีกครั้ง (ยังไม่ได้ให้ศูนย์ ฯ ดำเนินการใด ๆ จนวันที่ 9 กันยายน 2551 ซึ่ง
ต่อมาศูนย์ฯ แจ้งว่าท่อน้ำมันเชื้อเพลิงรั่วเพราะถูกหนูกัดแทะ)
1 กันยายน 2551 ผมได้ทำหนังสือถึง ผู้จัดการศูนย์ ฯ ศรีอยธยา ให้ยืนยันว่าปัญหานี้ไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันการซ่อมครั้งก่อน แต่ไม่มีการตอบแต่ประการใด จน
ผมต้องส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวไปให้ลูกค้าสัมพันธ์ของฮอนด้าช่วยติดตามเรื่องให้
21 ตุลาคม 2551 ได้รับหนังสือตอบจากศูนย์ฯ ศรีอยุธยา (หนังสือลงวันที่ 30 กันยายน 2551) ไม่ได้แจ้งว่ารับประกันหรือไม่รับประกันแต่ประการใด แต่ขอ
ตรวจให้ผมนำรถเข้าศูนย์ฯ เพื่อตรวจสอบโดยการเปิดกระบอกสูบเพื่อตรวจสอบ ซึ่งผมเห็นว่ามันไม่เกี่ยวกับการซ่อมครั้งที่แล้ว และเกรงว่ารถจะมีปัญหามากยิ่งขึ้น ตามที่
กล่าวไว้ข้างต้น เลยไม่เอาเข้า ยอมเติมน้ำมันเครื่องเองดีกว่า
หลังจากนั้นก็ซื้อน้ำมันเครื่องเติมเองครับ
9 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นครั้งแรกที่ผมนับจากการซ่อมฯ ครั้งนั้น ที่ผมเหยียบคันเร่งเต็มที่ (เนื่องจากมีธุระด่วนมาก) จากจอดติดสัญญาณไฟแดง รอบขึ้นไปที่
5,000 ได้สักพักเดียว ปรากฏว่าอยู่ ๆ รอบก็ตก ผมขับต่อไป ขึ้นทางด่วนไปได้สัก 5-10 กม. รู้สึกว่ารถเร่งไม่ขึ้น แต่ก็ยังวิ่งลง แล้วขึ้นทางด่วนช่วงรามอินทรา
จะต่อเชื่อมไปสุขุมวิทได้นะครับ แต่พอลองจอดข้างทาง แป๊บเดียว เครื่องก็สั่น แล้วดับ ลองสตาร์ทเครื่องใหม่อีกครั้ง เครื่องก็ติด แต่สั่น (ผมไม่ทันได้เปิดแอร์ดู) ไม่กล้า
ขับต่อไป กลัวจะพัง กลัวอุบัติเหตุด้วยครับ เลยให้รถทางด่วนลากไปศูนย์ฯ ฮอนด้าพระราม 9 แล้วก็ให้รถลากของศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินของฮอนด้าลากต่อไปศูนย์ศรีอยุธยา
ศูนย์ฯ ศรีอยุธยาขอเปิดฝาสูบ ปรากฏว่าวาล์วไอเสียของสูบสามรั่ว (หรือแตก) ดังรูปครับ
ช่างบอกว่าเป็นการสึกหลอตามปกติ เพราะเครื่องเคยความร้อนขึ้นมา จึงแนะนำให้เปลี่ยนวาล์วทั้งหมด
ต่อมาแจ้งให้เปลี่ยนฝาสูบใหม่
เนื่องจากสูบเดิม เจียบ่าวาล์วไม่ได้แล้ว
23 กุมภาพันธ์ 2552 ผมทำหนังสือแจ้งลูกค้าสัมพันธ์ของฮอนด้าให้ติดตามตรวจสอบว่าปัญหานี้เกิดจากการซ่อมครั้งที่แล้วหรือไม่
มีเจ้าหน้าที่ของลูกค้าสัมพันธ์ (คนเดิมที่ดำเนินการประสานงานเมื่อปีที่แล้ว) ติดต่อกลับมาทางโทรศัพท์ในวันนั้น สอบถามถึงอาการรถ และประวัติซ้ำอีกครั้ง
อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ก็โทรมาอีกถามผมว่ารถซ่อมหรือยัง ให้ผมดำเนินการซ่อมได้เลย ซึ่งส่วนของหนังสือยืนยันต่าง ๆ เดี๋ยวดำเนินการให้
จนถึงวันนี้ยังเงียบอยู่เลยครับ
รถของผมก็ยังจอดนิ่ง เปิดฝาสูบ รอการซ่อมอยู่ที่ศูนย์ฯ ศรีอยุธยา
อยากจะลากออกมาให้อู่ข้างนอกซ่อมดีกว่า
แต่ช่างหลายคนแนะนำว่าน่าจะให้ศูนย์ฯ ศรีอยุธยา (ซึ่งปัจจุบันเป็นของ dealer ไม่ใช่ของฮอนด้า ออโต้โมบิลแล้ว) ดำเนินการให้เรียบร้อยดีกว่า
11 กุมภาพันธ์ 2552 ผมทำหนังสือทวงถามให้ลูกค้าสัมพันธ์แจ้งความคืนหน้าของหนังสือยืนยันที่จะดำเนินการให้
จนถึงวันนี้ ไม่มีการติดต่อกลับใดๆ ทั้งสิ้นครับ
ต้องการถามความเห็นของอาจารย์ครับว่า วาล์วไอเสียตัวนี้ ชำรุดจากการสึกหล่อจริงหรือ
ไม่น่าจะเกิดปัญหาจากการซ่อมครั้งนั้นหรือ?
(ที่เล่าให้ฟังทั้งหมด ก็เพื่อขอความเห็นใจจากอาจารย์ครับ ผมไม่มีความรู้จริง แล้วก็รู้สึกอึดอัด ไม่มีทางต่อสู้กับผู้ประกอบการรายใหญ่แบบนี้)
เริ่มแรกที่เดียว รถของคุณมีปัญหาเครื่องร้อน ช่างรับรถเข้าไปแล้วทำการเปลี่ยนฝาสูบ ผมอยากให้คุณดูด้วยว่า มีการคิดค่าน๊อตฝาสูบหรือไม่ หากไม่มี ก็ผิดครับ เพราะการเปิดฝาสูบแต่ละครั้ง จะต้องเปลี่ยนน๊อตฝาสูบทุกครั้ง สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ใหม่นี้ นี่ก็หนึ่งละ
อีกข้อหนึ่ง เรื่องน้ำมันเครื่อง คือผมเข้าใจว่า ช่างไม่ได้ปาดเสื้อสูบ และไม่ได้ปรับกระบอกสูบด้วย เป็นผลให้เสื้อสูบที่โก่งอยู่แล้ว เพราะเป็นเสื้อสูบอลูมิเนียมเช่นเดียวกับฝาสูบ เอียงอยู่ หรือตกท้องช้างตรงกลาง จากความร้อนที่เกิดขึ้น
อันนี้ เป็นเรื่องสำคัญ ที่ทำให้ลูกสูบภายในกระบอกสูบเอียง กันน้ำมันเครื่องไม่ได้ น้ำมันเครื่องจึงกินมาก สำคัญนะครับ ต้องเอากลับไปให้เขาทำเพิ่มให้ใหม่ ช่างอาจจะขาดความชำนาญและไม่มีประสบการณ์เพียงพอครับ จึงละเลยการตรวจสอบและแก้ไขตั้งแต่แรก
นี่เป็นเหตที่ทำให้เครื่องยนต์ของคุณกินน้ำมันเครื่อง หลังจากการซ่อมบำรุง ที่ทำไม่ถึงขีดอันควร ผมไม่อาจจะระบุชัดเจนไปได้ว่า ใครผิดใครถูก แต่ช่างที่มีความชำนาญพอ ระดับศูนย์บริการ น่าจะรู้ดี และทำให้ก่อนเรียบร้อยไปแล้ว
ช่างยนต์ข้างนอก หากไม่ทำ ก็ยังพออภัยให้ได้ เพราะห่างข้อมูล ไม่รู้เรื่องเสื้ออลูมิเนียม ไม่เหมือนช่างศูนย์บริการที่จะต้องทราบข้อมูลทุกอย่างเกียวกับรถยนต์ยี่ห้อของตนครับ
มาเรื่องวาล์วไอเสียบิ่น เกิดเพราะการยันของวาล์ว ที่หลังการซ่อมแบบมีการเจียร์บ่าวาล์วแล้ว ไม่ได้รับการปรับตั้งวาล์วในระยะอันควร คือในช่วงแรกไม่เกินห้าพันกิโลเมตร วาล์วจึงยัน และเปิดเผยออยู่ในขณะที่ไฟในกระบอกสูบยังไม่หยุด ไฟจึงแลบออกมาทางวาล์ว และเลียจนวาล์วกรอบ แตกในที่สุด ตอนที่คุณเร่งแรงแรงนั่นแหละครับ
ทั้งหมดนี้ เกิดปัญหาจากสองฝ่าย ฝ่ายแรกศูนย์บริการ ที่ไม่ได้เช็กเสื้อสูบ และไม่ได้ปรับกระบอกสูบให้คล่องตัวก่อนประกอบเครื่องยนต์เข้าไปในครั้งแรก
และความละเลยของคุณ ที่ไม่นำรถเข้าไปให้เขาเช็กวาล์วอีกครั้ง
ส่วนเรื่องหนูกัดสายน้ำมันนั้น เป็นเรื่องที่ทางศูนย์รับประกันไม่ได้หรอกครับ ใครก็รับประกันไม่ได้ คุณจะต้องจอดรถให้ไกลที่อยู่ของหนูเอง
ถ้าซ่อมกันอีกครั้งหนึ่ง ผมอยากแนะนำว่า ไม่ต้องเปลี่ยนฝาสูบหรอกครับ ช่างของศูนย์บริการค่อนข้างจะด้อยประสบการณ์ไปมาก ผมเสนอให้เอาฝาสูบเดิมนั่นแหละ ไปปาดอีกที แล้วใส่ปลอกบ่าวาล์วโดยโรงกลึงไปเลยทีเดียว เท่านั้นก็ใช้ได้แล้ว
อย่าลืมปาดเสื้อสูบ และเมื่อใส่ลูกสูบเข้าไปแล้ว ให้ลองหมุนเพลาข้อเหวี่ยงดู ว่าลูกสูบเลื่อนขึ้นลงในกระบอกสูบได้ดีหรือไม่ด้วยเสียก่อน เพื่อป้องกันการกินน้ำมันเครื่องอีกที จากการเอียงของกระบอกสูบครับ
หากหมุนข้อเหวี่ยงแล้ว ลูกสูบเลื่อนขึ้นลงแบบติดติดขัดขัด ก็แสดงว่า กระบอกสูบยังเอียงอยู่ ให้เอาออกมาปรับโดยการถอดเพลาข้อเหวี่ยงออก แล้วปรับใหม่ครับ จึงจะใช้ได้-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…