และแล้วสงครามรถขนาดเล็กหรือซิตี้คาร์ก็ต้องมีการสู้รบปรบมือกันอีกคราเมื่อทางเชพโรเลตได้ส่งน้องเล็กตัวจี๊ดลงมาสู่ตลาดฝุ่นก็คงฟุ้งกันอยู่พักนึงแต่จะนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แม้ว่าครั้งแรกที่ผมได้เห็นคันนี้จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างเรื่องทรานสฟอร์มเมอร์ในหนังที่รถสามารถเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์เพื่อช่วยกอบกู้วิกฤตจากการรุกรานของหุ่นยนต์ฝ่ายอธรรม รถรุ่นที่ผมกล่าวถึงนั้นคือ เชพโรเลต โซนิค นั้นเอง ส่วนโซนิคนั้นจะช่วยกอบกู้ยอดขายของเชพโรเลตให้ทะลุลือลั่นสนั่นเมืองได้รึเปล่านั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป
แม้ว่าครั้งแรกได้ประสบพบเจอกันแบบใกล้ชิดแบบตัวเป็นๆแต่ไม่ได้สัมผัสนั้นจะไม่ใช่ที่เมืองไทยแต่เป็นประเทศที่อาจเรียกได้เป็นต้นกำเนิดก่อนที่จะมาทำโคลนนิ่งนั้นคือที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อปีก่อนขณะเดินทางไปดูงานผมก็แล้วรอเล่าว่าเมื่อไรจะมาซะที จนมาถึงงานมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านก็มาเอามาโชว์ตัววัดกระแสตอบรับกันว่าเป็นอย่างไรจนมาครบปีพอดีหลังจากที่เจอตัวเป็นๆก็ได้มาขับ
ก่อนที่เราจะไปขับกันนั้นก็ต้องมาฟังบรรยายกันก่อน นอกจากตัวรถที่มีการพัฒนาออกแบบใหม่ทั้งหมดแล้วนั้นแม้แต่เครื่องยนต์ยังเป็นบล็อคใหม่หมดไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ตัวเดิมที่อยู่ในตัว อวีโอ ที่เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.4 เหมือนเดิมก็ตาม โดยการขับในครั้งนี้เป็นแบบวันเดียวขับกันสั้นๆซึ่งจะได้ขับรถกันอยู่คนละสองรุ่น นั้นคือตัวเกียร์ธรรมดากับเกียร์อัตโนมัติสลับคันในช่วงเช้าและช่วงบ่ายซึ่งแต่ละคันนั้นนั่งคันละสองคนซึ่งตลอดทางนั้นมีกิจกรรมให้ทำกันเล็กน้อยระหว่างทาง
เริ่มออกเดินทางผมนั้นขับไปกับน้าจ็อก รวิพล สุวรรณผ่อง ซึ่งผมรับหน้าที่เป็นมือแรกโดยได้ขับเป็นเกียร์ธรรมดาก่อน เมื่อก้าวเข้ามานั่งอยู่ในรถแล้วสิ่งที่สะดุดตาที่สุดนั้นก็คือ แผงหน้าปัทม์ ที่ออกแบบมาดูล้ำดีแม้ว่ามีบางคนอาจจะบอกว่าไปคล้ายกับแผงหน้าปัทม์ของมอเตอร์ไซด์ก็ตาม
ช่องแอร์นั้นเป็นแบบกลมสามารถหมุนเพื่อเปิดปิดช่องลมละบังคับทิศทางลมปุ่มเปิดปิดยังเป็นแบบมือหมุนยังไม่ใช่ดิจิตอลส่วนเครื่องเสียงนั้นเป็นแบบ cd 1แผ่นเล่น mp3 และช่องต่อ usb ซึ่งมีภาครับวิทยุทั้ง Fm และ Am เสียงนั้นพอใช้ได้
การขับขี่นั้นก็ไม่มีอะไรมากเพียงแค่เหยียบคลัทช์เข้าเกียร์ 1 แล้วยกเท้าออกจากคลัทช์นั้นทำได้สบายมากน้ำหนักคลัทช์ที่กดลงไปนั้นไม่มากและระยะฟรีก็มีนิดเดียวแค่ปล่อยเท้าออกมานิดหน่อยรถก็ออกตัวได้แล้วเครื่องยนต์ขนาด 1.4 นั้นจะว่าไปก็เหมาะที่จะวิ่งในเมืองสำหรับคนที่เท้าไม่หนักแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถวิ่งทางไกลไม่ได้นะครับ การตอบสนองของเครื่องนั้นสำหรับผมนั้นอยู่ในขั้นรับได้แม้บางครั้งจะนึกสนุกลองลากรอบได้ไปถึง 6,500 รอบกันเลยที่เดียว เสียงเครื่องก็ครางกระหึ่มเร้าอารมณ์ได้ดี ช่วงล่างนั้นเป็นเป็นแบบ EURO RIDE เกาะถนนหนึบหนับดี กิจกรรมแรกนั้นคือการขับรถไปถ่ายตามจุดต่างๆมีทั้งหมด 4 แห่งโดยให้เลือกสองแห่งซึ่งเราเลือกที่หอศิลป์กรุงเทพที่แยกปทุมวันแล้วขับต่อยาวไปถึง CDC ที่เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ sonic city ที่ลาซาล ระหว่างการขับขี่ที่การจราจรคับคั่งนั้นเจ้าโซนิคก็สามารถแทรกตัวเข้าสู่สายการจราจรได้อย่างไม่มีปัญหาแสดงให้เห็นถึงความคล่องตัว เราใช้เวลาพักใหญ่ๆก็เดินทางมาถึงที่ sonic city เพื่อรับประทานอาหารกลางวันและทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย
บ่ายโมงนิดๆก็เริ่มกิจกรรมต่อเพื่อโชว์สมรรถนะแบบเต็มของโซนิคแต่คราวนี้จะใช้เป็นเกียร์ออโต้แบบ 6 จังหวะในการขับแบบ จิมคาน่า ( Gymkhana ) โดยจัดให้ขับกันคนละ 3 รอบโดยรอบแรกนั้นเป็นการขับเพื่อดูไลน์หรือเส้นทางที่เราจะใช้กันส่วนอีก 2 รอบที่เหลือนั้นจะจับเอาเวลาที่ดีที่สุดเส้นทางที่ขับกันนั้นมีทั้งทางตรง ซิกแซกหรือสลาลม การทำโดนัทหรือขับวนวงกลม รวมถึงการเบรกให้อยู่ในช่องที่กำหนดหากโดนกรวยหรือไพล่อนนั้นจะโดนบวก 2 วินาทีแต่หากขับหลงหรือผิดทางก็จะปรับแพ้ไปซึ่งการขับแบบจะทำให้รู้ได้ถึงการควบคุมรถ พวงมาลัยมีความแม่นยำแค่ไหน ช่วงล่างเกาะหรือไม่เกาะและเบรกนั้นเอาอยู่รึเปล่า อัตราเร่งเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากขับนั้นต้องบอกว่าระบบพวงมาลัยนั้นมีการผ่อนแรงและมีความแม่นยำสูงทีเดียว เครื่องยนต์ขนาด1.4 ลิตร DOHC (Double Overhead Camshaft) พร้อมระบบ Double CVC (Continuously-Variable Cam-phasing)หรือวาว์ลแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย มีแรงม้าอยู่ที่ 100 แรงม้าและแรงบิดอยู่ที่ 130 นิวตันเมตรที่ 4000 รอบ ให้การตอบสนองพอได้หลายคนอาจจะพอได้แต่สำหรับผมนั้นขอแรงกว่านี้อีกนิดจะดีกว่า ระบบเบรกที่ใช้แบบหน้าดิกส์หลังดรัมไว้ใจได้เอาอยู่แน่นอนอารมณ์การเบรกนั้นใกล้เคียงกับรถญี่ปุ่นไม่ต้องใช้แรงเยอะ
หลังจากการขับแบบจิมคาน่าก็มีโอกาสสำรวจรถในรุ่นท็อปกันเล็กน้อยเบาะนั่งขนาดเท่ากันกับตัวเกียร์ธรรมดาเบาะรองนั่งนั้นรับมาถึงช่วงเข่า เบาะพิงหลังอาจจะเล็กไปนิดแต่พออาศัยได้อยู่ แถมมีที่วางแขนด้านข้างให้ด้วยสำหรับคนขับส่วนภายในดูดีสวยโฉบเฉี่ยวกว่าตัวธรรมดาแม้ว่าวัสดุที่ใช้จะเหมือนกันอันนี้เป็นเพราะการใช้สีทูโทนของสีส้มตัดกับสีดำดูสะดุดตา
การขับขี่นั้นแทบไม่แตกต่างจากเกียร์ธรรมดานอกจากเกียร์ที่เปลี่ยนไปเป็นแบบอัตโนมัติ 6 สปีดซึ่งถือว่าเป็นรุ่นแรกในกลุ่มนี้ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดโดยไม่นับเกียร์ cvt นะครับการเปลี่ยนเกียร์นั้นลื่นไหลดีไม่มีการกระตุก และสามารถจะเปลี่ยนเกียร์ได้เองโดยเพียงแค่กดปุ่มที่หัวคันเกียร์เท่านั้นแถมด้วยรถนั้นจะปรับเข้าสู่เกียร์ต่ำทันทีที่ชะลอความเร็วหรือเคลื่อนที่ลงสู่ทางลาดชันเพื่อช่วยให้ระบบเบรกมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวยิ่งขึ้น
หากท่านผู้อ่านสนใจก็แวะเข้าไปเดินดูได้ที่โชว์รูมเชพโรเลตทุกแห่งทั่งประเทศส่วนใครที่รอตัว 5 ประตูนั้นต้องรออีกสักหน่อยไม่นานเกินรอซึ่งแว่วมาว่าน่าจะได้เห้นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ครับ
Chevrolet Sonic Model Variant THB
NB 1.4 MT LS 548,000
NB 1.4 AT LS 578,000
NB 1.4 MT LT 588,000
NB 1.4 AT LT 615,000
NB 1.4 AT LTZ 679,000
HB 1.4 MT LT 601,000
HB 1.4 AT LT 632,000
HB 1.4 AT LTZ 687,000
*NB = ซีดาน 4 ประตู
*HB = แฮชแบค 5 ประตู
*MT = เกียร์ธรรมดา 5 สปีด
*AT = เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
#################################################
premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…