Car Review By Real User รีวิวรถยนต์จากผู้ใช้รถยนต์จริงควันหลงจากเปิดตัว บีที-50 ร่วมทดสอบรถกับ พีท ทองเจือ ปรับมาใช้กับรถของตนเอง มาสด้า 3 1.6 Performance จึงถ่ายทอดสู่ท่านผู้อ่าน
เนื่องจาก รุ่นนี้ยังเป็นรถที่กำลังวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน กระแสความสนใจยังคงมีอย่างไม่จืดจางแม้แต่น้อย ซึ่งก็นั่นหล่ะครับ จึงทำให้ทนกับกระแสความเรียกร้อง จากคนรู้จักไม่ได้เลยได้จัดการ ขับรถตนเอง ในแบบที่ต้องขอบอกว่า ส่วน
หนึ่งได้นำ ทักษะ แนวทาง จากการพูดคุยก่อนหน้านี้ ในวันที่ได้เข้าร่วมทดสอบ บีที-50 โปรใหม่ ที่โชว์รูมมาสด้า พระราม 7 กับ คุณพีท ทองเจือ ทำให้ผมได้จับจังหวะและเข้าใจเพื่อเค้น ประสิทธิภาพมาและจะขอนำมาถ่ายทอดสู่กันต่อไปนี้ครับ
ต้องขอบอกว่า การขับรถเร็ว และใช้สมรรถนะของรถคันนั้นๆ ย่อมต้องมาจากองค์ประกอบ สำคัญในความคิดของผมเอง ดังนี้ 1. สุขภาพร่างกาย ต้องไม่มีโรคประจำตัว อันสำคัญต่อการควบคุมรถ นั่นคือ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคระบบการหายใจ 2. ตัวผู้ขับต้องมีความมั่นใจสูง มีจิตใจที่เยือกเย็น มั่นคง 3. ผู้ขับจะต้องพร้อมไม่หวาดกลัวอุปสรรคที่คาดไม่ถึงตรงหน้า
ผมเองเชื่อเหลือเกินครับว่า ส่วนใหญ่ หากเป็นนักขับรถจริงๆแล้ว จะมีความเยือกเย็น สุขุมมาก ในยามภาวะปกติ จะไม่ขับรถแบบใจร้อน ฉะนั้นผมจึงคิดเสมอว่าพวกที่ขับรถไม่สุภาพ เอาแต่ใจตนเอง ไม่มีระเบียบ ไม่เคารพกฎจราจร ไม่เห็นใจเพื่อนร่วมทาง และไม่ให้อภัยยามผู้ร่วมทางผิดพลาด ในยามเหตุการณ์ต่างๆ ผู้นั้นไม่อาจขับรถแบบ เป็นนักขับที่ดีได้เลย ครับ เพราะสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคง นั่นเอง
ผมจึงมั่นใจมากว่า ทำได้เพราะจิตใจผมมีความเย็น นิ่งและมั่นคง จึงได้ลองกับรถตนเอง มาสด้า3 1.6 5ประตู ซึ่งผมมั่นใจมากเพราะรถผมนั่น มีคุณภาพสูง ทั้งช่วงล่าง เบรก พละกำลัง แต่สิ่งที่อยากลอง ทดสอบดูสักตั้ง จากคุยกับ คุณพีท นั่นคือ กำลังเครื่องคันนี้ ครับ และได้รับความรู้ถ่ายทอดทักษะที่ผมได้นำมาใช้ และได้เห็นประสิทธิภาพ ว่า สิ่งที่ได้รับมานั้น ทำให้มั่นใจรถคันนี้มากยิ่งขึ้น
ต้องขอพูดถึงช่วงล่าง ก่อน ครับว่า ได้ลองลงโค้งลึกสุดทางถนนรัตนาธิเบศร์ มาลง ถนนตลิ่งชัน – สุพรรณบุรี ช่วงไปทาง บางใหญ่ ซิตี้ โค้งนี้ลึกและแคบ และลึกขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่ลึกมากเท่า ถนน 345 ครับ อย่างไรก็ตาม ได้ลอง ทิ้งโค้งปล่อยรถตามความเร็ว ระดับ 60 กม/ชม. ลงมา ปรากฎว่าสามารถที่จะส่งคันเร่งผ่านโค้ง ตามความเร็วได้โดยไม่เเตะเบรกครับ โค้งลึกลงเรื่อยๆช่วงจะลงทางลาด มาบรรจบถนนใหญ่นั้น ผมอาศัยดึงพวงมาลัย เบาๆ เข้าหนีโค้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ด้วยระบบที่ผมทราบมาจาก อินเตอร์เน็ท ว่าคันนี้ มีทั้ง ABS แบบ 4W ถือว่าสุดยอดเพราะทำงานจับ 4 ล้อเลย ปกติรถญี่ปุ่นบ้านเราทั่วไป จะทำงานเฉพาะ คู่หน้า เท่านั้น พร้อมทั้งมีระบบกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว จึงทำให้ไม่หลุดโค้ง แต่จะต้องมาจากผู้ขับเข้าใจรถ และมีทักษะดีพอสมควรทีเดียว ไม่รวมทั้งระบบ ความปลอดภัยโครงสร้างตัวรถ เหล็กที่แข็งแกร่ง ทนทาน นอกจากนั้น พวงมาลัย รวมถึง แป้นควบคุมสั่งการต่างๆ สามารถยุบตัวจากการชนได้
ทีนี้มาลองในส่วนของความเร็วกันบ้างครับ อัตราเร่ง ที่ล่ำลือว่าอืด สุดๆนั้น ผมเถียงคนหนึ่งครับ หากสำคัญคือ ผู้ใช้รถต้องเข้าใจรถตนเองอย่างดีเสียก่อน คือผมเองก็ลองมาพอสมควร ทำไม กดแล้ว รอบไม่กวาด รอบตัดทุกที ทำให้ความเร็วไปไม่ต่อเนื่อง รวมทั้ง ถนน ช่วงระยะทางที่ปลอดภัยมีจำกัดด้วย ผมจึงลองใหม่จนสำเร็จ ครั้งนี้เมื่อทางเปิด ผมมองข้างหน้า 500 เมตร มองเร็ว ตัดสินใจไว เพราะต้องทำทันที รวดเร็ว
ผมรอให้กำลังรถพร้อม รอบเครื่องแกว่งอยู่ที่ ประมาณ 2000 รอบ/นาที คุณพีท บอกผมว่า นั่นคือกำลังรออยู่แล้ว อืม… ผมรู้สึกได้ครับ เลยกดแบบกดจมคันเร่ง แต่ไม่มิด ยังไม่มิด ฉะนั้น กำลังยังมีเหลือครับ ทีนี้รอบขยับขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่มาไวแบบเข็มดีด ครับ แต่จะมานิ่งๆ เรื่อยๆ รอบขึ้นแบบใจหาย คราวนี้ ระยะทางเริ่มใกล้ทางแยกแล้ว ผมกดลงไปอย่างต่อเนื่องและคิดในใจว่า อีกนิดเดียว จะได้ 105 แรงม้า ที่ 6000 รอบ/นาที ผมไม่กลัวเครื่องพัง ครับ เพราะ ผมมั่นใจว่า นั่นคือ วิศวกรออกแบบมา เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง และก็สำเร็จครับ ขอบอกว่า แรงครับ ระยะทางนั้น น่าจะไม่ถึง 500 เมตร ความเร็ว จากส่งตัวออกแซงคันหน้า จนปล่อยคันเร่งที่ รอบ 6000 รอบ ความเร็วตอนนั้น มองที่หน้าปัด 100 กม./ชม. หากถนนที่แคบในซอย ผมมั่นใจว่า ไม่มีใครทำแน่ ถ้าไม่ใช่ วัยรุ่น ที่คึกคะนอง เมื่อได้รอบตามต้องการที่จะทดสอบ ก็ปล่อยเท้าทันทีครับ เพราะ ใกล้สุดระยะทางเข้าทางแยก รถยังคงมีกำลังและแรงจากรอบที่ใส่มาเต็มกำลัง ทั้งรอบได้และแรงบิดมา ทั้ง 2 อย่างนี้รวมกันจึงทำให้รถมีพละกำลังมหาศาล ผมกดเบรกจมเท้าที่ระยะทางเพียง ไม่ถึง 30 เมตร จะถึงแยกข้างหน้า โดยกดแรงแล้วปล่อยเท้า และค่อยๆกดเบรกตามแบบเบาๆ การหยุดจึงเป็นไปแบบนุ่มนวลไม่มีเสียงลั่นของเบรกแต่อย่างใด ถือว่าสุดยอดมากครับ
การหาประสิทธิภาพรถนั้น ไม่ใช่ผมทำเพื่อความคะนองใดใด แต่เพื่อรู้ว่ารถเรามีประสิทธิภาพอย่างไร ผู้ขับต้องทำความเข้าใจรถของตนเองอย่างดี จึงจะตอบได้ครับว่า รถคันนั้นเป็นอย่างไร ฉะนั้นแล้ว ผมขอบอกเลยว่า ทำไม มาสด้า 3 1.6 จึงขายได้ จริงอยู่ครับหากรอบทำงาน ไม่ถึงกำหนด คันนี้จะดูอาจจะไม่หวือหวา แบบรถตลาดทั่วไป เพราะแรงม้า มาที่ 6000 รอบ/นาที ส่วนแรงบิด มาที่ 4000 รอบ/นาที ถือว่า รถมาสด้า 3 คันนี้ เป็นรถจะให้พละกำลังได้ดีที่รอบประมาณ ใกล้ๆ 4000 รอบ/นาที นั่นคือ ตั้งแต่ 3000 รอบ/นาที ขึ้นไปจะเห็นประสิทธิภาพชัดเจน ครับ
แต่ผมหมายถึงการจะรู้ว่ารถมีกำลังหรือไม่ มาจากการใช้งานครับ ผมบอกเลยว่า รถคันนี้ มีกำลังเพียงพอ มากเหลือ ที่จะพาเราไปสู่จุดหมายปลอดภัย สามารถเร่งแซงอุปสรรคที่ไม่คาดคิด ฉับพลันได้ ทันใจ ในที่นี้ผมใช้เพียงเกียร์ตำแหน่ง D เท่านั้น และด้วยองค์ประกอบอื่นๆ โครงสร้างตัวถัง ระบบเบรก ช่วงล่างสุดยอด พละกำลัง รู้ใจเขาก็รู้ถึงกำลังที่เรียกใช้ได้ในยามที่ต้องการอย่างมั่นใจ รวมๆกันแล้ว จึงเข้าใจที่ คุณพีท พูดจริงๆ “จะใช้ไปทำไมครับ ความเร็วสุงสุด” จริงครับ แต่เราใช้เพื่อจำเป็น นั่นเองครับ และคาดว่าอีกไม่นานจากนี้ เราคงได้สัมผัส ALL NEW MAZDA3 1.6 กันครับ