Brand: BMW Model: 5-Series
Year: 1995 Miles: 100001 – More
From: ยิ่งยศ ฐาปนกุลศักดิ์
BMW : 525i
สวัสดีครับคุณอา มีปัญหามาปรึกษาครับ พอดีพี่เขยใช้รถ BMW 525i ปี 1995 วิ่งไปประมาณ 200,000 km กำลังจะขายรถคันนี้ให้กับผม รถไม่เคยชน แต่จะมีปัญหาเรื่องหม้อน้ำ และท่อน้ำอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง ล่าสุดปลายปีที่แล้วหม้อน้ำแตกต้องเปลี่ยนยกชุด เลยอยากจะปรึกษาคุณอาดังนี้ครับ
1. รถรุ่นนี้มีปัญหาจุกจิกไหมครับ โดยเฉพาะหม้อน้ำ
2. อะไหล่จะแพงและหายากไหมครับ
3. จะใช้ได้อีกนานไหมครับ คุ้มค่ากับการลงทุนไหม
4. ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณเท่าไรครับ
หมายเหตุ ปัจจุบันผมใช้ Toyota Exsior 2.0 อยู่ครับ
ขอบคุณครับ
ผมเคยได้รับการสั่งสอนแนะนำมาจากคนเฒ่าคนแก่ที่นับถือกัน ว่าอย่าซื้อและอย่าขายรถยนต์ของคุณให้กับเพื่อนสนิท หรือญาติ หากไม่อยากมีปัญหาซึ่งกันและกัน
ผมเอามาใคร่ครวญดูแล้ว ก็เห็นด้วยกับคำเตือนเหล่านั้น
เพราะหากเราเป็นผู้ขาย เราก็ไม่อยากให้ใครมาติมาว่ารถเราไม่ดี หรือมีปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้กับเรา แค่มาพูดมาเล่าให้ฟังเฉยเฉยเราก็ไม่สบายใจเสียแล้ว
ทีนี้ มาทางด้านเราเป็นผู้ซื้อบ้าง หากเราไปพบว่ารถมีปัญหา เราก็บ่นไม่ได้ เพราะเราก็คงต้องเกรงใจเจ้าของเก่า หากเอาไปเล่าให้ใครฟัง เดี๋ยวก็รู้ถึงหูเขาเข้าอีก เป็นเรื่องได้ไม่ยาก
ผมก็เลยตัดปัญหา ไม่ซื้อไม่ขายรถกับคนรู้จัก ยกเว้นรถใหม่เอี่ยมที่ผมจะซื้อ เพราะตรงนี้หากตัดปัญหาเข้าจริง ก็เป็นอันว่า ชาตินี้ทั้งชาติต่อไปนี้ผมจะไม่มีทางได้ซื้อรถใหม่เอี่ยมกับเขาอีกแน่นอน เพราะผมรู้จักคนขายรถยนต์ทุกบริษัทนี่น่ะซีครับ
รถผมเอง ที่ใช้อยู่ เวลาจะขาย ผมยังต้องปล่อยผ่านมือคนอื่น ไม่อยากปล่อยให้คนรู้จักคุ้นเคย ทั้งที่ได้ราคาดีกว่าปล่อยผ่านมือคนอื่น อันนี้ผมหมายถึงเตนท์รถนะ
ก็เล่าให้ฟังไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้มีความหมายอะไร
ตอบปัญหากันหน่อยดีกว่า
1-ปัญหาจุกจิกไม่มีหรอกครับ หากคุณไม่ใช่คนจู้จี้ และเจ้าของรถเก่าไม่ใช่คนจุกจิกมาก่อน ดูแลรักษารถดี ไม่จุกจิกกับช่างและกับรถจนรถกลายเป็นจู้จี้ไป
แต่จะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า คุณเอารถเขามาแล้ว เอามาซ่อมปรับสภาพเสียใหม่ระดับใด หากเอามาปรับสภาพใหม่อย่างดี ก็จะใช้ได้อีกนาน ไม่ดี ก็ไม่นาน แค่นั้นเองครับ
รถอายุ 9 ปี จะให้ดีเหมือนรถใหม่ ไม่มีทางหรอกครับ
2-แพงแน่นอน หากเทียบกับราคาค่าตัวรถในปัจจุบัน แต่เมื่อเทียบกับราคารถตอนใหม่เอี่ยม ไม่ถือว่าแพงครับ คือสูงกว่าของรถญี่ปุ่นประมาณ 3-4 เท่าตัวแค่นั้นเอง
3-ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่า จะใช้ได้อีกนานแค่ไหน สภาพรถผมก็ไม่เห็น เครื่องยนต์ก็ไม่ทราบ ระบบส่งกำลังก็ไม่เคยสัมผัส จะไปตอบคุณได้อย่างไรว่า ใช้ได้อีกนานเท่าไร
ใครก็ตอบไม่ได้หรอกครับ มีแต่นักเดาอาชีพเท่านั้น ที่จะตอบได้ และดูเหมือนว่า วงการเรามีนักเดาอาชีพอยู่มากพอแล้ว อย่าให้ผมต้องเข้าไปร่วมสมทบกับท่านเหล่านั้นด้วยเลยน่าจะดีกว่า
คุ้มหรือไม่ ก็ไม่ได้อยู่ที่ผมอีกนั่นแหละ อยู่ที่การใช้งานของคุณ อาจจะเป็นกิโลเมตรต่อเดือน ต้องเสียเงินเท่าไร ต่อกิโลเมตรนั้นนั้น คิดจากค่าเสื่อมราคาของรถที่คุณเองก็ยังไม่รู้ แล้วผมจะไปรู้ได้อย่างไร มารวมกับค่าเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา ค่าประกันภัย ค่าทะเบียน หลายอย่างนี้แหละ แล้วคิดบวกลบคูณหารออกมาเป็นค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร
ได้เท่าไร คราวนี้ คุณพิจารณาเอาเองได้แล้วว่า คุ้มหรือไม่
อย่าถามใครเลยครับ สงสารคนถูกถามบ้างก็จะดี ถามตัวเองดีที่สุด หากคุณตอบได้ ก็ดีที่สุด หากคุณตอบไม่ได้ คนอื่นก็คงจะคล้ายกันนั่นแหละ นอกเสียจากว่า เขาจะเป็นอย่างที่ผมบอกในข้อก่อน คือนักเดาอาชีพ เดาผิด หรือเดาถูก ก็สุดแต่เขาและคุณจะตัดสิน
ผมไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้นครับ
4-ราคานี้ ผมไม่ทราบเลย อย่างแน่แน่ ก็คือผมไม่เห็นสภาพรถ และถึงเห็น ผมก็ยังต้องเปิดหนังสือรถเก่าดูราคาเอาอีกที ถือเป็นหลักราคากลางพอจะได้ ทำไมคุณไม่ทำล่ะ มาให้ผมทำให้ทำไม วิธีทำง่ายนิดเดียว
ลงทุนซื้อหนังสือรถยนต์ใช้แล้วสักเล่ม ราคา 40-60 บาท
เปิดดูโฆษณาขายรถเก่า เขาเรียกร้องไว้เท่าไร
แล้วดูราคากลาง ที่เขามักจะมีอยู่เสมอในแต่ละเล่ม
แค่นี้ ก็เป็นสิ่งที่พอจะบอกคุณได้แล้วว่า ขณะนั้นนั้น รถที่คุณสนใจ ควรจะมีค่าตัวประมาณเท่าไร
ทุกอย่างที่ผมบอกคุณนี่ คนอื่นก็น่าจะต้องทราบ และน่าจะเลิกถามกันได้แล้วละครับ สำหรับคำถามอย่างนี้ ในเวบไซด์นี้
ด้วยเหตุผลว่า ผมไม่ได้เป็นคนซื้อขายรถยนต์ และไม่ได้เป็นสื่อมวลชนที่ทดสอบรถยนต์ทุกคัน แบบลงแขก อีกทั้งยังไม่ได้เป็นคนขายรถยนต์ใช้แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณจะหาได้จากเวบไซด์อื่น อย่างง่ายดาย
ถามผม ทางด้านเทคนิคทั่วไปของรถยนต์ ผมตอบได้ ผมก็ว่าผมเก่งพอตัวแล้วนา
จะให้เก่งรอบด้านเลยนี่ ไม่ไหวหรอกครับ ฮ่า ฮ่า-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…