จะเรียกได้ว่าเหมือนจะกลายเป็นงานประจำไปสำหรับ BFGoodrich The Road Never Ends Trip 2010 ซึ่งปีนี้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเช่นกับชาว BLOGKER ทั้งหลายซึ่งมาจาก WEBSITE และ CARCLUB ต่างๆให้ร่วมเดินทางไปทดสอบยางBFGoodrich Long Trail T/A Tour ยังครับยังไม่ใช่รุ่นใหม่แต่จะบอกได้ว่าคงอีกไม่นานแล้วสำหรับยางรุ่นใหม่ที่จะต้องเปิดตัวได้แล้วเพราะยางรุ่นนี้ได้มีโอกาสทดสอบมาเป็นครั้งที่ 3 แล้วในช่วงเวลา 3 ปี
กำหนดการเช่นเดิมเริ่มต้นจากกองบัญชาการของมิชลิน อ้าวสงสัยละซิว่าไปกับ BFGoodrich มาทำไมกันตึกมิชลินเอาง่ายๆว่าอยู่ในบริษัทเดียวกันก็แล้วกัน ฮ่าฮ่า มาถึงก็ลงทะเบียนรับเสื้อไปเปลี่ยนแล้วนั่งรอเวลาอยู่ในห้องพบปะกับเพื่อนๆเมื่อปีที่แล้วทักทายกันตามประสาคนคุ้นเคยกันแล้วก็รอทางทีมงานแจ้งรายละเอียดต่างๆเสร็จแล้วเราลงมาไปขึ้นรถบัสมุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พัก La Toscana จังหวัดราชบุรีโดยบนรถก็มีกิจกรรมให้เล่นกันโดยตอบคำถามจากซองที่ได้รับ
เมื่อเดินทางมาถึง La Toscana แล้วเราก็เข้าไปนั่งฟังสรรพคุณของยาง BFGoodrich Long Trail T/A Tour กันรายละเอียดนั้นติดตามได้จาก http://www.bfgoodrich-thai.com/suv/longtrailTa.jsp
ออกจากห้องบรรยายแล้วเราก็พบกับรถที่จอดรอพวกเรากันอยู่แน่นอนครับใส่ยาง BFGoodrich Long Trail T/A Tourจุดหมายของเราคือไปรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ Honey Scene อยู่ที่ เซนนารี่รีสอร์ท โดยระหว่างทางนั้นจะเป็นทั้งทางดำและทางฝุ่นเกือบๆกับออฟโรดแต่ยังไม่ถึงกับโหดมากโดยที่คุณโอรับหน้าที่เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งคุณโอได้บอกกับผมว่าเสียงยางนั้นเงียบกว่ายางพวกออฟโรดทั่วไปๆ ขับไปสักพักใหญ่เราก็มาถึงที่ Honey Scene กัน แวะเติมพลังกันซะหน่อย
ดูรายการอาหารแล้วก็บรรยากาศรอบๆนะครับสวยงามทีเดียว
ได้เวลาเดินทางต่อ มาคราวนี้ผมรับหน้าที่บ้างเราขับตามกันเป็นขบวนเช่นเคยผ่านทางลาดยางเข้าสู่ทางฝุ่นอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ลานกิจกรรมในช่วงบ่ายซึ่งเป็นทุ่งหญ้าผืนใหญ่ทีเดียวครับ
และแล้วเราก็มาถ่ายรูปหมู่กันครับ
มากิจกรรมสนุกๆกันบ้างนอกจากการขับรถกันเป็นขบวน อันแรกนั้นคือการขับรถแบบจิมคาน่าครับซึ่งโดยปกติแล้วเราจะขับกันบนพื้นปูนหรือพื้นลาดยางกัน คราวนี้จะธรรมดากันได้ไง ทางทีมงานนั้นเลยจัดบนพื้นหญ้าขึ้นมาเลยมาลองดูแผนที่กันซะหน่อยว่าจะทำยังไง
ผมนั้นหวั่นๆอยู่เหมือนกันเพราะแม้จะทำเวลาได้ดีเสมอๆก็ตามแต่ชอบที่จะวนรถผิดอยู่บ่อยครั้งนิครับเลยโดนจับแพ้อยู่เรื่อยไป แต่มาคราวนี้ไม่พลาดครับโดยผมผลัดกันกับคุณโอซึ่งขับกันทั้งหมดสามครั้งโดยผมขับก่อน เวลานั้นออกมาค่อนข้างดีทีเดียวเลย ครั้งที่สองคุณโอขับทำเวลาได้ดีมากแต่ขับไปชนกรวยซะก่อนเลยโดนบวกเวลาเพิ่มไปอีกสองวิและครั้งสุดท้ายเลยให้คุณโอแก้มืออีกครั้ง สรุปว่าเวลานั้นมาเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว สถานีนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการยึดเกาะและการเข้าโค้งของยางได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นก็เป็นกิจกรรมสนุกๆอีกอัน นั้นคือให้เราเลือกของมาสิ่งหนึ่งซึ่งยังไม่บอกว่าจะให้เราเอาใช้ทำอะไรซึ่งผมกับคุณโอเลือกเชือก สุดท้ายทีมงานให้เอาไปไว้รวมกับไข่สองใบเอาไปใส่ไว้อยู่ในตะกร้าหน้ารถแล้วกัน ยังไงก็ได้ไม่ให้ไข่แตกหรือมีรอยร้าวโดยอุปสรรคนั้นก็คือการขับแบบออฟโรดกันในสถานที่จำลองเอาไว้ในแบบขับผ่านหลุม ขึ้นลงเนินสูง พื้นเอียง โดยจะสอนวิธีขับในแบบเบื้องต้นให้แล้วไปลองขับกันซึ่งในการขับขี่นั้นต้องใจเย็นมากเลย
ซึ่งผลออกมานั้นก็เหมือนกับหลายทีมซึ่งไม่ได้เสียคะแนนเลย
หลังจากเสร็จจากกิจกรรมทั้งสองแล้วเราก็มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อขับรถกันเป็นขบวนตามกันไปก่อนจะเข้าโรงแรมที่พักถ้าจะให้ขับกันแบบธรรมดานั้นก็คงจะไม่ใช่ BFGoodrich แน่นอน ก็ต้องมีการขับแบบไม่ธรรมดากันบ้างขับผ่านทางฝุ่นเข้าป่า ผ่านร่องน้ำเรียกได้ว่าปกติจะไม่ได้มีโอกาสให้ขับกันแบบนี้ เราก็ขับมาถึงบริเวณยอดเขากันเลยแวะขึ้นมาชมทิวทัศน์บรรยากาศต่างๆในบริเวณสวนผึ้งกัน
ได้เวลาแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พักกันนั้นก็คือ La Toscana มาชมบรรยากาศภายในห้องพักกันครับ
เสร็จแล้วผมกับคุณโอก็ได้ร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนั้นกัน บรรยากาศนั้นเป็นไปอย่างเป็นกันเองสนุกสนานมากเลยครับได้พูดคุยกับพี่ๆเพื่อนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ กว่าจะจบก็สี่ทุ่ม แม้มันจะไม่ดึกมากแต่ด้วยความว่าในช่วงสัปดาห์นั้นผมเดินทางตลอดแทบจะไม่ได้หยุดพักเลย ก็เลยต้องปลีกตัวไม่ได้ร่วมสังสรรค์ต่อกับพวกพี่เขา
เช้ามาบรรยากาศแจ่มใสมากครับ
บรรยากาศรอบๆโรงแรมครับ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่ร้านหอมเทียนกันไปดูของเก่าแล้วก็วิธีการทำเทียนหอมกัน
จนเกือบสิบเอ็ดโมงเราก็ออกจากร้านหอมเทียนมุ่งหน้าสู่ร้าน Eden Garden เพื่อรับประทานอาหารเที่ยงกัน
ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกันอีกสักครั้ง
สรุปว่า BFGoodrich Long Trail T/A Tour นั้นประสิทธิภาพนั้นยังดีเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียงที่เงียบ การยึดเกาะที่ไว้ใจได้ แม้จะเป็นยางที่เน้นการใช้ในถนนดำแต่ก็สามารถขับในทางฝุ่นหรือออฟโรดได้ดีเช่นกัน คงจะเป็นอีกทริปที่น่าจดจำ ทีมงานนั้นน่ารักกันทุกเลยครับ ถ้ามีโอกาสปีหน้าจัดอีกผมก็คงจะไม่พลาดตามเคย แต่หวังว่าคงจะมีรุ่นใหม่ออกมาแล้วเมื่อถึงเวลานั้น
#################################
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ สารฑูล สักการเวช