Bangkok International Motor Show 2008 : อุดมด้วยรถต้นใหม่ เกือบสมกับเป็นมอเตอร์โชว์ : By J!MMY


งาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ในปีนี้
ยังคงจัดขึ้นที่ ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการ BITEC สี่แยกบางนา
ระหว่างวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551

ปีนี้ นอกจากจะมีผู้ผลิตรถยนต์รายหลักๆ เข้าร่วมงานกันเกือบจะครบถ้วนแล้ว
ยังมีบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ หลายสัญชาติ ที่อาศัยงานนี้ เป็นเวที เปิดตัว
ในการเตรียมบุกตลาดรถยนต์เมืองไทย เป็นครั้งแรก อยู่หลายค่าย

เราขอนำคุณไปเดินเล่นชมรถรุ่นใหม่ๆกัน ไล่เรียงตามพื้นที่จัดแสดง
โดยจะไล่จากพื้นที่ใน Hall 1 ใกล้ประตูฝั่งซ้ายของตัวอาคาร
ไล่เรียงไปจนถึงปลายสุดฝั่งขวา ก่อนจะไล่ขึ้นไปยังผู้ผลิตอีกฝากฝั่งตรงกันข้าม
จากฝั่งขวา มาถึงฝั่งซ้าย แล้วค่อยพาคุณเดินลงไปชมบรรยากาศใน Hall 2
และขอบอกไว้ก่อนว่า เราจะเน้นแต่เฉพาะรถยนต์เท่านั้น ส่วนจักรยานยนต์
เครื่องเสียงและอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ คงจะไม่ขอนำมาให้ชม เนื่องจากสามารถเดินเข้าไปชมได้
โดยไม่ต้องเสียค่าบัตรเข้าชม 80 บาท หากหาบัตรฟรีไม่ได้ เพราะปีนี้ การแจกจ่ายบัตรเข้าชมงานฟรีนั้น
น้อยกว่าทุกปี จนหลายคนบ่นกันอุบเลยทีเดียว

เราคงจะเริ่มจาก บูธ NISSAN ที่ย้ายพื้นที่จากฝั่งขวาสุดของตัวอาคาร Hall 1 มาอยู่ที่ฝั่งซ้ายสุด
สลับกับเจ้าของพื้นที่เดิมคือ VOLVO ขณะที่ JAGUAR และ PORSCHE อีก 2 ค่ายรถยนต์
ที่เคยใช้พื้นที่เดียวกันนี้ มิได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้แต่อย่างใด

เช่นเดียวกับ Proton แบรนด์น้องใหม่ จากมาเลเซีย ที่มาจับจองพื้นที่ล่าช้าไม่ทันงาน
จึงไม่ได้เข้าร่วมแสดงในงานปีนี้



NISSAN

ปีนี้ ขุนพลตลาดวาย เริ่มทำตัวกระฉับกระเฉงขึ้นมาบ้าง
เพราะเล่นนำ ซีดานต้นแบบ INTIMA (อินติมา) ส่งตรงจากงาน Tokyo Motor Show (ตุลาคม 2007)
มาอวดโฉมในเมืองไทยอย่างทันท่วงที เพื่อเป็นการปูทางไปสู่ การเตรียมเปิดตัว รุ่นเปลี่ยนโฉมโมเดลเชนจ์
ของ มิดไซส์-ซีดาน รุ่น TEANA ในญี่ปุ่น เดือนพฤษภาคมนี้ และ จะมาขึ้นสายการผลิตเมืองไทย
เพื่อให้ทันการเปิดตัว เดือนมีนาคม 2009



แล้ว สองคันนี้ เกี่ยวข้องกันอย่างไรหนะหรือ?
ก็ อินติมา คือ ร่างจำแลง เส้นสายของ เทียนา เจเนอเรชันต่อไป หนะสิ!



ตอนที่ผมไปดูคันจริงในญี่ปุ่น ที่โตเกียวมอเตอร์โชว์ คิวของสื่อมวลชน ที่จะขอถ่ายภาพของรถในมุมที่ตนเองต้องการนั้น ยาวมาก

ดังนั้น มาวันนี้ รถคันนี้ ที่ไม่มีเครื่องยนต์ แล่นไมได้ เป็นเพียงหุ่น มาอยู่ในเมืองไทยทั้งที
ก็คงต้องขอชมภายในห้องโดยสารอย่างใกล้ชิด สักนิดแล้วกัน

รถคันนี้ ใช้ระบบ รีโมทคอนโทรลหน้าตาเหมือน รีโมท ทีวี โซนี่ ไตรนิตรอน รุ่นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ในการควบคุมการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อจัดแสดง

การเปิดประตู ใช้วิธีกดปุ่มปลดล็อก ที่รีโมท แล้ว กด ลงไปที่ก้านมือจับเปิดประตูแท่งเล็กๆนั่น แล้วค่อยๆดึงออก

แผงประตูด้านข้าง มีลูกเล่นที่เท่ไม่เบา คือเป็นบานเลื่อนไฟฟ้า เปิดออกได้เพื่อให้เห็น ช่องเก็บของด้านข้าง



และ เป็นเช่นเดียวกันกับบานประตูคู่หลัง…



ภายในห้องโดยสาร ออกแบบโดยยังคงยึดหลัก Modern Interior ต่อเนื่องมาจาก TEANA รุ่นปัจจุบัน



เบาะนั่ง ฝั่งซ้าย สามารถหมุนหันกลับมา รอรับผู้โดยสารได้
อันไม่ต่างจาก รถยนต์ในญี่ปุ่น ที่ติดตั้งเบาะ สำหรับผู้ทุพพลภาพ
จำพวก Welcab Vehicle ทั้งหลาย ที่ลูกค้าต้องสั่งติดตั้งเป็นพิเศษนั่นเอง



ส่วนแผงหน้าปัดแบบนี้ ยืนยันแล้วว่า เส้นสายจะถูกโยกไปใช้กับ แผงหน้าปัดของ รถที่จะทำตลาดจริง



เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ใครที่คิดจะซื้อ TEANA ใหม่ และยังรอไหว ก็ควรจะรอต่อไปถึงปีหน้า
แต่ค่าตัวน้อง ไม่รับรองว่าจะเหมือนเดิม คาดว่าน่าจะแพงขึ้นอีกนิดหน่อย แต่ไม่น่าป้วนเปี้ยนไปเกิน
คู่แข่งทั้ง แคมรี และแอคคอร์ดมากนัก เพราะในเมื่อเวอร์ชันจำหน่ายจริง สำหรับทั่วโลกและเมืองไทย
จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ วี6 DOHC ตระกูล VQ ทั้ง VQ25 2,500 ซีซี และ VQ35 ขนาด 3,500 ซีซี

ส่วนรถที่ทำตลาดจริง และถือว่าสดใหม่ในบูธ คงหนีไม่พ้น NAVARA Single Cab กระบะตอนเดียว
ราคา 460,000 บาทเศษๆ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ ดีเซล 2,500 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบ 144 แรงม้า
แต่จูนแรงบิดลงมาให้ต่ำกว่ารุ่นมาตรฐานเล็กน้อย จอดเคียงข้างกับ รุ่น ฟรอนเทียร์ กระบะตอนเดียว ตัวเก่า
อยู่อย่างนั้น!!



HONDA

กลายเป็นจุดเด่นสำคัญของงาน ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนเข้ามาชมงานนี้ได้อย่างง่ายดาย สำหรับ
แจ้ส ใหม่ ที่ได้ มาริโอ้ เมาเร่อ นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องดังข้ามปี "รักแห่งสยาม" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
แต่ใครที่คิดจะมาดูหน้าน้องโอ้ ในงานนี้ จะวันไหนก็ตาม ขอยืนยันว่า เสียใจด้วยครับ

เพราะในงานนี้ จะมีแต่ แจ้สใหม่ มาให้เปิดประตูเข้าไปผุดลุกผุดนั่ง เพื่อหวังรอการสั่งจองของคุณๆ
กับเจ้า หุ่นยนต์ ASIMO ที่ฮอนด้า ลงทุนไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ กับการพัฒนา เพื่อช่วยในด้าน
แบรนด์ อิมเมจ และปูทางสู่กลุ่มธุรกิจหุ่นยนต์ในอนาคตของตน นำมาวิ่งด๊อกแด๊กๆๆๆ บนเวทีเล่นๆ ตามแต่ละรอบการแสดง



ส่วนรถตลาดรุ่นอื่นๆ มากันครบ ทั้ง CIVIC SPORT ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการนำรุ่น 2.0 ตัวท็อป
มาติดตั้งชุดแอโรพาร์ต เพิ่มเติม ใส่ล้ออัลลอย สีขาว ลายคุ้นๆตาอยู่ และแปะโลโก้ข้างรถ
ที่ทำออกมาให้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็น CIVIC Type-R หรือเปล่า แต่ ยังไง๊ยังไง ก็ไม่มีวันเหมือนไปได้
แต่จะว่าไปแล้ว เพียงแค่ไม่ต้องทำอะไร ทุกวันนี้ ยอดขายก็อยู่ในระดับ 2,500 คัน ต่อเดือน สบายๆแล้ว
เล่นเอา COROLLA ALTIS ใหม่ ที่เพิ่งเปลี่ยนโฉมไป ยังทำอะไรกับความร้อนแรงของ CIVIC ยังไมได้เลย

รวมทั้ง ACCORD ใหม่ที่เริ่มมียอดขายแซงหน้า CAMRY คู่กัดเจ้าประจำไปเรียบร้อยแล้วอย่างง่ายดายเช่นกัน
และ CITY ZX ที่ยังมีแต่รุ่นเดิมมาโชว์ตัว เพราะรถรุ่นนี้จะยังไม่เปลี่ยนโฉม จนกว่าจะถึงเดือน สิงหาคม ปีนี้

ส่วนใครที่สนใจการออกแบบรถยนต์ ฮอนด้า ยังคงนำสตูดิโอออกแบบ มาจำลองไว้ให้ผู้สนใจ ได้เข้ามา
เยี่ยมชม เป็นปีที่ 3 แล้ว แถมยังมี หุ่น Mock-up ขนาด 1 ต่อ 4 ของ FCX Clarity ซีดาน ขุมพลัง Fuel-Cell
ที่ฮอนด้าประกาศปล่อยให้เช่าใช้กันแล้วใน เขตแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มาจัดแสดงให้ดูกันอีกด้วย



TOYOTA

เดินข้ามฝั่งไปยัง บูธ โตโยต้า นอกจากจะเห็น YARIS ใหม่ ทั้งรุ่นธรรมดา รุ่น J และรุ่น ตกแต่งพิเศษแบบสปอร์ต
YARIS TRD SPORTIVO ที่เซ็ตช่วงล่างอันแข็งกระด้างอยู่แล้ว ให้แข็งปั๋งยิ่งขึ้นไปอีก รวมทั้งบรรดา ALTIS สีขาวมุก
CAMRY 2.0 ลิตร EXTREMO ที่ตกแต่งด้วยชุดแอโรพาร์ตรอบคันจากรุ่น 2.4 ลิตร พร้อมห้องโดยสารสีดำจากรุ่น V6 3.5Q
และ เพื่อนพ้องน้องพี่ ตระกูล VIGO FORTUNER แล้ว บนเวทีของ บูธโตโยต้า มีความน่าสนใจกันอยู่แค่ 2 คัน

นั่นคือ รถต้นแบบ Hi-Ct จากงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2007 อันเป็นรถที่ออกแบบมาเอาใจวัยรุ่นที่รักความสนุก
ในการเดินทางไปในเมือง



และ รถต้นแบบ FT-HS ที่เคยอวดโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 มาแล้วเช่นกัน รายละเอียดของตัว
รถต้นแบบ หรือรถขายจริงคันใดก็ตาม ที่มีจัดแสดงจากโตเกียวมอเตอร์โชว์
หาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความ เที่ยวโตเกียว ที่ http://www.caronline.net/Article.aspx?Article_ID=116

ขอเมาท์ หน่อยเถิดว่า ความจริงแล้ว รถคันนี้ มาจอดอวดโฉมอยู่ที่ตึก The Style by TOYOTA กลางสยามสแควร์
มาเป็นเดือนๆแล้ว แต่น่าเศร้าที่กลับไม่มีใครรู้มาก่อนเลย หรือถึงจะรู้ แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะไปดูมัน
อาจเพราะ งานออกแบบภายนอกนั้น ดูไกลห่างจากความเป็นจริงมากไปก็อาจจะเป็นได้
เรารู้เพียงแต่ว่า นี่แหละ คือต้นแบบของรถสปอร์ตขุมพลังไฮบริดคันต่อไป ที่โตโยต้า คิดจะวางแผน
ผลิตออกมาขายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า



LEXUS

ข้ามฝากไปยังบูธของเล็กซัส อันเป็นพรีเมียมแบรนด์ สำหรับเจาะตลาดรถยนต์ระดับหรูของโตโยต้า
ยังคงวางรูปแบบ ตำแหน่งบูธ เอาไว้ในลักษณะหันหลังชนกันกับโตโยต้า เช่นเดียวกับแทบทุกปีที่ผ่านมา
แพทเทิร์นการจัดวางรถ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย

แต่รถต้นแบบที่มาจัดแสดงนั้น เปลี่ยนไป และถือได้ว่า สดใหม่ไม่แพ้ต่างแดน

เพราะงานนี้ มีรถต้นแบบ LEXUS LF-Xh หุ่นจำลอง ต้นแบบ ที่จะถูกพัฒนาไปเป็น
HARRIER, HARRIER HYBRID หรือ LEXUS RX เจเนอเรชันต่อไป สดจาก โตเกียวมอเตอร์โชว์ 2007 อีกเช่นกัน มาจัดแสดง



รวมทั้ง เจ้าตัวแสบสีน้ำเงิน LEXUS IS-F ที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก IS250 อันคุ้นเคยกับบรรดาไฮโซเมืองไทย
ในช่วงหนึ่งปีมานี้ กันดีนั่นเอง วางขุมพลังมโหฬาร V8 DOHC 32 วาล์ว 5,000 ซีซี DUAL VVT-i
423 แรงม้า (PS) หมายเป็นคู่ปรับกับ BMW M3 Saloon (E90), Audi RS4 และ Mercedes-Benz C63 AMG นั่นเอง

พูดถึงเล็กซัสแล้วการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี จากการลงนามในข้อตกลง FTA กับรัฐบาลญี่ปุ่น
ก็ช่วยให้ ราคารถยนต์ของเล็กซัส ลดลงมาอย่างมาก ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือ RX400h ขุมพลังไฮบริด
ที่มีราคาลดลงจาก 6.2 ล้าน เหลือ 5.88 ล้านบาท เป็นต้น



Mercedes-Benz

บูธตราดาว ถือว่ายังคงเป็นอีกบูธที่ไม่น่าพลาด
เพราะคราวนี้ การแสดงที่จัดมาให้ชมกันจนแทบจะกลายเป็นประเพณีนั้น
ฉีกบุคลิกเดิมๆอันหรูหราตระการตาออกไป มาเป็นความสดใสโฉบเฉี่ยวและมุ่งสู่แนวทางใหม่ๆ
อย่างที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ กำลังตั้งใจมุ่งหน้าไปให้มันเป็น

ยิ่งผนวกกับการตกแต่งบูธที่ยังคงแพทเทิร์นคล้ายๆเดิม อาจจะดูเหมือนลดความสวยงามลง
จากปีที่แล้วบ้างนิดหน่อย แต่การจัดแสดงรถนั้น ดูโปร่งตายิ่งขึ้น



ไฮไลต์หลักๆของ ค่ายตราดาวปีนี้ คือการเปิดตัว ทั้ง SL Minorchange และ SLK Minorchange
เวอร์ชันพวงมาลัยขวา ครั้งแรกในโลก (อีกแล้ว)

SLK ใหม่ จะมีเฉพาะรุ่น SLK 200 Kompressor วางเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 1,796 ซีซี พ่วง ซูเปอร์ชาร์จ 184 แรงม้า
แรงบิด 250 นิวตันเมตร ราคา 4.5 ล้านบาท

ส่วน SL ใหม่ ช่วงแรกจะมีเฉพาะรุ่น SL350 ขุมพลัง V6 3,498 ซีซี แต่แค่นี้ ก็แรงได้ถึง 315 แรงม้า!
แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 6.2 วินาที ราคา 11.79 ล้านบาท !!

ส่วน C-Class ใหม่ จะเพิ่มรุ่น C230 2.5 เข้ามา วางเครื่องยนต์ 6 สูบ 2,496 ซีซี 204 แรงม้า
ราคา 3.499 ล้านบาท (-_-)

นอกนั้น มีให้ชมกันครบแทบทุกรุ่น ยกเว้น A-Class ที่ดูเหมือนว่าจะเลิกทำตลาดในเมืองไทยไปเสียแล้ว

แง๊! ผมยังไมได้ลองขับเลยอ่ะ!!



BMW / MINI

เมื่อหารถเล็กป้ายแดงอย่าง A-Class จาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ได้อีกแล้ว
ตัวเลือกในตลาดก็น้อยลง แต่ตัวเลือกที่ว่านั้น เพียงแค่ข้ามฝากมา ก็เจอ

MINI นั่นเอง

คราวนี้ มีมาให้ชมกันเกือบครบทุกรุ่น
มีทั้ง MINI COOPER S CONVERTIBLE รุ่นปัจจุบัน แต่ตกแต่งใหม่



และรุ่น CLUBMAN ที่มาในมาดเท่ ด้วยสีน้ำตาล อินเทรนด์
คลับแมน จะแตกต่างจากมินิ ใหม่รุ่นอื่นๆตรงที่ มีความยาวตัวถังเพิ่มขึ้น
จนดูคล้ายจะเป็น มินิ ตัวถัง เอสเตท เสียมากกว่า
แถมยังเพิ่ม "บานแค็บเปิดได้" เฉพาะฝั่งตัวถังด้านขวา มาให้อีก 1 บาน
ที่อาจจะช่วยให้เข้าออกจากเบาะหลังสะดวกขึ้นกว่าเดิมนิดนึง แค่นิดเดียวเท่านั้น
เพราะถ้าทำออกมาให้ยาวกว่านี้ ก็คงจะติดปัญหาบริเวณถังน้ำมันเป็นแน่



แถมการออกแบบยังใส่ใจรายละเอียดมากๆ ดูการเปิดประตูคู่หลังสิครับ
สวิงออกเป็นตู้กับข้าวของที่ แถมเปิดลึกเลยเถิดมาถึงบริเวณชุดไฟท้ายเสียอีกด้วย

มีให้เลือกทั้งรุ่น คูเปอร์ ธรรมดา 2.7 ล้านบาทเศษ และรุ่น คูเปอร์ เอส 3.2 ล้านบาทเศษ

ดูเท่หนะจริงอยู่ แต่เมื่อนึกถึงช่วงล่างอันแข็งกระด้าง และขับเหนื่อย แล้ว
เลยชักไม่แน่ใจว่า จะรักมันลงหรือไม่

เอาเถอะ ชอบดีไซน์อันสุดเท่ไปก่อนก็คงจะพอมั้ง



เดินมาอีกนิด จะเป็น บูธ มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ ของ BMW ที่ผมอาจไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่

แต่คันที่อยู่ถัดจาก พาร์ทิชันที่กั้นอยู่นั้นไป คงคุ้นหน้าค่าตากันบ้างแล้ว

M3 ใหม่ เปิดตัวในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว! (มาได้สักเดือนเศษๆ แล้วละ)



หลังคา คาร์บอนไฟเบอร์ ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย และมีการลดน้ำหนักกัน
อย่างชัดเจนในหลายจุด วาง ขุมพลัง V8 420 แรงม้า คันที่เห็นนี้ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ค่าตัว 9.9 ล้านบาท !!!

คู่แข่ง?
Lexus IS-F , Audi RS4 , Mercedes-Benz C 63 AMG

เอ่อ……….อยากลองขับ คงพอมั้ง เนาะ



นอกจาก M3 แล้ว บูธ BMW ยังมีไฮไลต์ มากมาย ทั้ง การนำ BMW 502 มาอวดโฉม ย้อนอดีตอันเกริกไกรของตน
รวมทั้ง การเปิดตัว 320d ขุมพลัง ดีเซล และ X3 ขุมพลังดีเซล เช่นกัน แล้ว….



ยังมีอีกคันหนึ่ง ซึ่งคงจะต้องหยุดดูกันเลย
เพราะเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในเอเซียของ X6
รถประเภทใหม่ ที่ BMW อุตริไปเรียกมันว่า ครอสโอเวอร์ คูเป้ SUV
สีแดงไวน์สุดสวย คันนี้

ตอนแรก เห็นเพีัยงแค่สายตา ใจผมก็ชอบโดยฉับพลัน ฉันช่างใจง่ายอะไรเช่นนี้



พี่ริชชี่ ลอยด์ แห่ง บางกอกโพสต์ เดินเข้ามาดูครั้งแรก
ก็มองด้วยความงุนงง ถามว่า BMW ไม่มีอะไรทำแล้วหรือ
หมดมุขจะเล่นแล้วหรือ ถึงต้องทำแบบนี้

แต่พอดูไปดูมาสักพัก เจ้าตัวก็ตื่นเต้น และรู้สึกชอบเจ้า X6 ขึ้นมาทันที



ก็แน่ละ เมื่อขึ้นไปนั่งข้างหลังแล้ว พื้นที่เหนือศีรษะก็ยังเหลืออยู่อีกตั้งเยอะเลยนี่นา



แม้ข้างในจะรู้สึก แน่นๆ… ไม่ต่างจาก X5 ใหม่…

และมีทัศนวิสัยด้านหลัง ที่ไม่ดี ก็ตามที
ทำไงได้ ออกแบบรถมาให้มีรูปลักษณ์ท้ายลาดเองนี่

ประตูทั้ง 4 บาน ปิดล็อกด้วยระบบ กลอนไฟฟ้า
หมายความว่า แค่ปิดเบาๆ ไม่สนิท ประตูจะดีดตัวออกมาอีกครั้ง เพื่องับตัวเองเข้าไปให้สนิทโดยไว
ไม่ว่าจะปิดหนักๆ หรือปิดเบาๆก็ตาม



แต่ต้องทำใจไว้ว่า รถคันนี้ เหมือนจะจำกัดมาให้เป็นรถที่โดยสารได้เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น
เพราะพื้นที่ตรงกลาง เขาทำเอาไว้สำหรับพื้นที่ช่องเก็บของ
และรองรับพนักเท้าแขน ที่พับเก็บอยู่ในพนักเบาะหลัง

คอนโซลกลาง มีอุปกรณ์ความบันเทิงมาให้ลูกหลานนั่งดูเล่น

งานวิศวกรรมต่างๆหนะ ถอดใส่ใช้กันได้กับ X5 อยู่แยะอย่าง
จะยกเว้นก็แค่ เครื่องยนต์ใหม่ ทวินเทอร์โบ 5,000 ซีซี ที่เห็นอยู่นี้

แต่ทว่า ความประทับใจทั้งหลาย ก็พลันหายไปอย่างฉับพลันรวดเร็วทันที

ก็เพราะว่าจู่ๆ หลังจากที่ผมเปิดฝากระโปรงหน้าทิ้งไว้

ก็มีใครสักคน จะปิดมันลงมา เพื่อหวังจะถ่ายรูป

พอฝากระโปรงปิดลงโดยสนิทปุ๊บ…

กระจังหน้า ฝั่งซ้ายของลำตัวรถ ก็พุ่งตัวพรวดพราด ออกมากองอยู่กับพื้นที่บูธเสียงดัง ปัก!
ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด
พร้อมกันนั้น มืออันแสนไวของผม ก็คว้ากล้องถ่ายรูปมาลั่นชัตเตอร์บันทึกภาพนี้เอาไว้เป็นหลักฐาน…



ก็ใครมันจะไปนึกเล่าครับว่า โธ รถราคาเหยียบสิบล้าน แต่การประกอบมันเป็นเสียอย่างนี้

หมดกัน….

แต่ เมื่อคนที่ทำมันพุ่งออกมา ตั้งสติได้ ก็รีบไปเก็บกระจังหน้าชิ้นนั้น แล้ว แปะมันกลับเข้าไปที่เดิม
ก็ลงล็อกง่ายดาย จนทำให้มองอีกมุมกลับ ได้ว่า เออ แหะ มันประกอบง่าย ขนาดเด็กอนุบาล น่าจะใส่เข้าไปได้เอง!!



ช่างเป็นเรื่องน่าขันเสียนี่กะไรเช่นนี้…



VOLVO

ตั้งแต่ พอล สโตรว์ เข้ามาเป็นนายใหญ่ของวอลโว ดูเหมือนว่า อะไรๆก็ดีขึ้น กับค่ายรถจากสวีเดน

ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่า แกเป็นคนมีความเข้าใจ ในความเป็นไทยมากเอาเรื่อง
และเป็นมิตรใช้การได้เลย

ก็ขนาดวันนี้ เจ้าตัวยังพาลูกสาว วัย 13 กำลังน่ารักน่าชัง มาอยู่ด้วยในงาน

สาวน้อยก็ไม่ซุกซน ทำหน้าที่เป็นลูกสาวที่ดี แถมยังเข้ากันได้กับลูกน้องคุณพ่อ ผู้เป็นคนไทยเสียอีก ดีจังแหะ

ปีนี้วอลโว มาแบบอลังการกว่าทุกครั้ง
เพราะระดมเปิดตัว C30 แฮตช์แบ็กน้องนุชสุดท้องของวอลโว ในหลากหลายรูปแบบ และแคแรคเตอร์ที่ต่างกัน

มีทั้งเวอร์ชันขายจริง เครื่องยนต์ 2,400 ซีซี ราคาเริ่มต้น 2.349 ล้านบาท
และที่เหลือ อยากได้ออพชันอะไร ลูกค้าก็เลือกเอาเองเลยได้ตามอัธยาศัย
อยากได้กระจกมองข้างพร้อมกล้อง มอนิเตอร์ เตือนรถคันข้างๆที่แล่นมา
จาก S80 3.2 ลิตร ก็เลือกสั่งได้เช่นกัน!



และ เวอร์ชันเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี ที่เติมเชื้อเพลิงอย่าง แก้สโซฮอลล์ ที่มี เอธานอลผสมอยู่ได้ถึงระดับ E85 กันแล้ว!



ไปจนถึงคันต้นแบบ C30 HYBRID PLUG-IN ใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า
แถมยังมีปลั๊กสำหรับเสียบรับกระแสไฟจากบ้านได้อีกด้วย

คันนี้ยังเป็นแค่รถต้นแบบ และกำลังวางแผนสู่การผลิตจริงอยู่ครับ

นอกนั้น รถในไลน์อัพของวอลโวบ้านเรา มากันครบทุกคัน

——————–

ISUZU
คุณคงเห็นจากในภาพประกอบข้างบนแล้วว่า ไม่ได้มีอะไรใหม่มากมายไปกว่า
พรีเซ็นเตอร์ใหม่ทั้ง 4 คน และ รุ่นสีขาวพิเศษ OMEGA PEARL
ที่ผมจะเผลอเรียกเป็น D-MAX OMEGA 3 แถมมี DHA เอาซะทุกที

^_^



YONTRAKIT (PEUGEOT ,CITROEN, AUDI, VW, KIA, NAZA)

ของใหม่ บนบูธยนตรกิจนั้น มีเพียงแค่ 2 รายการที่เรียกว่าใหม่จริงและน่าสนใจ

คันแรกคงหนีไม่พ้น Audi A4 ใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวในเมืองไทยแล้วสักที

กับอีกคันที่เห็นอยู่นี้ ระดับราคาต่างกันสุดขั้ว

พร้อมขุมพลัง 4 สูบ 1,100 ซีซี 67 แรงม้า วิ่งเล่นขำขำ กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
ออกแบบโดย พินินฟารีนา



NAZA FORZA เริ่มต้นที่ 349,000 บาท
พร้อมขุมพลัง 4 สูบ 1,100 ซีซี 67 แรงม้า วิ่งเล่นขำขำ กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
ออกแบบโดย พินินฟารีนา

อย่าได้หลงคิดไปว่ามันคือรถมาเลเซีย อย่างที่รับรู้กันมา

เพราะว่ามันคือ รถจากจีน ชื่อยี่ห้อที่แท้จริงของมันคือ Hafei Lobo (หรือผมจะเรียกมันว่า "ฮานะเฟ้ย อีตาโลโบ้!")
ที่ นาซ่า ไปดีลร่วมมือกัน มาผลิตขายในมาเลเซีย แล้วแปะตราแบรนด์ตัวเองต่างหาก



ไปลองนั่งมาแล้ว…
บอกเลยนะ ว่า แค่พอขับได้ ข้างในรถ ทำออกมาดีกว่า Proton Savvy แค่นิดเดียวเท่านั้น
เสียงปิดประตู ก้องกังวาลสุดยอดไม่แพ้ โปรตอน มันชวนให้นึกถึง ไดฮัทสุ กระป๊อ
รุ่นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่วิ่งรับส่งผู้คนตามตรอกซอกซอย เลยละ!



แต่ ถ้าวัดกันเรื่องการออกแบบระหว่าง นาซ่า และ Proton Savvy ไม่แพ้กันนัก
ถ้าดูการประกอบ แซฟวี ยังทำได้ดีกว่าชัดเจน
แต่ถ้าวัสดุละก็ แม้ว่า นาซ่า จะใช้ของที่ดูเหมือนจะดีกว่า

ทว่า่กลิ่นห้องโดยสารเนี่ย เจ้ากิต Homy Demio ร้องออกมาเลยว่า

"กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เดตอล (Detol) ชัดๆ!!"

เมื่อผมขึ้นไปนั่งก็รู้สึกเหมือนกันในเรื่องนี้

ที่วางขา ก็พอนั่งได้ แต่ มีแนวโน้มปวดหลังแน่ๆถ้านั่งนานๆ



แผงหน้าปัดพยามออกแบบตามสมัยนิยม ให้มีมาตรวัดอยู่ตรงกลางเหมือนรถโตโยต้า วีออส ยาริส
มีถุงลมนิรัยมาให้ 2 ลูก ในรุ่นท็อป แต่ ไม่มีใครรู้ว่า โครงสร้างตัวถังนั่น ออกแบบมาให้ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน?



ตำแหน่งนั่งขับนั้น ไม่ค่อยดี เพราะพยายามปรับตำแหน่งเบาะอย่างไร ก็จะต้องมีความขาดๆเกินๆ ไม่พอดี
ตำแหน่งพวงมาลัยที่เตี้ยไปนั้น ยังไม่น่าห่วงเท่ากับ การวางขาของผู้ขับขี่ การประกอบ ก็ยังไม่เรียบร้อยหรือเนียนสวย
เท่าที่ควร

ดูหน้าผมแล้วกันนะครับ ว่าผมคิดยังไงกับรถคันนี้

ผมว่า มันควรจะมีราคาเริ่มต้นที่ 2.8 แสนบาท มากกว่าจะเริ่มที่ 3.49 แสนบาท

และยิ่ง ขึ้นชื่อว่ายนตรกิจแล้ว

ผมบอกตรงๆนะ

ผมไม่แน่ใจ!



FORD

การดึงเอา ทาทา ยัง นักร้องสาวมาเป็น แบรนด์ แอมบาสซาเดอร์ นั้น ก็น่าจะพอช่วยสร้างสีสันให้กับฟอร์ด
ในระหว่างที่ยังไม่มีรถรุ่นใหม่ ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี ได้บ้างไม่มากก็น้อย

แต่ก็ชวนสร้างความสงสัยเล็กๆ
ว่าเหตุใด ทาทา ถึงไม่ได้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับรถยี่ห้อเดียวกับ ที่คุณพ่อของตน เอาชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อตน?



ปีนี้ ของใหม่ที่น่าดูจริงๆ สำหรับบูธ ฟอร์ด คงจะเป็นการปรากฎตัวของ

ฟอร์ด เวิร์ฟ (VERVE)

เวอร์ชันต้นแบบ ของ ซับ-คอมแพกต์ ซีดาน เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,500 ซีซี
ที่ฟอร์ด เตรียมจะพัฒนาต่อไปเป็น "FIESTA SEDAN"

เพื่อขึ้นสายการผลิตในไทย คู่กับ Mazda 2/Demio
และเตรียมเปิดตัวในเมืองไทย ปลายปี 2009 นั่นเอง


ดูหุ่น Mock-up ไปก่อน
คันขายจริง รออีก 1 ปีครึ่ง

MITSUBISHI MOTORS

ปีนี้ มิตซูบิชิ มีรถตู้ Concept EZ MIEV ไม่ใช้เครื่องยนต์ แต่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ล้อทั้ง 4
แบบ Motor in Wheel เป็นตัวขับเคลื่อนแทน ใช้กระแสไฟฟ้าจากแบ็ตเตอรี นิกเกิล เมทัล
มาจอดนิ่งๆเฉยๆ



ส่วน PAJERO ใหม่ เจเนอเรชันที่ 4 เคาะขายจริงกันแล้ว ด้วยราคาสูงถึง 3.9 ล้านบาท
เพราะเป็นรถนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน แถม คนสั่งออพชัน ก็เล่นติ๊กๆๆๆ เอาออพชันอัดแน่นมาซะเต็มรถเลย
งานประกอบก็ถือว่าดีกว่ามิตซูบิชิทั่วๆไปมากโข เครื่อง V6 3,800 ซีซี 250 แรงม้า (PS)

แต่ใช้น้ำมันแก้สโซฮอลล์ ได้แค่ E10
ส่วน E20 ยังใช้ไม่ได้

ทั้งที่รุ่นอื่นของมิตซูบิชิ ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน ใช้ E20 ได้หมดแล้ว



Mazda

ยังคงจะ ซูม ซูมกันต่อไป ทั้งด้วยมุขของการตกแต่งบูธที่จืดชืด และเน้นความโปร่งโล่งสบายกันอย่างเดียว

มุขของการเอารถรุ่นปัจจุบัน มาตกแต่งใหม่ จอดโชว์ในงาน พอหลังงานเลิก ก็ขนเอาไปจอดแหมะตากฝุ่นอยู่ในที่จอดรถ
ส่วนกลาง ของฟอร์ดกับมาสด้า ซึ่งก็ต้องร่อนเร่ไปเรื่อยตามสัญาการเช่าพื้นที่ ตามตึกต่างๆในละแวกอโศก
ที่ต้องลุ้นระทึกกันเรื่อยๆ แทบทุกทีเวลาจะรับรถไปทดลองขับกัน



แต่ดีหน่อยว่า ปีที่แล้วเอา CX-7 คันสวยมาโชว์

ปีนี้ เอาพี่ชายของ CX-7 ในชื่อ CX-9 มาโชว์

โชว์อย่างเดียว ไม่มีขาย เพราะญี่ปุ่นไม่ให้ขาย
มันเป็นรถทสงวนไว้ให้ี่ขายเฉพาะในอเมริกาเหนือเท่านั้น
พวงมาลัยซ้าย เครื่อง V6 3.5ลิตร
ก็คือ เจ้า CX-7 เวอร์ชันตัวถังยาวขึ้น จาก 5 ที่นั่งเป็น 7 ที่นั่งนั่นละครับ
แล้วเปลี่ยนชิ้นส่วนด้านหน้านิดนึงด้านหลัง เยอะหน่อย แค่นั้นเลย

ปล. รถคันนี้ น้ำมันเครื่องที่แปะไว้ให้ใช้คือ 5W20
กะให้ลื่นกว่าปกติเป็นพิเศษเลยแหะ ทั้งที่รถมาสด้าบ้านเรา
ส่งเข้าศูนย์เมื่อไหร่ จะโดนจับเปลี่ยนให้ใช้เกรด 40 เท่านั้น



CHEVROLET
เปลี่ยนแนวคิดการตกแต่งบูธใหม่ จนดูสว่างตามากยิ่งขึ้น
และเน้นให้ข้อมูลต่างๆมากมาย เอารางวัลมาตั้งเป็นตู้โชว์ เยอะแยะ เวิ่นเว้อใช้การได้

ของใหม่ปีนี้ ที่น่าสนใจ ก็มีแค่ Colorado CNG รถกระบะรายแรกในเมืองไทย ที่ติดตั้งระบบ ก๊าซ CNG มาให้จากโรงงาน

———————–

เรายังเหลือ Hall 2 ที่มีจัดแสดงรถยนต์ กันอีกหนึ่งฮอลล์ และโดยหลักแล้ว ฮอลล์นี้ จะมีผู้ผลิตรายพระรองลงไป
แต่ดีกรีความน่าสนใจ ก็มิได้ลดน้อยถอยลงกันไปเลย

———————–



HYUNDAI

ลดราคา โซนาตา ซีดานลงมาให้จับจองกันง่ายขึ้น ขณะที่ รถตู้ H1 ยังขายดีกระหน่ำไม่เลวเลยทีเดียว
ดังนั้นในงานปีนี้เลยเปิดตัวรถกระบะ H100 เอาไว้ต่อกรกับ KIA K2700 ทั้งที่มันก็คือรถที่ใช้โครงสร้างร่วมๆกันนั่นแหละ

แต่ไฮไลต์ในบูธหนะอยู่ที่ รถต้นแบบ VELOSTER คันสีแดงนี้ต่างหาก



เปิดเข้าไปในห้องโดยสาร ก็เป็นอย่างนี้

ฮุนได เดี๋ยวนี้ ดีไซน์ ไม่เลวแล้วนะ…



รถต้นแบบเดี๋ยวนี้ ทุกคัน จะมีรีโมทคอนโทรลมาด้วย

เพื่อเอาไว้เปิดปิดอุปกรณ์ต่างๆ ในการโชว์

ฮุนได เวโลสเตอร์ คันนี้ก็เช่นกัน

มันเหมือน รีโมท ทีวี มากเลย

แต่มันไม่เหมือนเท่ากับ รีโมท ของ นิสสัน อินทิมา หรอก!

——————–

บูธอื่นๆ ในบริเวณนี้ที่น่าสนใจ ก็เห็นจะมีทั้ง

– SUBARU นำ IMPREZA WRX STi มาเปิดตัว ขายจริง เคาะราคาขายป้ายแดงเท่ารุ่นเดิม 3.95 ล้านบาท!
– SUZUKI นำ APV Minorchange มาเปิดตัว เก็บงานประกอบได้เรียบร้อยกว่าเดิมขึ้นเยอะ จนรับได้แล้ว
– MTM คราวนี้ ยก AUDI S5 ใหม่ มาทั้งคัน พร้อมจะทำตลาดกันแล้ว นอกจากนี้ ยังนำ MITSUOKA
มาจัดแสดงเป็นครั้งที่สองด้วย มีทั้งรถสปอร์ตหน้าตาประหลาด OROCHI และรถลีมูซีน ที่นำเอา Nissan FUGA
มาผ่าครึ่งคัน แล้วขยายร่างให้ยาวขึ้น
– SSANGYONG นำ KYRON SUV มาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ จนดูยิ่งลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม แต่เครื่องยนต์กลไกยังเหมือนเดิม
ดังนั้น พอจะอ้างอิงรายงานการทดลองขับ
จากบทความเก่าๆที่ผมเคยทำเอาไว้ก็น่าจะได้อยู่

แต่…ที่น่าสนใจที่สุดในบริเวณนี้
จนผมต้องเก็บไว้นำเสนอเป็นการปิดท้ายกัน

นั่นคือ การมาถึงเมืองไทยของ TATA MOTORS
ที่พร้อมแล้ว(เหรอ) สำหรับการเปิดตัว และทำตลาดรถยนต์ในเมืองไทย



ทำไมผมต้องวงเล็บ เอาไว้เช่นนั้น?

ยังก่อน เรามาดูกันว่า ทาทา ทุ่มทุนสร้างขนาดไหน

ทาทา มอเตอร์ส เช่าพื้นที่บูธไว้ 2 แห่ง คือบนทางเดินหน้าฮอลล์ 1

สำหรับเผยแพร่ผลงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านๆมา

ซึ่งก็ได้รับความสนใจอย่างดีเรื่อยๆ



กับพื้นที่ ในฮอลล์ 2 ซึ่งเอาไว้ เปิดตัวรถกระบะ ซึ่งในที่สุด
ก็เปลี่ยนจากชื่อ SPRINT มาใช้ชื่อรุ่นว่า XENON

เป็นการใช้ชื่อรุ่นนี้ โดยไม่มีไฟหน้าแบบซีนอนแถมมาให้แต่อย่างใด

โดยในพื้นที่รอบๆบูธ ก็จะมีรถรุ่นอื่นๆ จอดแซมกันอยู่ประปาย

ทั้งรุ่น SUMO ที่ก็สร้างความงุนงงให้ผมว่า ออกดีไซน์อย่างนี้มาได้อย่างไรกัน

จนถึงรถ SUV รุ่น SAFARI ที่ก็พอจะดูเข้าท่าขึ้นมาอีกระดับ



รวมทั้งรถบรรทุกเล็กรุ่น ACE ที่กำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบความทนทานให้ได้ครบ 1 ล้านกิโลเมตร!

พอเปิดประตูขึ้นไปดูข้างในแล้ว

แผงหน้าปัดหนะ ดีไซน์ใช้ได้ทีเดียว

แต่ เบาะนั่งรงกลาง ที่ถูกเปิดออกไป เผยให้เห็นความไม่น่าดูสักเท่าใดนัก

เอาละน่า รถยังไม่พร้อมออกขายในบ้านเรา ยังไม่เ่ป็นไรหรอก



ไฮไลต์ ของ บูธ ทาทา มอเตอร์ส นั้นก็คือ
รถกระบะ ซีนอน นั่นเอง

สรุปกันคร่าวๆ ถึงรายละเอียดของตัวรถก็คือ

– เปิดตัวด้วยรุ่น ขับสอง ยกสูง กันเลยทีเดียว ไม่มีรุ่นเตี้ยมาตรฐาน
– มีทั้งรุ่น แค็บ และ 4 ประตู ยังไม่มีรุ่นกระบะตอนเดียว ซิงเกิลแค็บ รายการหลัง เจอกันปลายปีนี้
– กระบะท้ายสั้นไปหน่อย ถ้าอธิบายตามหลักวิชาการคือ การกระจายน้ำหนักบรรทุกจะทำได้ดี
(แต่ พื้นที่บรรทุกจะหดหายไปหน่อย)



– วางเครื่องยนต์ DICOR ดีเซล 4 สูบ 2,200 ซีซี คอมมอนเรล จาก DELPHY เทอร์โบ จาก Garrett
140 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ใช้ ECU ควบคุม

แถมมีไฟส่องห้องเครื่องยนต์แถมมาด้วย มุมนึงอาจมองว่า ทำเก๋ แต่อีกมุมนึง เหมือนกับน่าจะเดาว่า
ผู้ใช้ อาจต้องเปิดฝากระโปรงหน้าบ่อยเหมือนกันหรือเปล่า?

กระปุกน้ำมันพวงมาลัย เป็นกระป๋อง ตั้งอยู่ริมด้านในอย่างที่เห็น

ส่วนหม้อพักน้ำหล่อเย็น ก็ตั้งไว้เสียติดกับกระจังหน้ารถเลยทีเดียว



– เวอร์ชันติดแก้ส CNG กำลังทดลองอยู่ แต่แรงม้าจะลดลงหดหายไป เหลือ 115 แรงม้า (PS)



– ห้องโดยสาร ออกแบบปรับปรุงใหม่จนดูพอรับได้ และเน้นใชข้โทนสีเบจ เพื่อสร้างความสว่างในตัวรถ
– พวงมาลัย 4 ก้าน แข็งๆหน่อย แต่ปรับระดับได้
– บางรุ่น ให้วิทยุพร้อมเครื่องเล่น ซีดี ในตัว จาก KENWOOD
– วัสดุเบาะผ้า ในห้องโดยสาร ยอมรับได้



และประกอบโดย ธนบุรี ประกอบรถยนต์
โรงงานที่ประกอบเมอร์เซเดส-เบนซ์ และฮุนได

พูดกันตามตรง ผมไม่ห่วงในมาตรฐานการประกอบของธนบุรี ประกอบรถยนต์
เพราะไม่ว่าคุณจะเอาชิ้นส่วนอะไหล่ห่วยๆขนาดไหนมาให้เขาประกอบ
เขาก็สามารถประกอบออกมาจนเป็นรถคันสวยงามเนียนได้ เท่าที่พวกเขาพอจะทำได้

แต่ ที่น่าห่วงคือ มันขึ้นอยู่กับว่า ชิ้นส่วนที่คุณจะเอามาประกอบเป็นคันรถนั้น
มันมีคุณภาพเป็นเช่นใดต่างหาก

รถคันสีน้ำเงินในภาพ ที่จอดโชว์อยู่ และผมเจอกับตัวเองก็คือ
สลักล็อกตำแหน่งพวงมาลัย ที่ปรับระดับสูงต่ำได้นั้น มันไม่อาจรั้งให้
พวงมาลัยอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและเหมาะสมของมัน ตราบที่ผมปรับได้เลย
มันดีดกลับขึ้นไปด้านบนสุดโดยตลอด ทั้งที่มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น

นี่ถ้าลูกค้าผู้บริโภค มาเจอเอาแบบนี้เข้ากับตัวเองแล้วละก็
มันจะเป็นยังไงกันละเนี่ย? แค่เรื่องง่ายๆ ชิ้นส่วนแค่นี้
ยังปล่อยให้พลาดออกมากันได้ แล้วถ้ามันเกิดหลุดไปถึงมือของผู้บริโภคละ?

ดังนั้น ไม่ใช่ธนบุรีประกอบรถยนต์หรอกครับ ที่ผมมอง
แต่ วิศวกรชาวอินเดียของ ทาทา นั่นแหละ ที่จะต้องทำการบ้านกันอีกขนานใหญ่
หากคิดจะใช้ไทย เป็นฐานในการเปิดตัวสู่โลกอย่างแท้จริงแล้ว
งานประเภท Craftmanship คือสิ่งที่คนของทาทา ต้องเรียนรู้กันอีกขนานใหญ่เลยทีเดียว!

การเดินทางของพวกเขายังไม่เสร็จสิ้นง่ายๆหรอกครับ



แต่ถึงกระนั้น ทาทา ยังทำให้ผมประทับใจพวกเขาได้อยู่เรื่องนึง

นั่นก็คือ เจ้า Indica รุ่นโมเดลเชนจ์ ที่ออกแบบมาได้ทันสมัย
น่าใช้งาน และยิ่งถ้าบอกว่า ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 1,500 ซีซี
110 แรงม้า แต่จะขายในราคา 3.6 แสนบาท เมื่อประกอบในเมอืงไทย ตามโครงการ eco Car ละ?

น่าสนใจใช่ไหม? และยิ่งถ้าจะบอกว่า งานประกอบต่างๆ
กลับดูดี กว่า โปรตอน แซฟวี และ นาซ่า ฟอร์ซ่า หรือ ฮาเฟ่ย โลโบ้ ทั้งสองคันนั้นอยู่ไม่น้อยละ?

จะยังสนใจกันไหมครับ?

บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ปีนี้ เรียกได้ว่า เป็นปีที่มีรถยนต์ต้นแบบ และรถยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ เข้ามาให้เราได้สัมผัสกันมากมาย
แต่ ถ้าใครที่คิดจะมองหารถสปอร์ตแบรนด์โก้ๆจากอิตาลี หรือเยอรมัน คงต้องขอแสดงความเสียใจไว้สักหน่อยว่า
งานนี้ไม่น่าจะเหมาะกับคุณ

หากว่าถ้าคุณเป็นคนที่คิดจะซื้อรถใหม่ หรือสนใจในความเป็นไปของโลกยานยนต์
ที่คำนึงถึงเรื่องของความใส่ใจในสภาวะแวดล้อม และเทคโนโลยีใหม่ๆ
ที่ใกล้จะถูกนำมาใช้กับรถยนต์ในรุ่นลูกรุ่นหลานเราแล้ว
งานนี้ คุณไม่ควรพลาด เหมือนเช่นเดียวกันกับทุกปีที่ผ่านมา

—————————————————–

J!MMY
27-28 มีนาคม 2008
23.15 น. – 6.06 น.

Facebook Comments