6.30 น. นั้นคือเวลาที่พวกผมต้องนัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิกันอีกแล้วจุดหมายปลายทางกันครั้งนี้อยู่ที่จังหวัดกระบี่และแน่นอนจนไม่อยากจะบ่นเกี่ยวกับสนามบินแห่งนี้กว่าจะเทคออฟหรือออกตัวได้ก็เสียเวลาจากปัญหาการซ่อมรันเวย์อยู่เหมือนเดิม
เมื่อเครื่องลงเรียบร้อยเราก็แวะนั่นแวะนี่แล้วรวมทั้งรับประทานอาหารเที่ยงกันก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พักของเราในช่วงเที่ยงกว่า อ้าวหลายท่านคงสงสัยจะรีบเข้าโรงแรมทำไมก็ต้องมีการเข้าฟังบรรยายกันก่อนที่เราจะได้ขับกันในวันรุ่งขึ้น
ถึงโรงแรมสิ่งแรกที่เห็นนั้นคือเจ้า ฟอร์ด โฟกัส รุ่นใหม่จอดตระหง่านกลางโรงแรม แรกเห็นนั้นมีการออกแบบมาได้อย่างสวยงามลงตัวดี เราเดินมาลงทะเบียนแล้วรับเอกสารกันก่อนเข้าห้องประชุมเพื่อฟังบรรยายเกี่ยวกับตัวรถ
ฟอร์ดในประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นผู้นำในเรื่องของนวัตกรรมใหม่ใหม่สู่ตลาดเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องคานแข็งนิรภัยในกระบะของเรนเจอร์ และถ้าพูดถึงพลังงานทางเลือกก็เป็นรายแรกในเมืองไทยที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 20 ในรถเก๋งสำหรับโฟกัสในเดือนตุลาคม 2005 ต่อจากนั้นก็ได้มีการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลออกมา ต่อด้วยการแนะนำเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ตามลำดับ
จนมาวันนี้ฟอร์ด โฟกัสใหม่เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ออกจากสายพานการผลิตของโรงงานฟอร์ดประเทศไทยหรือ FTM และเป็นโกลบอลหรือผลิตภัณฑ์ที่มีทั่วโลกที่ออกจากเมืองไทยเป็นรุ่นที่สองต่อจาก เรนเจอร์ซึ่งโฟกัสที่ออกมาจากโรงงานแห่งนี้จะทั้งรุ่น สี่ และ ห้า ประตู เครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค รุ่นใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Ti-VCT GDi และเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค ขนาด 1.6 ลิตร Ti-VCT ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นได้รับการติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ซึ่งในช่วงการฟังบรรยายนั้นทางฟอร์ดได้เคลมไว้ว่าค่าใช้จ่ายในเรื่องการบำรุงรักษานั้นถูกที่สุดในเมื่อระยะการเข้าที่ 120,000 กม.เพราะโฟกัสนั้นเข้าเช็คทุกระยะ 15,000 กม.โดยที่มีระยะรับประกันอยู่ที่ 3 ปี 100,000 กม.
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร GDi ที่ติดตั้งในฟอร์ด โฟกัส ใหม่ รุ่นสปอร์ต รุ่นสปอร์ต พลัส รุ่นไทเทเนียม และรุ่นไทเทเนียม พลัส มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ทางโรงงานทำไว้คือ 14.9 กิโลเมตร/ลิตร เครื่องยนต์ให้กำลังอยู่ที่ 170 แรงม้าและแรงบิด 202 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีดรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยี SelectShift Automatic ที่ทำให้เลือกเกียร์ได้เองแถมยังอุปกรณ์ต่างๆที่จะช่วยทั้งในเรื่องของความประหยัดไม่ว่าจะเป็นระบบกระจังหน้าแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ที่ใช้ช่องลมควบคุมการไหลเวียนของอากาศแบบอัตโนมัติผ่านกระจังหน้าไปยังระบบทำความเย็นและเครื่องยนต์ ยังช่วยลดแรงเสียดทานและเสียงรบกวนจากลม พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันให้แก่ฟอร์ด โฟกัส ใหม่
การออกแบบนั้นยังเป็นแบบเคเนอติก ดีไซน์ อยู่ในฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ทั้งรุ่น 4 และ 5 ประตูกับรูปโฉมด้านหน้าที่โดดเด่น ตัวถังด้านข้างที่สะท้อนความหรูหรา เส้นด้านข้างตัวถังที่ตวัดสูงขึ้นตามสไตล์ของฟอร์ด
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้มานั้นเช่นพวงมาลัยพาวเวอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (EPAS) ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐานได้รับการปรับจูนเป็นพิเศษเพื่อให้การตอบสนองที่แม่นยำเมื่อขับที่ความเร็วสูง แต่จะมีน้ำหนักเบาและหมุนง่ายเมื่อขับที่ความเร็วต่ำเพื่อช่วยให้จอดได้ง่ายขึ้น ฟอร์ดยังเพิ่มความคล่องตัวและเสถียรภาพในการเข้าโค้งด้วยการติดตั้งระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งในฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นครั้งแรก ซึ่งโดยทั่วไปเทคโนโลยีดังกล่าวจะมีอยู่ในรถสปอร์ตระดับหรูเท่านั้น
แถมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESP) ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ซึ่งรวมถึงระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย เรียกได้ว่ามาแบบจัดเต็มกันเลยงาน
ส่วนอีกอันที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานนี้เลยนั้นคือระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ฟอร์ดได้ร่วมพัฒนากับไมโครซอฟท์ ซึ่งฟอร์ด โฟกัส ใหม่ จะเป็นรถฟอร์ดรุ่นแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ที่ติดตั้งระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร ฟอร์ด ซิงค์ ระบบที่ได้พัฒนามานั้นจะสามารถเชื่อมต่อใช้งานผ่านบลูทูธ หรือช่องต่อยูเอสบีแล้วสั่งงานด้วยเสียงหลังจากที่ได้ทดลองเล่นแล้วในห้องบรรยายแล้วสนุกดีครับใช้งานง่ายขึ้นเยอะเดี๋ยวจะไปเล่าต่อให้ช่วงทดสอบแล้วกัน
หลังจากฟังบรรยายต่างๆเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายไปพักผ่อนก่อนที่จะร่วมกันรับประทานอาหารเย็นกับเหล่าผู้บริหารฟอร์ดในค่ำคืนนั้นแต่ก็ไม่ดึกมากเนื่องจากเรายังมีภาระกิจในการทดลองขับเจ้า ฟอร์ดโฟกัส กันในตอนเช้า
เช้าวันทดสอบเข้าห้องบรรยายเพื่อฟังสรุปเส้นทางในการขับขี่ในครั้งนี้กับระยะทางกว่า250 กิโลเมตรเมื่อฟังเส้นทางแล้วแบ่งหมายเลขรถรวมทั้งจับคู่กันมาคราวนี้ผมขับคู่กับน้องเก๋ วิริยา บุญเทศ จากนิตยสารป้ายแดง รถในการขับครั้งนี้มีทั้งหมด 14 คันแบ่งเป็นสี่ประตูและห้าประตูอย่างละ 7 คัน โดยทั้งหมดเป็นรุ่น2.0 Ti-VCT GDi ไม่มีรุ่น 1.6 แต่อย่างใด
ผมรับหน้าที่เป็นไม้แรกขึ้นมาก็เจอกับพวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่นที่นับวันจะคล้ายเป็นจอยเล่นเกมเข้าไปทุกที่ แผงคอนโซลกลางออกแบบมาได้น่าใช้มากวัสดุเทียบชั้นได้กับรถระดับหรูมีความประณีตในการประกอบเครื่องเสียงนั้นเป็นของโซนี่ เบาะนั่งในส่วนของผู้ขับขี่นั้นโอบกระชับตัวผู้ขับขี่ส่วนในช่วงเบาะรองนั่งนั้นสั้นไปหน่อยถ้ายื่นออกมาอีกนิดจะนั่งสบายกว่านี้อีก
สำรวจกันพอหอมปากหอมคอแล้วผมก็กดปุ่มสตาร์ทโดยไม่ต้องเสียบกุญแจก็ติดเครื่องได้ เริ่มเดินทางเราขับออกจากที่พักผ่านแหล่งชุมชนและมุ่งหน้าสู่ทางหลวงผมนั้นสามารถสัมผัสถึงความแรงของฟอร์ด โฟกัสได้เมื่อเหยียบคันเร่งลงไปเครื่องยนต์ระบบเบนซินไดเร็กอินเจ็กชั่น (GDi) เข้ากับระบบแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ (Ti-VCT)ก็รีดแรงม้าและแรงบิดออกมาได้อย่างต่อเนื่องงานนี้ดีเกินคาดและยิ่งเทียบกับเครื่องในรุ่นเดิมนั้นชนะขาดไปเลย ความเร็วปลายนั้นขอบอกว่ามีทะลุ 200 แน่นอนงานนี้
ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ตอบสนองต่อการขับขี่ได้แบบเดียวกับเกียร์ธรรมดา ใช้งานง่ายแบบเดียวกับระบบเกียร์อัตโนมัติ ด้วยสาเหตุนี้รึเปล่าก็ไม่อาจทราบได้จึงยังมีการกระตุกในช่วงออกตัวหรือเปลี่ยนจากเกียร์ 1 ไป 2 แบบที่รู้สึกได้
เสียงภายในห้องโดยสารเงียบขึ้นนอกจากการเลือกวัสดุที่ใช้ใหม่แล้วยังเสริมเส้นยางกันอากาศขอบหน้าต่าง (Glass Run) แบบ 3 ชิ้นต่อเนื่องกันทำให้เสียงลมเงียบขึ้นเยอะ
ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งทำงานโดยใช้ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESP) และการส่งสัญญาญไปยังพื้นผิวการจราจร 100 ครั้งต่อวินาที เมื่อรถเร่งความเร็วขณะอยู่ในโค้ง ระบบจะตรวจจับการทำงานของล้อหน้าที่อยู่ด้านในโค้งและส่งแรงเบรกในระดับที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถรู้สึกได้ไปยังล้อดังกล่าวหากตรวจพบการลื่นไถล ระบบนี้จึงช่วยลดการหมุนของล้อและให้ความรู้สึกประหนึ่งว่ามีการถ่ายเทแรงบิดจากเครื่องยนต์ไปยังล้อด้านนอกซึ่งสามารถยึดเกาะถนนได้ดีกว่า ดังนั้น จึงช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่และการควบคุมพวงมาลัย หลังจากได้ลองในช่วงเขา นางหงษ์ ที่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งที่ลึกนั้นประสิทธิภาพต่างๆของตัวรถไม่ว่าจะความเฉียบคมของพวงมาลัย EPAS ที่ทำงานประสานกับระบบควบคุมแรงบิดนั้นทำให้การขับขี่สนุกมากเล่นกับโค้งได้ การควบคุมนั้นสบายมากแทบที่จะไม่ต้องแก้อาการของตัวรถเลย
เบรกนั้นเป็นแบบดิสก์ทั้งสี่ล้อมาพร้อมกับ ABD EBD สามารถคุมเบรกได้ดังใจสั่ง ไม่ว่าจะเป็นแบบกะทันหันหรือต้องการความนิ่มนวลในช่วงความเร็วต่ำ เมื่อจะหยุดรถเอาอยู่หมด
ช่วงของแถมหรือลูกเล่นต่างจับยัดเข้ามาใส่ เริ่มต้นที่ระบบสั่งงานด้วยเสียงกับระบบซิงค์ ( SYNC )ที่ใช้งานง่ายขึ้นสำเนียงไม่ต้องฝรั่งจ๋าก็ใช้ได้หลังจากที่ได้ทดลองเล่นในระหว่างขับเพราะทางทีมงานจัดเป็นเกมให้ลองเล่นกัน นอกจากจะสั่งให้หาจากชื่อเพลง แทร็ก หรือแม้แต่ชื่อศิลปินก็ยังสามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธเมื่อสั่งให้โทรออกหรือรับสายแล้วยังสามารถอ่านข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษให้เราได้อีกด้วย
ระบบตรวจจับรถในจุดบอดของฟอร์ดช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ทราบเมื่อมีรถขับเข้ามายังพื้นที่ซึ่งเป็นจุดบอดทั้งด้านซ้ายและขวาของรถ หากพบระบบจะแสดงไฟสัญญาณบนกระจกข้างเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถขับเข้ามาใกล้ส่วนที่เป็นจุดบอด ซึ่งจะมีอยู่ในรุ่นรุ่นไทเทเนียม พลัส
ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำเมื่อขับที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง เซ็นเซอร์ ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านบนสุดของกระจกหน้ารถจะจับสัญญาณหาวัตถุหากตรวจพบว่ารถคันข้างหน้าเบรก ชะลอ หรือจอดนิ่งๆ และคาดว่าอาจเกิดการชนได้ ระบบจะทำงานในสภาพพร้อมเบรก หากไม่มีการตอบสนองจากผู้ขับขี่ (ไม่มีการหมุนพวงมาลัยหรือเหยียบเบรก) ระบบจะส่งแรงเบรกไปยังล้อต่างๆ แบบอัตโนมัติ พร้อมลดแรงบิดของเครื่องยนต์
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Auto Park Assist เพียงกดปุ่มสั่งงานบนแผงควบคุมอุปกรณ์โดยระบบจะตรวจหาพื้นที่จอดซึ่งมีขนาดยาวกว่าตัวรถเพียง 20 เปอร์เซ็นต์จากนั้นระบบจะเข้าควบคุมการทำงานของพวงมาลัยและหมุนพวงมาลัยเข้าสู่ที่จอดซึ่งเรายังจะต้องควบคุมเบรกและคันเร่งอยู่ และเปลี่ยนเกียร์เพื่อเดินหน้าและถอยหลังโดยไม่ต้องจับพวงมาลัยเลย
บทสรุปหลังจากลองถ้าผมจะบอกว่าเป็นรถที่โดดเด่นในเรื่องของการการขับขี่ทุกด้านจะเชื่อผมหรือเปล่าถ้าจะให้กล่าวถึงรถคันนี้ต้องบอกว่าสุดยอดมากแต่จุดด้อยของรถนั้นอยู่ในห้องโดยสารด้านหลังที่ว่าแคบและอึดอัดไปหน่อยจากการที่ได้ไปลองนั่งดู
นอกนั้นแล้วผมเชื่อคำพูดของคุณโป่งหรือคุณ ชยภัค ลายสุวรรณ พีอาร์หนุ่มรูปหล่อบองฟอร์ดว่า พี่อย่าไปหาจุดอ่อนหรือจุดด้อยของรถเลยมันแทบไม่มีหรือมีน้อยมากถ้าไม่เชื่อพี่ลองหาดูซิ งานนี้ผมว่าเขาคงจะพูดจริง
#############################################################################
เรื่อง : Premsak@caronline.net
ภาพ : ฟอร์ด
พร้อมมอบแคมเปญ …
เริ่มแล้ว …