สุดสุดในงาน AMG Driving Academyครั้งแรก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(มี Clip)
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง จัดกิจกรรม “เอเอ็มจี ไดรฟ์วิ่ง อะคาเดมี” (AMG Driving Academy) การฝึกอบรมขับขี่รถยนต์สมรรถนะสูงครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ โดยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพจากเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ดีกรีแชมป์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตรายการระดับโลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
และมร. เบิร์น ชไนเดอร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี นักแข่งรถสัญชาติเยอรมัน เจ้าของตำแหน่งแชมป์ DTM 5 สมัย และแชมป์สองสมัยจากสนามนูร์เบอร์กริงสุดโหด ร่วมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
(Left:Mr:Bernd Schneider & Right:Mr:Reinhold Renget Chief Instructor)
คุณอัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย)จำกัด
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่
(มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด)
โดยภายในกิจกรรมนี้จะแบ่งการทดสอบออกเป็น 6 สถานี ได้แก่ Drag Race, Brake & Lane Change, Cornering Exercise, Car Control, Lead & Follow และ Auto-X Practice & Competition พร้อมแบบฝึกหัดสุดท้าทายในการขับขี่แบบเต็มสนาม
โดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้าน และได้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เทคโนโลยี และนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทุกรุ่น”
“อีกหนึ่งไฮไลท์ของกิจกรรมคือ ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสประสบการณ์สุดมันส์จากการทดสอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างครบครันทั้งพอร์ตโฟลิโอรวม 14 รุ่น ทั้งรุ่นที่ประกอบในประเทศ และนำเข้า ได้แก่ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé รถสปอร์ต 4 ประตูตระกูล AMG GT และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รถยนต์นั่ง 4 ประตูในสไตล์เอเอ็มจี พร้อมด้วย Mercedes-AMG GT C Roadster, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG C 43 4MATIC, Mercedes-AMG SLC 43
รวมถึง Mercedes-AMG C 63 S Coupé เครื่งยนต์ เบนซินV 8/4วาล์วต่อสูบเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 3,982 ซีซี 510 แรงม้า/5,500-6,250 แรงบิด 700 /2,000-4,500 เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้โฉมใหม่ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงาน อย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก อีกด้วย
โดยพวกเราทั้งหมดประมาณ 50 คนเดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองแล้วมาลงที่บุรีรัมย์ โดยทริปนี้ใช้เวลาในการฝึกอบรม 2 วัน
วันแรกมาถึงสนามก็ประมาณบ่ายสองแล้ว พวกเราก็แบ่งเป็นทีมออกเป็น 4 ทีม แล้วครูฝึก(Instructor)ให้รายละเอียดต่างๆก่อนที่จะลงสนาม ซึงหลักสูตรที่ใช้ในการอบรมจะใช้หลักสูตรเดียวกับที่อบรม AMG ทั่วโลก
และถึงเวลาเข้าคอร์สกันแล้วครูฝึกก็จะพาเราไปแต่ละสถานี
และก่อนลงขับจริงครูฝึกก็จะสอนท่านั่งขับรถที่ถูกต้องให้ ก็คือจับพวงมาลัยแบบ 9 และ 3 นาฬิกาซึ่งจะทำให้ควบคุมรถง่าย และไม่จับพวงมาลัยด้วยสองมือด้านบน เพราะควยคุมรถยาก และหากกระแทกถุงลมนิรภัยทำงานจะกระแทกมือเข้าหน้าทำให้บาดเจ็บ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือทำให้ควยคุมรถยาก และแขนไม่ควรเหยียดตรงจะต้องงอเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยเวลาเกิดการชนขึ้นมา โดยนั่งหลังพิงเบาะเอาข้อมือมาแตะส่วนบนของพวงมาลัยก็จะปรับที่นั่งได้พอดี และขาก็เช่นกันต้องไม่เหยียดตรงเหมือนแขนคือเมื่อเหยียบเบรกสุดเข่าขวาต้องงอได้เล็กน้อยเพื่อให้มีแรงเหยียบเบรกได้เต็มที่ และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
และการขับรถในสนามแข่งเบาะจะไม่ปรับสูงก็เพื่อที่จะให้สายตามองไปไกลๆในทางที่เราจะไป และถ้าเห็นคันนำแตะเบรกก็ต้องแตะตามและถ้าเห็นเบรกไฟกระพริบหลายครั้งก็ต้องเบรกด้วยความระวังมากขึ้น
ถึงเวลาขับจริง
สถานีที่ 1: Car Control
เป็นการทดสอบความสามารถในการควบคุมรถของผู้ทดสอบ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง โดยรถที่ใช้ทดสอบคือ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé และ Mercedes-AMG C 43 4MATIC ที่มีการหุ้มล้อหลังด้วยปลอกพลาสติกเพื่อลดการยึดเกาะถนนจำลองเหตุการณ์ถนนลื่น โดยผู้เข้าทดสอบจะได้ลองฝึกทักษะการควบคุมรถในโหมดระบบความปลอดภัย ESP® ที่แตกต่างกัน ทั้งเปิด ปิด และในโหมด Sport
สนามก็วางไพล่อนไว้แบบซิกแซก และให้วิ่งตรงและเข้าช่องเหมือนยูเทิร์นเสร็จแล้ววิ่งตรงเข้าช่องเบรกแล้วให้วิ่งต่อไปเป็นวงกลมอีกหนึ่งรอบก่อนไปเส้นสตาร์ท
โดยขึ้นขับครั้งแรกก็จะอยู่ในโหมดสปอร์ตและเปิด ESP ขึ้นขับครั้งแรก ดิฉันก็จะขับช้าเพราะยังไม่คุ้นสนามและก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะขับช้าจนครูฝึกบอกให้เร็วขึ้น
มารอบที่ 2 คราวนี้ปิด ESP เริ่มคุ้นสนามก็เลยขับเร็วขึ้นพอถึงช่วงที่ต้อง ยูเทิร์นได้เรื่องซีครับท้ายปัดหมุนเลย ก็ปล่อยคันเร่งแล้วเหยียบเบรกให้รถหยุดแล้วขับกลับมาเป็นปกติ
รอบที่ 3 เปิด ESP ที่นี่ขับเร็วขึ้นมั่นใจว่ามีระบบช่วยแล้วแต่ลืมไปว่ายางคู่หลังใส่ปลอกพลาสติด พอถึงจุดที่ต้องยูเทิร์นก็หมุนอีกรอบ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าขับรถจงอย่าประมาทถึงจะมีระบบความปลอดภัยช่วยเราก็ต้องระมัดระวัง และยางมีความสำคัญมากยางหมดสภาพแล้วต้องเปลี่ยนเพราะควบคุมรถยากถ้ารถไม่มีระบบต่างๆช่วยก็จะแย่กว่านี้
เสร็จจากสถานีนี้ก็ไปสถานีที่ 2
สถานีที่ 2: Brake & Lane Change
เป็นการทดสอบการควบคุมเบรกฉุกเฉิน และทดสอบความเร็วในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของตัวผู้ขับขี่เอง โดยผู้ทดสอบจะได้ทดสอบระบบความปลอดภัย ESP® และไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light) ซึ่งผู้ทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. และเมื่อเห็นสัญญาณไฟกระพริบจากทางซ้ายหรือขวา ผู้เข้าร่วมทดสอบต้องเหยียบเบรกและหักเลี้ยวตามทิศทางของสัญญาณไฟ
ซึ่งสถานีนี้เราต้องขับกันคนละ 3 รอบ โดยความเร็วเริ่มตั้งแต่ 100,110 และ 120
โดยเราออกจากจุดสตาร์ท พอถึงจุดที่ให้เบรกก็ต้องเหยียบให้หยุดและหักพวงมาลัยเลี้ยวตามทิศทางของสัญญาณไฟ จุดนี้ต้องไวทุกส่วน และสมรรถนะของรถที่ดีเวลาเราบรกแรงๆในแต่ละช่วงไม่มีการลื่นไถลเลย รถให้ความมั่นคงมาก
สถานีที่ 3: Drag Race ( สวมหมวกกันน็อค)
เป็นสถานีที่เปิดโอกาสให้ผู้ทดสอบได้สัมผัสถึงสมรรถนะความแรงของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีได้อย่างเต็มที่ ด้วยการจำลองการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต พร้อมฝึกทักษะการตอบสนองของผู้ทดสอบ โดยรถทั้งสองคันจะถูกปล่อยตัวพร้อมกันเมื่อสัญญาณไฟแดงดับลง และ ผู้ทดสอบจะต้องเบรกเมื่อถึงจุดที่กำหนดไว้ ผู้ที่สามารถหยุดรถให้อยู่ในจุดที่กำหนดได้จะถือว่าชนะการแข่งขัน จุดนี้ได้เหยียบกันอย่างเต็มที่เลย ความแรงของรถ แป๊บเดียวก็ถึงจุดเบรกแล้ว
สถานีที่ 4: Cornering Exercise (สวมหมวกกันน็อค)
เป็นการทดสอบการเข้าโค้ง โดยจะใช้พื้นที่โค้งในสนามที่มีความกว้างแตกต่างกันไป ทำให้ ผู้ทดสอบสามารถฝึกทักษะที่จำเป็นในการขับขี่ ได้แก่ การเบรก การบังคับทิศทางรถ และการมองเห็นได้อย่างเต็มที่ โดยผู้ฝึกสอนจะเป็นผู้นำขบวน ทำให้ผู้ทดสอบได้ฝึกการขับขี่ในเส้นทางการแข่งรถจริงๆพร้อมทั้งยังได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ของนักแข่งรถอีกด้วย เยี่ยมจริงๆเลย
นั้นคือการขับขี่ในวันที่ 1
วันที่ 2
สถานีที่ 5: Auto-X Practice & Competition
มร.เบิร์น ชไนเดอร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของเมอร์เซเดสเบนซAMG เจ้าของแชมป์ตำแหน่ง DTM 5 สมัย และแชมป์ 2 สมัยของสนามนูเบิร์กริง
คือการจำลองการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ที่ผู้ทดสอบจะได้ใช้ทักษะการควบคุมรถ และการขับขี่ของผู้ทดสอบแต่ละคน พร้อมเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจให้ผู้ทดสอบทุกคนด้วยการจับเวลาการแข่งขัน ผู้ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
สถานีที่ 6: Lead & Follow (สวมหมวกกันน็อค)
ในสถานีนี้ รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีจะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งรถในแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะและสมรรถนะที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้ผู้ทดสอบได้ฝึกทักษะการขับขี่แบบนักแข่งรถตามเส้นทางการแข่งรถของจริง พร้อมทั้งสัมผัสสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเต็มรูปแบบ
เป็นการขับรถที่วิ่งรอบสนามมากที่สุด รถแต่ละคันแรงม้าก็ต่างกัน
และต้องตามคันที่อยู่ข้างหน้าให้ทันด้วย
มีอยู่รอบหนึ่งดิฉันอยู่คันสุดท้าย ต้องตามคันหน้าให้ทันเหยียบกันสุดสุดไปเลย จากการได้ฝึกอบรมเมื่อวันแรก เอามาใช้ได้เลยถึงการควบคุม การเบรกในแต่ละโค้ง และการเข้าโค้ง
ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทักษะทุกฐานแล้ว ผู้ขับขี่จะมีความเข้าใจ และสามารถ ใช้ประโยชน์จากสมรรถนะ และเทคโนโลยีอันทันสมัยที่มาพร้อมกับตัวรถได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ ยังได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากฝึกอบรมในครั้งนี้อีกด้วย
“บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีในทุกมิติให้กับทุกท่านผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ รวมถึงบริการหลังการขาย และการให้บริการจากผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกท่านได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคอมมูนิตี้ของกลุ่มรถยนต์ที่แรงที่สุดในโลก (World’s Fastest Family) ตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในประเทศไทยที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี” มร.ฟรังค์ กล่าวสรุป
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา (อาลองรีวิว)
ผู้หญิงขับรถ