ลัมบอร์กินี จะทำรถเก๋ง
หลังจากโด่งดังจากการผลิตรถซูเปอร์คาร์ ค่ายลัมบอร์กินี โดย ซีอีโอ สเตฟาโน โดเมนิกาลี่ Stefano Domenicali ให้สัมภาษณ์ถึงแผนงานในอนาคต ตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์นั่ง ในแบบ 2+2 เป็นโมเดลที่ 4 ของค่าย
ซีอีโอ ให้สัมภาษณ์ ออโต้คาร์ โดยกล่าวว่า ในปี 2561 ลัมบอร์กินี มียอดจำหน่าย 5,750 คัน และหากมียอดจำหน่ายถึง 8,000 คัน เมื่อใด ก็จะทำการผลิตรถยนต์นั่งออกจำหน่าย ในราวปี 2568 โดยยังไม่ได้มีการตั้งชื่อล่วงหน้าอย่างใด
โดยขณะนี้มีจำหน่าย 3 โมเดล รถเอสยูวี ยูรัส Urus, ซูเปอร์คาร์ ฮูราคาน Huracán และรุ่นใหญ่ อะเวนทาดอร์ Aventador โดยในรุ่นต่อไป จะยังคงใช้เครื่องยนต์ วี-12 เช่นเดิม และสำหรับโมเดลที่ 4 จะเป็น แกรนด์ทัวเรอร์ a grand tourer แบบ 2+2 ที่นั่ง โดยเป็นรถที่เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
รถแบบ 2+2 สำหรับ ลัมบอร์กินี เป็นสิ่งที่เคยผลิตมาแล้ว นับแต่ปี 2503 ซึ่งรวมทั้งรถเอสยูวี แอลเอ็ฒ002 ที่เป็นแบบ 4 ที่นั่ง และตามมาด้วย ยูรัส รวมทั้งรถต้นแบบในชื่อ เอสโตคิว Estoque ก็เป็นรถแบบ 4 ประตูเช่นกัน
ในภาพเป็น เอสโตคิว ที่ค่อนข้างยาว ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งแบบ 2 ประตู หรือแบบ 4 ประตู ที่ส่วนท้ายกว้างขวาง แต่ ซีอีโอ ใช้คำว่า 2+2 ซีอีโอ โดเมนิกาลี่ กล่าวถ่อมตัวว่า “หากเรายังสามารถคงยอดขายในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า เราก็น่าจะได้เห็นโมเดลที่ 4 ในไม่ช้า”
ในปี 2561 ลัมบอร์กินี ขายได้เป็นประวัติการณ์ 5,750 คัน เพิ่มขึ้น 51% โดยได้ยอดขายมาจากรถเอสยูวี ยูรัส ถึง 1,761 คัน และหากได้โมเดลที่ 4 มาจำหน่าย ลัมบอร์กินี ก็น่าจะทำยอดขายได้ปีละ 10,000 คัน อย่างสบาย