เบนซ์ เอ-คลาส รุ่นที่ 4

mercedes-a-class-004

ภาพสปายช็อต เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาส ที่น่าจะออกจำหน่ายในปี 2561 ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาใหม่ MFA เป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 หลังเกิดจากความตั้งใจให้เป็น มินิ เอ็มพีวี แล้วกลายร่างเป็นแฮทช์แบ็ค ในปี 2555 ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้น เนื้อที่ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น และขับได้คล่องตัวมากขึ้น

โครงสร้างพื้นฐาน MF ที่พัฒนาใหม่ ปรับปรุงมาเป็นโครงสร้าง MFA2 เพิ่มความยาว และช่วงล้อมากขึ้น ยังเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า แต่พัฒนาส่วนท้ายด้านหลัง ให้มีเนื้อที่ห้องเก็บสัมภาระกว้างถึง 341 ลิตร

mercedes-a-class-001

มองจากภายนอก เบนซ์ ยังคงรักษาสัดส่วนการออกแบบไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่สำหรับแนวหลังคาด้านหลัง เอ-คลาส ใหม่นี้ เงยขึ้นแล็กน้อย เพื่อให้ห้องโดยสารด้านหลัง มีความสูงเพิ่มขึ้น ผู้โดยสารนั่งแล้ว ศีรษะไม่ติดหลังคา

เอ-คลาส ยังคงมาในโฉม 5 ประตู เช่นเดิม ไม่มีแผนงานที่จะทำเป็น 3 ประตู ไฟส่องสว่างหน้าใหม่ พร้อมไฟเบรกใหม่เช่นกัน รุ่นก่อนหน้านี้ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.1 ลิตร ก็ปรับเป็นเครื่องรุ่นใหม่ ดีเซล 2.0 ลิตร ที่พัฒนาเพื่อใช้ในตระกูลเบนซ์ทั้งหมด ให้กำลังตั้งแต่ 160 จนถึง 190 แรงม้า

หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเครื่องยนต์ของเบนซ์ เบิร์นฮาร์ต เฮล Bernhard Heil เล่าให้ฟังว่า ผู้บริหารเคยให้ความสนใจที่จะพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ แต่น่าจะเป็นได้แค่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์พิเศษ สำหรับในอนาคตเท่านั้น ยังไม่มีความจำเป็นในโอกาสอันใกล้นี้

mercedes-a-class-008

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมด ก็เพื่อรองรับรถยนต์รุ่นไฮบริด 10 รุ่น ในปี 2560 ซึ่งน่าจะมีรถไฟฟ้า เอ-คลาส รวมอยู่ด้วย ส่วนรุ่นไฮบริด เครื่องยนต์ น่าจเปนรุ่นเบนซิน ขนาดเล็ก หรือเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 50 กิโลวัตต์ พร้อมเกียร์ออโต้ 9 สปีด คลัทช์คู่ที่พัฒนาใหม่เช่นกัน ประเมินว่าหากวิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวน่าจะได้ระยะทางราว 50 กม.

แต่ในส่วนของค่าย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ที่พัฒนารถแรงนั้น แม้ว่ารุ่นปัจจุบัน เอ45 A45 ของเอเอ็มจี จะเป็นตัวที่แรงที่สุดในโลกอยู่แล้วสำหรับรถแฮทช์แบ็ค แต่วิศวกรของ เอเอ็มจี ก็กำลังพัฒนาสำหรับเครื่องรุ่นใหม่ ที่ตั้งเป้าจะทำให้ได้ราว 400 แรงม้า

ส่วนภายในห้องโดยสาร ก็พัฒนากันใหม่ ออกแบบให้เป็นแนวเดียวกับ ซี-คลาส และ อี-คลาส แต่จะหรูหรามากขึ้น ด้วยวัสดุที่ใช้คุณภาพดีขึ้น แผงหน้าปัดเรียบง่าย พร้อมจอดิจิตัล ขนาดใหญ่ และเปลี่ยนระบบเครื่องให้ความบันเทิง COMAND ให้เป็นลักษณะของ ทัชแพด ทำงานเหมือนกับใช้งานไอแพดตามปกติ

ส่วนระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขี่ เทคโนโลยีใหม่ ก็ใส่เข้ามาคับคั่ง ตั้งแต่เซ็นเซอร์ สต็อพ แอนด์ โก ระบบช่วยเหลือการจอด และระบบคล้ายคลึงกับยานยนต์ไร้คนขับมากมาย

Facebook Comments