MGเปิดตัวNEW MG GS

 บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว NEW MG GS รถสปอร์ตเอสยูวีรุ่นใหม่ ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์แนวสปอร์ตที่เหนือกว่าในทุกมิติ โดดเด่น ลงตัวทุกมุมมองด้วยดีไซน์อันทันสมัยผสานกันอย่างลงตัว เร้าอารมณ์ทุกการขับขี่ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้นของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด พร้อมให้คุณมั่นใจและสะท้อนตัวตนในแบบที่ไม่ตามใคร

 

GS_1010

NEW MG GS ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) เช่นเดียวกับรถเอ็มจีทุกรุ่น ที่โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การควบคุม และความปลอดภัย ซึ่งเหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ในเซกเมนต์ดียวกัน

การออกแบบของ NEW MG GS ถ่ายทอดผ่าน DNA มาจากศูนย์ออกแบบรถยนต์ ยูเค เทคนิคคอล เซนเตอร์ (UK Technical Centre) ณ เมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโคมไปใน ยูเค พาวิลเลี่ยน เวิลด์ เอ็กซ์โป (UK Pavilion World Expo) ประเทศอังกฤษ ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวทุกมุมมองสะท้อนเอกลักษณ์แบบไม่ตามใคร (Follow No Others) กับคอนเซปต์การออกแบบ Diamond Flow Design เพื่อเน้นความสปอร์ตและปราดเปรียว กระจังหน้าทรงเรียวเชื่อมต่อกรอบไฟ บนฝากระโปรงมีเส้นสันคมที่เน้นย้ำโลโก้ MG ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ล้ำสมัยด้วยกรอบไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมสอดรับกับแผงกันกระแทกรอบคันที่ช่วยเพิ่มความบึกบึน ปลายท่อไอเสียทรง 4 เหลี่ยม

GS_1013

NEW MG GS มาพร้อมกับกรอบไฟหน้าโปรเจคเตอร์ เฮชไอดี ไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแอลอีดีให้ความสว่างชัดเจนในทุกระยะการขับขี่พร้อมไฟเบรกดวงที่สามที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับ และซันรูฟแบบปรับไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่และการเดินทาง NEW MG GS ยังมาพร้อมระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง รวมถึงราวหลังคา ขณะที่ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตสีทูโทนมีขนาด 18 นิ้วเติมเต็มความเฉียบคมของรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

การออกแบบและตกแต่งภายในห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุหนังระดับพรีเมียมสีดำสะท้อนภาพลักษณ์แห่งความสปอร์ตดุดัน ดีไซน์เน้นเหลี่ยมคมแบบโมเดิร์นสลับกับเส้นสายโค้งมนให้ความนุ่มนวลกลมกลืนรอบคัน เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบแยกส่วนแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้าย พร้อมจัดเต็มฟังก์ชั่นเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารสูงสุด เบาะที่นั่งผู้ขับขี่และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูส คอนโทรล (Cruise Control) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยกุญแจอัจฉริยะ การสตาร์ทรถแบบ Push Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และกระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ

 

อีกหนึ่งความโดดเด่นของ NEW MG GS คือเทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ inkaNet (อินคาเน็ต) อัดแน่นไปด้วย 12 ฟังก์ชั่น ประกอบด้วย การโทรออก-รับสาย การรับ-ส่งข้อความ หรือแม้กระทั่งการแชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านหน้าจอวิทยุ ตลอดจนระบบการนำทางรถยนต์ ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบสถานะของรถยนต์ การแจ้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน พร้อมการวางแผนการเดินทาง การควบคุมการทำงานของรถยนต์ การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ และระบบเลขาฯส่วนตัว ระบบนำทางเนวิเกชั่นแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงตอบสนองความบันเทิงผ่านลำโพง 8 ตัว รองรับมัลติมีเดียและการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อมยูเอสบี (USB) และเอยูเอ็กซ์ (AUX) นอกจากนี้ ยังมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยหลัง

 

เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคอินเจคชั่น พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,500 – 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ (AWD) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ TST – Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.2 วินาที สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85

 

ระบบกันสะเทือนของ NEW MG GS ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง โครงสร้างตัวถังนิรภัย แข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยี FSF – Full Space Frame ป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่งด้วยถุงลมคู่หน้าและด้านข้างให้ความอุ่นใจในทุกเส้นทาง

 

ปกป้องทุกการขับขี่กับมารตฐานความปลอดภัยที่ไม่เป็นรองใคร ด้วยระบบ SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 13 ระบบความปลอดภัยที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวทั้งระบบ ตั้งแต่การป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS – Anti-lock Braking System) พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD – Electronic Brake Force Distribution) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS – Traction Control System) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC – Curve Brake Control) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS – Stability Control System) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (AVH – Auto Vehicle Hold) ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัจฉริยะ (BDC – Intelligent Brake Disc Cleaning) ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิคเบรกให้เหมาะสม (OHBV – Optimized Hydraulic Brake Servo) ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR – Motor Control Slide Retainer) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBA – Electronic Brake Assist System) ตลอดจนระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS – Hill-Start Assist) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS – Tire Pressure Monitor System) และระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB – Electronic Parking Brake)

 

NEW MG GS มีให้เลือก 2 รุ่น คือ 2.0T D 2WD ราคา 1,210,000 บาท และ 2.0T X AWD ราคา 1,310,000 บาท

 

ทั้งนี้ NEW MG GS มีสีให้เลือกทั้งแบบทูโทนและสีมาตรฐาน ทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีส้ม เบิร์นออเร้นท์พร้อมหลังคาสีดำ สีขาว อาร์คติคไวท์พร้อมหลังคาสีดำ สีดำ พิชแบล็ค สีน้ำตาล มอคค่าบราวน์ และสีเงิน แพลทตินั่มซิลเวอร์ ทั้งหมดนี้ คือ NEW MG GS สุดยอดยนตรกรรมที่เพียบพร้อมและโดดเด่นในด้านดีไซน์ แรงเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร กว้างขวางเหนือระดับ และครบทุกฟังก์ชั่นความปลอดภัย พร้อม inkaNet เทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ มาตรฐานใหม่ที่เหนือระดับที่สะท้อนตัวตนในแบบที่ไม่ตามใคร Follow no others

 

พร้อมกันนี้ ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ NEW MG GS ยังจะได้รับความอุ่นใจกับการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงบริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobile Services) เมื่อมีการโทรแจ้งนัดหมายล่วงหน้าอีกด้วย พิเศษสำหรับลูกค้า NEW MG GS ทุกท่านจะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือฟรีนาน 5 ปี

 

ผู้ที่สนใจสามารถชมและจองรถยนต์ NEW MG GS ได้ที่โชว์รูม เอ็มจี ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมนี้ หรือ พบกันที่บูธ A15 ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคมถึง 3 เมษายนนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

# # #

Facebook Comments